ผู้จัดการรายวัน 360 - “ศบค.” พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 527 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 82 ราย มท.ออกมาตรการเข้ม ให้ทุกจังหวัดกักตัวคนจากพื้นที่เสี่ยง "บิ๊กตู่" ยัน 5 จว. ไม่ได้ล็อกดาวน์ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นต้องล็อกดาวน์ สั่งจองวัคซีคเพิ่มอีก 35 ล้านโดส รองรับคนไทย 60 ล้านคน เปิดไทม์ไลน์ทยอยฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ครม.อนุมัติ 1.2 พันล้าน จัดหาเร่งด่วน 2 ล้านโดส ให้กลุ่มเสี่ยง-จนท.บุคลากรทางการแพทย์ ล็อตแรก 2 แสนโดส ปลายเดือน ก.พ.นี้ พร้อมมอบหมายฝ่ายเศรษฐกิจดูมาตรการช่วยเหลือประชาชนในระยะ 2 เดือนนี้ ยันรัฐบาลมีเงินเพียงพอ ซัดคนปล่อยข่าวเก็บภาษี "คนละครึ่ง" ดอนเมืองผวา! โรฮิงญา 18 คน ซุกท้ายตลาด ตรวจเจอติดโควิด 7 ราย แฉจ่ายส่วยหัวละ 6 พัน
วานนี้ (5 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย พบมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 527 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 82 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศมีประวัติไปในสถานที่เสี่ยง มีอาชีพเสี่ยง หรือสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้า 56 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 26 ราย ขณะที่การคัดกรองเชิงรุกในแรงงานต่างด้าวจำนวน 439 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 6 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 8,966 ราย ยอดหายป่วยสะสม 4,397 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 65 ราย ขณะนี้มีจังหวัดที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 2 จังหวัด คือ จ.สิงห์บุรีและน่าน แล้วทั้งสิ้น 56 จังหวัด
ทั้งนี้ ในที่ประชุม ศบค.วันที่ 4 ม.ค.มีการชี้แจงเกี่ยวกับหนังสือที่ออกโดยปลัดกระทรวงมหาดไทย ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โดยมาตรการสำหรับทุกพื้นที่ ให้เน้นย้ำประชาชนมีมาตรการป้องกันโรค ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนให้ความร่วมมือ กรณีประชาชนที่เดินทางพื้นที่ที่มีการพบเชื้อสูงหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด ขอให้กักตัวเอง 14 วัน หากมีอาการให้รีบไปพบแพทย์และให้ข้อมูลแพทย์ตามความเป็นจริง และให้นำข้อสั่งการของนายกฯกวดขันไม่ให้มีบ่อนการพนันที่เป็นจุดเสี่ยงไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ขณะที่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดให้ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการเผยแพร่โรค ห้ามนั่งบริโภคในร้านอาหาร เวลา 21.00-06.00 น. และต้องตรวจคัดกรองผู้เดินทางข้ามจังหวัดหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุดกับรอยต่อพื้นที่ควบคุม ให้มีการบันทึกข้อมูลดำเนินการตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข และขอความร่วมมืองดหรือชะลอเดินทางข้ามพื้นที่ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นหรือการขนส่งสินค้า
"การเพิ่มมาตรการในพื้นที่ 5 จังหวัด ทั้งสมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด ไม่เรียกว่าล็อกดาวน์ เพราะการล็อกดาวน์ คือ ห้ามออกจากบ้านหลัง 22.00 น. สนามบินปิด ห้ามเดินทาง แต่ตอนนี้ยังสามารถเดินทางได้อยู่ เพียงแต่ขอให้มีการตรวจสอบคนที่เดินทางเข้า-ออก และติดตั้งจุดตรวจประชาชนเข้าพื้นที่"
