คนโบราณ ซึ่งพุทธมามกะและเคร่งครัดในคำสอนพุทธศาสนา จะสอนลูก สอนหลานเสมอว่า การพนันเป็นอบายมุขหรือเป็นบ่อเกิดแห่งความเสื่อมประการ 1 ใน 4 คือ
1. อิตถีธุตตะ เป็นนักเลงหญิง
2. สุราธุตตะ เป็นนักเลงสุรา
3. อักขธุตตะ เป็นนักการพนัน
4. ปาปมิตตะ คบคนชั่วเป็นมิตร
4 ประการข้างต้น เป็นบ่อเกิดแห่งความเสื่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพนันจะเห็นได้จากคำพูดที่ว่าไฟไหม้ 7 หน โจรปล้น 7 ครั้ง ยังหายนะน้อยกว่าการพนัน และคำสอนของพุทธศาสนาที่ว่าด้วยโทษการพนัน 6 ประการคือ
1. เมื่อชนะย่อมก่อเวร
2. เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป
3. ทรัพย์หมดไปๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน
4. เข้าที่ประชุม เขาไม่เชื่อถ้อยคำ
5. เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อนฝูง
6. ไม่เป็นที่ประสงค์ของผู้ที่จะหาคู่ครองให้ลูกของเขา
ประเทศไทยมีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และคำสอนของศาสนาพุทธห้ามมิให้เล่นการพนัน อีกทั้งกฎหมายของประเทศไทยก็บัญญัติไว้ว่า การเล่นการพนันผิดกฎหมาย
แต่ในความเป็นจริงที่ปรากฏ ประเทศไทยมีการเล่นการพนันอยู่ดาษดื่น ทั้งที่เปิดเล่นการพนันโดยตรงในรูปของบ่อนเถื่อน และการพนันซึ่งแฝงอยู่กับการกีฬา เช่น กีฬาชกมวย กีฬาฟุตบอล และกีฬาแข่งม้า เป็นต้น รวมไปถึงหวยเถื่อนที่แฝงอยู่กับสลากกินแบ่งของรัฐ
ในปัจจุบันจากการประมวลของนักวิชาการปรากฏว่า คนไทยประมาณ 5 ล้านคนจาก 75 ล้านคน หรือประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์กว่า เคยเข้าไปเล่นการพนันในบ่อน ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยที่ตกอยู่ในอบายมุข และที่การพนันมีอยู่อย่างดาษดื่นเช่นนี้ก็ด้วยเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. การที่บ่อนการพนันเกิดขึ้น และดำรงอยู่ได้ทั้งที่ผิดศีลธรรม และผิดกฎหมาย ก็เนื่องจากคนไทยในปัจจุบันห่างวัด และถูกครอบงำวัตถุนิยม ทั้งไม่เกรงกลัวกฎหมาย และที่ร้ายยิ่งกว่านี้ก็คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษากฎหมาย และบังคับใช้กฎหมาย เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ มองไม่เห็นบ่อนในท้องที่ที่รับผิดชอบ จะด้วยไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ เนื่องจากได้ผลตอบแทนการไม่รู้ก็ได้
2. การเล่นพนัน ซึ่งแฝงอยู่วงการกีฬาเกิดขึ้นจากมูลเหตุ 2 ประการ โดยแบ่งประเภทตามสถานะทางเศรษฐกิจของผู้เล่นการพนันคือ
1. คนรวยเล่นการพนันเป็นกีฬา เพื่อความสนุกสนาน เพิ่มความตื่นเต้นให้กับชีวิต แพ้หรือชนะมิใช่เป้าหมาย ดังนั้น เมื่อแพ้ก็ไม่เสียดายจึงไม่เป็นทุกข์ และไม่จองเวรแก่ผู้ชนะ
2. คนจนเล่นการพนันเพื่อหวังจะชนะได้เงินมาเป็นค่าใช้จ่าย ดังนั้น เมื่อแพ้ก็ผิดหวังเป็นทุกข์ เนื่องจากเสียดายเงิน และจองเวรกับผู้ชนะ และกลับมาแก้แค้น จึงทำให้เป็นทุกข์
จากเหตุปัจจัย 2 ประการข้างต้น จะต้องนำมาคิดต่อว่า ในจำนวนผู้ที่เล่นการพนัน 5 ล้านคน มีคนรวยที่เล่นการพนันเป็นกีฬาจำนวนกี่คน และเป็นคนจนที่เล่นเพื่อความหวังจำนวนกี่คน ประเด็นนี้ยังไม่มีรายงานการวิจัยมารองรับ ถ้ามีการวิจัยและทราบจำนวนแน่นอนของผู้เล่นทั้งสองประเภท ก็จะทำให้มองเห็นว่า การพนันทำให้คนไทยเป็นทุกข์มีจำนวนเท่าใด
อย่างไรก็ตาม ถ้าดูจากความมั่งคั่งของประเทศ และการถือครองทรัพย์สินแล้ว พอจะอนุมานได้ว่า คนรวยในระดับที่เล่นการพนันแพ้แล้วไม่เดือดร้อนคงจะมีไม่มาก
แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนระดับกลาง และระดับล่าง ซึ่งเล่นการพนันแพ้แล้วเดือดร้อนแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงน่าจะได้ดำเนินการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการเล่นการพนันอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสามารถดำเนินการได้ดังนี้
1. เปิดให้มีการเล่นการพนันถูกต้องตามกฎหมาย โดยให้ผู้ร่ำรวยและต้องการเล่นการพนันเป็นกีฬาเท่านั้นเข้ามาเล่น ทั้งนี้โดยอาศัยหลักฐานการเสียภาษีเป็นตัวกำหนด เป็นเงื่อนไขในการอนุญาตให้เข้ามาเล่นแล้วออกเป็นบัตรสมาชิก
2. จัดการปราบปรามบ่อนเถื่อนอย่างจริงจัง และสิ่งที่ต้องทำก่อนอื่นคือ ลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีบ่อนเถื่อนรุนแรงถึงขั้นไล่ออก มิใช่แค่โยกย้ายดังที่เป็นอยู่