ผศ.ดร.รัฐกร พูลทรัพย์
คณะสถิติประยุกต์
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
บทความนี้ไม่ได้เป็นการเขียนเพื่อชี้ช่องทางให้กับมิจฉาชีพ แต่มีวัตถุประสงค์ที่จะให้ภาครัฐ สาธารณสุข และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเตรียมตัวเพื่อที่จะรองรับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
วัคซีนป้องกันไวรัสเชื้อโรคโควิด-19 คาดว่าจะเป็นที่ต้องการของประชาชนเป็นอย่างมากโดยเฉพาะสถานการณ์ในปัจจุบันที่เริ่มมีการระบาดในรอบที่ 2 ทั้งนี้คาดว่าในต้นปี 2564 จะมีเริ่มมีการแจกจ่ายวัคซีนให้กับประชาชนอย่างเช่นในต่างประเทศ แต่หากการแจกจ่ายวัคซีนดังกล่าวเป็นไปอย่างล่าช้า ก็จะทำให้เกิดช่องว่างให้กับพวกกลุ่มมิจฉาชีพในการนำวัคซีนปลอม ราคาแพง เข้ามาจำหน่ายจ่ายแจกให้กับประชาชนอย่างผิดกฎหมายซึ่งอาจจะมีผลร้ายแรงต่อสุขภาพและเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขต่อไป นอกจากนี้ยังอาจจะเกิดปัญหาสังคมในเรื่องของความโปร่งใสในการจ่ายแจกวัคซีนให้กับประชาชน เพราะว่าไม่มีทางที่ภาครัฐจะฉีดวัคซีนให้กับคนในประเทศและคนต่างด้าวรวม 70 ล้านคนได้ภายใน 2-3 เดือน คำถามคือว่าจะให้ใครฉีดก่อน “คนรวยมีฐานะดีจะได้รับวัคซีนก่อนคนที่มีความจำเป็นจริง ๆ ไหม เช่น คนจนแก่ ๆ ในสังคมไทย” ดังนั้นภาครัฐจึงควรจะมีมาตรการในการป้องกันปัญหาดังกล่าวไว้ล่วงหน้า ทำอย่างไรให้การกระจายวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็ว และทำให้ประชาชนเชื่อมั่นและมั่นใจได้ว่าวัคซีนที่ได้รับนั้นเป็นของแท้ ไม่มีการปลอมแปลง ได้คุณภาพ และลดปัญหาความโปร่งใสทางสังคมที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
เทคโนโลยีบล็อกเชน จึงเป็นคำตอบของแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว หากภาครัฐนำเทคโนโลยีบล็อกเชน เข้ามาใช้เพื่อบันทึกและติดตามวัคซีนตั้งแต่การนำเข้าจากต่างประเทศ หรือการผลิตเองในประเทศ การส่งมอบให้กับโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลต่าง ๆ จนถึงการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน โดยการสร้างแอปพลิเคชันบนเทคโนโลยีบล็อกเชนให้กับประชาชนสามารถใช้ตรวจสอบได้ว่าวัคซีนดังกล่าวมีรหัสประจำตัวซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของจริง นำเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย ได้รับมาตรฐาน และมีการเก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิที่กำหนดจากผู้ผลิต ก็จะทำให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าได้รับวัคซีนของแท้ที่ถูกต้องมีคุณภาพและสร้างความสบายใจให้กับประชาชน รวมถึงสามารถการแก้ไขปัญหาสังคมต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่นเรื่องความโปร่งใสในการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มคนตามที่ภาครัฐกำหนดให้ฉีดวัคซีนตามช่วงวลาต่าง ๆ ลดความสงสัยของประชาชนที่อาจจะเกิดขึ้นในการแจกจ่ายวัคซีนว่าการจ่ายแจกเป็นไปอย่างยุติธรรมตามนโยบายของภาครัฐที่กำหนดไว้ (คือจะไม่มีใครที่มีอภิสิทธิแอบไปได้รับวัคซีนก่อนกำหนดด้วยการให้สินบนกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ)
อีกทั้งในระดับผู้บริหารของภาครัฐและสาธารณสุข ก็จะทราบได้ว่าประชาชนคนไหนที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว ฉีดวัคซีนไปเมื่อไร รวมถึงติดตามผลการฉีดวัคซีน อาการแพ้ การฉีดซ้ำ หรือการฉีดไปแล้วไม่ได้ผลกลับมาติดไวรัสได้อีก และในมุมมองอื่น ๆ ทางการแพทย์อีกมากมาย และนอกจากนี้ ยังสามารถใช้ตรวจสอบการฉ้อโกงของประชาชนหรือนักการเมืองบางกลุ่ม ที่ได้รับประโยชน์การจำหน่ายจ่ายแจกวัคซีนเกินจำนวนที่กำหนด ซึ่งอาจจะส่อถึงผลประโยชน์อันพึงมิชอบเชิงพาณิชย์ โดยสามารถกำหนดตัวบุคคลและบทลงโทษได้อย่างชัดเจน
ด้วยคุณสมบัติของเทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยให้เราสามารถพัฒนาระบบดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และโปร่งใส เพราะทุกหน่วยงานของภาครัฐและภาคเอกชนสามารถแชร์ ข้อมูลวัคซีนทั้งด้านการติดตามและด้านการจ่ายแจกให้กับประชาชนจากทุกๆ หน่วยงานเปรียบเสมือนมีข้อมูลบูรณาการเป็นหนึ่งเดียว ทั้งนี้ภาครัฐสามารถกำหนดนโยบายการควบคุมสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลได้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องให้การเท่านั้น สุดท้ายคือข้อมูลวัคซีนดังกล่าวที่เก็บอยู่ในเทคโนโลยีบล็อกเชนมีความเชื่อถือสูงและโปร่งใส เพราะไม่สามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลโดยมิชอบได้ (ไม่ว่าจะเป็นแฮ็กเกอร์ระดับมือหนึ่งของโลกก็ไม่สามารถเข้ามาแก้ไขข้อมูลได้)
ฝากคนไทยทั้งประเทศช่วยแชร์เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในสังคม เป็นวิธีการป้องกันคนโกงและคอรัปชั่นต่อไปในอนาคต