นพ.ทวีศิลป์ ยังเพิ่มเติมว่า จากการสรุปข้อมูลการกระจายตัวของเชื้อโควิดใน จ.สมุทรสาคร ขณะนี้มีการกระจายตัวไปกว่า 45 จังหวัด จ.สมุทรสาคร มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดจำนวน 2,296 ราย รองลงมาคือกทม. 86 ราย นครปฐม 38 ราย โดยผู้ติดเชื้อร้อยละ 71 เป็นชาวเมียนมา ร้อยละ 24 เป็นคนไทย และอื่นๆร้อยละ 5 ขณะที่การกระจายตัวผู้ติดเชื้อใน จ.ระยอง ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่มีประวัติเชื่อมโยงกับบ่อน และนำไปติดผู้ที่ไม่มีประวัติเชื่อมโยงกับบ่อน
กทม.ติดเชื้อเพิ่ม 15 คน ระยองเพิ่ม 28 คน
ทั้งนี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ พบผู้ติดเชื้อใหม่ 15 คน ทั้งหมดเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ สัญชาติไทย 13 คน สัญชาติลาว 1 คน และเมีย 1 คน ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมในกทม. (15 ธ.ค.63 – 5 ม.ค.64) อยู่ที่ 245 คน
นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองแถลงว่า วันนี้ ยอดผู้ติดเชื้อของจ.ระยองมียอดเพิ่มขึ้น 28 คน รวมยอดทั้งหมด 456 คน โดยอ.เมืองระยอง เป็นเขตที่พบผู้ติดเชื้อมากสุด
"บิ๊กตู่" แนะทำความเข้าใจ อะไร คือ ล็อกดาวน์
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (5ม.ค.) ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมครม. ผ่านระบบ Video Conference ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด- 19
ทั้งนี้ ก่อนการประชุมครม. ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ เดินจากตึกไทยคู่ฟ้ามายังตึกบัญชาการ 1 ผู้สื่อข่าวถามกรณี นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊กระบุที่ประชุม ศบค.มีมติ ล็อกดาวน์ 5 จังหวัดภาคตะวันออกนั้น นายกฯกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า "ไปอ่านเอาให้เข้าใจ ว่า อะไ รคือ ล็อกดาวน์ ไม่ล็อกดาวน์"
ต่อมาในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เราคาดการณ์ว่า ความรุนแรงน่าจะน้อยกว่าปีที่แล้ว แต่ปรากฏว่าปีนี้ มากกว่าปีที่แล้ว ซึ่งเกิดปัญหาทั่วโลก ต้องรีบแก้ให้ได้โดยเร็ว
นายกฯยัน 5 จังหวัดไม่ได้ล็อกดาวน์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ต้องทำความเข้าใจกับมาตรการที่ ศบค.ได้ให้มีการดำเนินการ เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา ทุกอย่างที่ประกาศออกไป ได้มีการปรึกษาหารือกับหลายหน่วยงาน และทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด เรื่องของการศึกษา โรงเรียนและสถาบันการศึกษา การงดใช้อาคารเรียน ให้เรียนออนไลน์ ซึ่งตนได้ให้กระทรวงสาธารณสุข ไปดูในโรงเรียนที่ไม่สามารถใช้การสอนออนไลน์ได้ ให้หาวิธีอื่น ฝากทุกคนช่วยกันคิดด้วย ตอนนี้ให้กระทรวงศึกษาฯ กำลังดำเนินการอยู่
ส่วนการดื่มสุราเป็นบ่อเกิด 2 อย่างคือ ความประมาทและผลกระทบบาดเจ็บสูญเสีย จะเห็นได้ว่า ช่วงหยุดหลายวันสถิติสูงขึ้น ทั้งที่น่าจะลดลง เพราะลดการเดินทาง แต่กลับสูงกว่าปีที่แล้ว ดังนั้น ต้องระวังให้มากขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว โดยใช้คนเกือบ 6 หมื่นคน ในการตั้งด่านต่างๆ ซึ่งการสูญเสียอยู่ในพื้นที่สายรอง ตรงนี้ตนได้เน้นไปแล้ว
"ในกรณี 5 จังหวัดที่ยังสับสนกันอยู่ การให้ข่าวต่างๆ ยังไม่ค่อยตรงกัน ฉะนั้นผมขอยืนยันตรงนี้ว่า 5 จังหวัดที่ว่ามา ไม่ใช่การล็อกดาวน์ การล็อกดาวน์ ที่เคยทำมาก่อนคือ การห้ามเดินทาง อยู่แต่ในบ้าน และบ้านเมืองเหมือนบ้านร้าง แต่เรายังไม่ไปถึงตรงโน้น เพราะเรามีมาตรการระหว่างทาง และมาตรการเดินทางเข้าพื้นที่ ไม่ใช่การล็อกดาวน์ แต่วันหน้าถ้ายังแก้ไม่ได้ ก็คงต้องล็อกดาวน์ จึงต้องพูดให้ชัดเจน" นายกฯ กล่าว
สำหรับการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครม.ได้อนุมัติงบประมาณให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการเตรียมเงินสำหรับรองรับวัคซีน โดยจะเข้ามาในระยะแรก 2 ล้านโดส ปลายเดือน มี.ค.ประมาณ 8 แสนโดส สำหรับประชาชน 4 แสนคน เดือนเม.ย.จะได้อีก 1 ล้านโดส เพียงพอสำหรับประชาชน 5 แสนคน ปลายเดือนพ.ค.อีก 26 ล้านโดส สำหรับประชาชน 13 ล้านคน ทั้งหมดจะต้องผ่านมาตรฐานองค์การอาหารและยา (อย.) ของเราและอย. ต่างประเทศด้วย และวันนี้ได้มีการสั่งจองเพิ่มบริษัท AstraZeneca อีก 35 ล้านโดส ฉะนั้นจะมีประชาชนเกือบ 60 ล้านคน ที่จะได้รับการฉีควัคซีน ตามระยะเวลาที่วัคซีนเข้ามา จากข้อมูลสาธารณสุขคิดว่า เพียงพอ ต้องฉีดคนละ 2 โดส ห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ ทยอยฉีด
ส่วนการจะให้กลุ่มใดฉีดก่อน เป็นไปตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่สำคัญผู้ที่อยู่หน้างาน ใกล้ชิดการตรวจคัดกรอง และผู้เจ็บป่วยโควิด ต้องให้ความสำคัญส่วนนี้ก่อน และผู้ที่จะมีความเสี่ยงเกิดโรครุนแรง หรือการแพทย์ด่านหน้า ประชาชนผู้สูงอายุ ประชาชนที่มีโรคเรื้อรัง และอื่นๆ ที่มีความจำเป็น ส่วนล็อตที่ 2 จำนวน 26 ล้านโดส จะเริ่มส่งมอบเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของวัคซีน แอสตราเซเนกา (AstraZeneca)ของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตั้งไว้ในสถานการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระองค์ได้ทรงพระราชนุญาตให้ใช้ในการผลิตวัคซีนได้ ซึ่งคาดว่าจะผลิตได้ประมาณปีละ 200 ล้านโดส ในระยะต่อไป ฉะนั้น น่าจะเพียงพอในการให้วัคซีนได้ทั่วทั้งประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีประชาชนคัดค้านการตั้ง รพ.สนาม ในพื้นที่ตัวเอง อย่างที่จ.ราชบุรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้ามีความจำเป็น ก็ต้องตั้ง และต้องสร้างความเข้าใจกับชุมชนและท้องถิ่นให้ดี ทั้งนี้ ในกรณีที่ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ เพดานสูงสุด จนอาจนำไปสู่การล็อกดาวน์นั้น ตรงนี้ ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา ทั้งด้านของสุขภาพ เศรษฐกิจ จะต้องไปด้วยกันให้ได้ เราต้องเรียนรู้ว่า จะอยู่กับโควิด-19ได้อย่างไร
"ตอนนี้ เรากำลังรวมไทยสร้างชาติ ร่วมต้านโควิด-19 ทุกคนไม่ต้องปิดบัง รายงานต่อเจ้าหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะมีการแพร่ระบาดในสถานที่รักษาพยาบาล และสถานที่คัดกรอง ต้องรับผิดชอบต่อคนอื่นด้วย เราต้องบริหารคนถึง 66 ล้านคน ตามยอดประชากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น การที่จะทำให้คนทั้งหมดไปในทิศทางเดียวกัน เข้าใจตรงกัน คือต้องฟังมาตรการของรัฐซื่อสัตย์ต่อตนเอง ครอบครัว สังคมรวมไทยสร้างชาติต้าน โควิด-19"
ลั่น มีเงินเพียงพอเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
ส่วนมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิค-19 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาสังคม และ เศรษฐกิจ ไปพิจารณาว่าจะช่วยเหลืออย่างไรในช่วง 2 เดือนนี้ ส่วนมาตรการที่ช่วยเหลือเดิมอยู่แล้ว ก็ต้องยืดระยะเวลาออกไป เช่น โครงการเที่ยวด้วยกัน ที่มีการจ่ายค่ามัดจำที่พักไปแล้ว ก็ขอให้ยืดระยะเวลา
โดยเบื้องต้น ได้มีการปรึกษาหารือกับผู้ประกอบการแล้ว ทั้งนี้ ย้ำว่า จะต้องช่วยเหลือประชาชนทุกคนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่เฉพาะบางพื้นที่ ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่จะออกมาต้องใช้เงินอีกจำนวนมาก และยืนยันว่า ขณะนี้รัฐบาลยังมีเงินเพียงพออยู่ ส่วนโครงการ คนละครึ่ง เป็นมาตรการที่รัฐบาลออกมา เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน จะไปเก็บภาษีได้อย่างไร
ครม.ไฟเขียวจัดซื้อวัคซีน 1,228 ล้าน
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุุมครม.ว่า ครม.รับทราบการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมเร่งด่วน ซึ่งมีการพูดคุยกับ บริษัทซิโนแวค ไบโอเทค (Sinovac Biotech)เพื่อจัดหาวัคซีน 2 ล้านโดส โดยวัคซีนที่จะได้รับอนุญาตเข้ามาใช้กับคนไทย จะต้องขึ้นทะเบียนกับทางสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศจีน และจะต้องนำมาให้ อย.ของประเทศไทย อนุมัติเพิ่มเติมด้วย ซึ่งองค์การเภสัชกรรม จะเป็นผู้ดำเนินการ และกรมควบคุมโรคเป็นผู้จัดซื้อ และกระจายไปสู่ประชาชน โดยมีวงเงินจัดสรร 1,228 ล้านบาท ในการจัดหาวัคซีน 2 ล้านโดสโดยเร็ว และเร่งด่วน แบ่งเป็น 2 แสนโดสแรกนำเข้ามาในเดือนก.พ.64 ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตามโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อนำไปฉีดเข็มแรกให้เจ้าหน้าที่ทำงานภาคสนามในพื้นที่ควบคุมสูงสุด เช่น จ.สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด ประมาณ 2 หมื่นคน และในกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อ มีภาวะแทรกซ้อนสูง และกลุ่มจำเป็นอื่นๆ อีกประมาณ 1 แสน 8 หมื่นคน
ส่วนในเดือนมี.ค. 64 จะได้วัคซีนอีก 8 แสนโดส ซึ่งจะฉีดเข็มที่สอง ให้กลุ่มที่ 1 จำนวน 2 แสนโดส ส่วนอีก 6 แสนโดส ฉีดในกลุ่มจังหวัดที่ควบคุมสูงสุด ชายแดนภาคตะวันตก ภาคใต้ และบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ ร่วมถึงอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และกลุ่มที่ติดเชื้อที่มีภาวะแทรกซ้อนสูง และกลุ่มจำเป็นอื่นๆ อีกประมาณ 5 แสน 4 หมื่นคน ขณะที่ในเดือนเม.ย.64 จะได้วัคซีนเพิ่มอีก1 ล้านโดส รวมเป็น 2 ล้านโดส โดยจะฉีดเข็มที่สองให้กับกลุ่มที่ได้รับวัคซีนในเดือนมี.ค. ประมาณ 6 แสนคน ส่วนอีก 4 แสนโดส จะฉีดให้กับบุคลากรอื่นๆ เพิ่มเติม
ทั้งนี้ ประชาชน 1 คน จะต้องได้รับการฉีดวัคซีน 2 โดส หลังจากนั้นประเทศไทย มีการจองซื้อวัคซีนรวมทั้งสิ้น 26 ล้านโดส ไปแล้วจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งคาดว่าจะนำเข้ามาเพื่อให้คนไทยได้ใช้ประมาณกลางปี 64 นอกจากนี้ นายกฯ อนุมัติเพิ่มเติมในการจัดหาซื้อวัคซีนอีก 35 ล้านโดส เพื่อให้คุ้มครองคนไทยอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด รวมเรามีวัคซีนทั้งหมด 63 ล้านโดส ที่ให้คนไทยใช้ได้ภายในปี 64.
ติดเชื้อสถานบันเทิงย่านปิ่นเกล้าพุ่ง 82 ราย
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป และปฏิบัติหน้าที่ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีผู้ป่วยโควิดที่พบในสถานบันเทิง ร้านอาหารย่านปิ่นเกล้าว่า เหตุการณ์นี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 82 ราย อยู่ในกทม.เป็นหลัก และมีปริมณฑลด้วยอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ที่ จ.กาญจนบุรี พบผู้ป่วย 2 ราย โดยพบว่าเกี่ยวข้องทำงานสถานบันเทิงย่านปิ่นเกล้า และมีประวัติเล่นการพนัน ระหว่างวันที่ 10-28 ธ.ค.63 และเดินทางกลับบ้านด้วยรถส่วนตัวที่จ.กาญจนบุรี ในวันที่ 30 ธ.ค. กรณีนี้ เป็นชายอายุ 24 ปี และหญิงอายุ 30 ปี ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง
ดอนเมืองผวา! โรฮิงญา18คนซุกท้ายตลาด พบติดโควิด 7ราย
นายสุชีพ อารีประชาภิรมย์ ผอ.เขตดอนเมือง รายงานกรณี จับกุมคนต่างด้าว ในชุมชนหลังตลาดใหม่ดอนเมือง หลบหนีเข้าเมืองว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานเขตดอนเมืองได้รับแจ้งจากประชาชน ในชุมชนประเสริฐเปรมประชา ซึ่งอยู่ด้านหลังตลาดใหม่ดอนเมือง มีคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองพักอาศัยอยู่ในชุมชน จึงได้ประสานแจ้ง สน.ดอนเมือง เข้าตรวจสอบ/จับกุม พบว่าเป็นชาวโรฮีนจา หลบหนีเข้าเมือง จึงทำการจับกุมทั้งหมด 18 คน และกองควบคุมโรคได้ตรวจพบมีผลเป็นบวก 7 คน จึงได้ดำเนินการ ฉีดพ่นฆ่าเชื้อ บริเวณที่พักอาศัย และบริเวณใกล้เคียง จากการสอบสอบพบ มีนายหน้าและขบวนการนำพาเข้าไทย โดยเสียค่านายหน้าคนละ 6,000 บาท
กทม.แจ้งไป 11 พื้นที่เสี่ยง เข้าระบบคัดกรอง
ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม. โพสต์เฟซบุ๊กแจ้ง ให้ผู้ที่เดินทางไป สถานที่เสี่ยง 11จุด เข้าระบบ BKKcovid19 หรือติดต่อสายด่วน สำนักอนามัย กทม. ด่วน กทม. จะจัดเจ้าหน้าที่ติดต่อไปโดยเร็วที่สุด โดนแยกเป็นผู้ที่เดินทางไป 5 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2563 ถึงปัจจุบัน 1. จังหวัดสมุทรสาคร 2. จังหวัดนครปฐม ต.บางระกำ อ. นครชัยศรี ต.สระสี่มุม ต.ห้วยม่วง ต.สระพัฒนา อ.กำแพงแสน ต.บางหลวง ต.ดอนตูม อ.บางเลน 3. จังหวัดนนทบุรี หมู่ 5 หมู่ 6 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ (ตลาดกลางบางใหญ่) 4. จังหวัดชลบุรี อ.บางละมุง และ 5. จังหวัดระยอง อ.เมือง
รวมถึงผู้ที่เคยไปใช้บริการ 6. ร้าน groove evening ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. 63, 7. ร้าน new jazz ตรงข้าม The mall ท่าพระ ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 63, 8. ร้าน The sun ถ.สิรินธร ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 63, 9. ร้าน The roof bar. ถนน.พระราม3 ตั้งแต่ 13-30 ธ.ค. 63, 10.ร้านอีสานกรองแก้ว และ11.ร้านน้องใหม่พลาซ่า(น้องใหม่คาราโอเกะ) ซอยอยู่ออมสิน แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด
อยุธยา ติดเชื้อเพิ่ม 4 ราย โยงสนามชนไก่อ่างทอง
นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายแพทย์พีระ อารียรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ในจังหวัดมีผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวน 4 ราย เชื่อมโยงกับสนามชนไก่ในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ทำให้ยอดรวมมีผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ 12 ราย ขณะที่ ทางสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ได้ลงพื้นที่ควบคุมโรค และสอบสวน Timeline เพื่อเผยแพรในโอกาสต่อไป
กาญจนบุรี ติดเชื้อเพิ่ม 2 คน
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี รายงานพบ ผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 2 คน ทั้งคู่ทำงานในสถานที่เล่นการพนันในกรุงเทพฯ และเดินทางมายังจังหวัดกาญจนบุรี ขณะนี้ ทีมสอบสวนโรคได้นำผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ เข้ากักตัวแล้ว โดยยอดสะสมติดเชื้อในกาญจนบุรีรวม 4 ราย
"โคราช" เพิ่ม 2 ราย
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา กล่าวว่าสถานการณ์ในพื้นที่ 32 อำเภอ ของ จ.นครราชสีมา พบผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ 2 ราย รวมสะสม 9 ราย รักษาหาย 2 ราย อีก 7 ราย อาการดีขึ้น
นครปฐม เพิ่ม 2 ราย สะสมรวม 68 ราย
สถานการณ์ โควิด19 จังหวัดนครปฐม พบป่วยระลอกใหม่ รายใหม่ 2 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสมเป็น 68 ราย พักรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 48 ราย รักษาหาย 20 ราย
ปราจีนบุรี ผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 5 ราย
นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า พบผู้ติดเชื้อในจังหวัดปราจีนบุรีเพิ่มอีก 5 ราย เชื่อมโยงกับสมุทรปราการ คือ เป็นกลุ่มที่อยู่ในงานเลี้ยงสังสรรค์ ส่วนกลุ่มที่ไปทำบุญที่วัดไม่พบเชื้อ ทำให้จังหวัดปราจีนบุรี มียอดผู้ป่วยระลอกใหม่ทั้งหมดรวม 7 ราย
วานนี้ (5 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย พบมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 527 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 82 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศมีประวัติไปในสถานที่เสี่ยง มีอาชีพเสี่ยง หรือสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้า 56 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 26 ราย ขณะที่การคัดกรองเชิงรุกในแรงงานต่างด้าวจำนวน 439 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 6 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 8,966 ราย ยอดหายป่วยสะสม 4,397 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 65 ราย ขณะนี้มีจังหวัดที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 2 จังหวัด คือ จ.สิงห์บุรีและน่าน แล้วทั้งสิ้น 56 จังหวัด
ทั้งนี้ ในที่ประชุม ศบค.วันที่ 4 ม.ค.มีการชี้แจงเกี่ยวกับหนังสือที่ออกโดยปลัดกระทรวงมหาดไทย ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โดยมาตรการสำหรับทุกพื้นที่ ให้เน้นย้ำประชาชนมีมาตรการป้องกันโรค ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนให้ความร่วมมือ กรณีประชาชนที่เดินทางพื้นที่ที่มีการพบเชื้อสูงหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด ขอให้กักตัวเอง 14 วัน หากมีอาการให้รีบไปพบแพทย์และให้ข้อมูลแพทย์ตามความเป็นจริง และให้นำข้อสั่งการของนายกฯกวดขันไม่ให้มีบ่อนการพนันที่เป็นจุดเสี่ยงไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ขณะที่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดให้ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการเผยแพร่โรค ห้ามนั่งบริโภคในร้านอาหาร เวลา 21.00-06.00 น. และต้องตรวจคัดกรองผู้เดินทางข้ามจังหวัดหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุดกับรอยต่อพื้นที่ควบคุม ให้มีการบันทึกข้อมูลดำเนินการตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข และขอความร่วมมืองดหรือชะลอเดินทางข้ามพื้นที่ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นหรือการขนส่งสินค้า
"การเพิ่มมาตรการในพื้นที่ 5 จังหวัด ทั้งสมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด ไม่เรียกว่าล็อกดาวน์ เพราะการล็อกดาวน์ คือ ห้ามออกจากบ้านหลัง 22.00 น. สนามบินปิด ห้ามเดินทาง แต่ตอนนี้ยังสามารถเดินทางได้อยู่ เพียงแต่ขอให้มีการตรวจสอบคนที่เดินทางเข้า-ออก และติดตั้งจุดตรวจประชาชนเข้าพื้นที่"
นพ.ทวีศิลป์ ยังเพิ่มเติมว่า จากการสรุปข้อมูลการกระจายตัวของเชื้อโควิดใน จ.สมุทรสาคร ขณะนี้มีการกระจายตัวไปกว่า 45 จังหวัด จ.สมุทรสาคร มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดจำนวน 2,296 ราย รองลงมาคือกทม. 86 ราย นครปฐม 38 ราย โดยผู้ติดเชื้อร้อยละ 71 เป็นชาวเมียนมา ร้อยละ 24 เป็นคนไทย และอื่นๆร้อยละ 5 ขณะที่การกระจายตัวผู้ติดเชื้อใน จ.ระยอง ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่มีประวัติเชื่อมโยงกับบ่อน และนำไปติดผู้ที่ไม่มีประวัติเชื่อมโยงกับบ่อน
กทม.ติดเชื้อเพิ่ม 15 คน ระยองเพิ่ม 28 คน
ทั้งนี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ พบผู้ติดเชื้อใหม่ 15 คน ทั้งหมดเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ สัญชาติไทย 13 คน สัญชาติลาว 1 คน และเมีย 1 คน ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมในกทม. (15 ธ.ค.63 – 5 ม.ค.64) อยู่ที่ 245 คน
นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองแถลงว่า วันนี้ ยอดผู้ติดเชื้อของจ.ระยองมียอดเพิ่มขึ้น 28 คน รวมยอดทั้งหมด 456 คน โดยอ.เมืองระยอง เป็นเขตที่พบผู้ติดเชื้อมากสุด
"บิ๊กตู่" แนะทำความเข้าใจ อะไร คือ ล็อกดาวน์
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (5ม.ค.) ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมครม. ผ่านระบบ Video Conference ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด- 19
ทั้งนี้ ก่อนการประชุมครม. ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ เดินจากตึกไทยคู่ฟ้ามายังตึกบัญชาการ 1 ผู้สื่อข่าวถามกรณี นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊กระบุที่ประชุม ศบค.มีมติ ล็อกดาวน์ 5 จังหวัดภาคตะวันออกนั้น นายกฯกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า "ไปอ่านเอาให้เข้าใจ ว่า อะไ รคือ ล็อกดาวน์ ไม่ล็อกดาวน์"
ต่อมาในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เราคาดการณ์ว่า ความรุนแรงน่าจะน้อยกว่าปีที่แล้ว แต่ปรากฏว่าปีนี้ มากกว่าปีที่แล้ว ซึ่งเกิดปัญหาทั่วโลก ต้องรีบแก้ให้ได้โดยเร็ว
นายกฯยัน 5 จังหวัดไม่ได้ล็อกดาวน์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ต้องทำความเข้าใจกับมาตรการที่ ศบค.ได้ให้มีการดำเนินการ เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา ทุกอย่างที่ประกาศออกไป ได้มีการปรึกษาหารือกับหลายหน่วยงาน และทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด เรื่องของการศึกษา โรงเรียนและสถาบันการศึกษา การงดใช้อาคารเรียน ให้เรียนออนไลน์ ซึ่งตนได้ให้กระทรวงสาธารณสุข ไปดูในโรงเรียนที่ไม่สามารถใช้การสอนออนไลน์ได้ ให้หาวิธีอื่น ฝากทุกคนช่วยกันคิดด้วย ตอนนี้ให้กระทรวงศึกษาฯ กำลังดำเนินการอยู่
ส่วนการดื่มสุราเป็นบ่อเกิด 2 อย่างคือ ความประมาทและผลกระทบบาดเจ็บสูญเสีย จะเห็นได้ว่า ช่วงหยุดหลายวันสถิติสูงขึ้น ทั้งที่น่าจะลดลง เพราะลดการเดินทาง แต่กลับสูงกว่าปีที่แล้ว ดังนั้น ต้องระวังให้มากขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว โดยใช้คนเกือบ 6 หมื่นคน ในการตั้งด่านต่างๆ ซึ่งการสูญเสียอยู่ในพื้นที่สายรอง ตรงนี้ตนได้เน้นไปแล้ว
"ในกรณี 5 จังหวัดที่ยังสับสนกันอยู่ การให้ข่าวต่างๆ ยังไม่ค่อยตรงกัน ฉะนั้นผมขอยืนยันตรงนี้ว่า 5 จังหวัดที่ว่ามา ไม่ใช่การล็อกดาวน์ การล็อกดาวน์ ที่เคยทำมาก่อนคือ การห้ามเดินทาง อยู่แต่ในบ้าน และบ้านเมืองเหมือนบ้านร้าง แต่เรายังไม่ไปถึงตรงโน้น เพราะเรามีมาตรการระหว่างทาง และมาตรการเดินทางเข้าพื้นที่ ไม่ใช่การล็อกดาวน์ แต่วันหน้าถ้ายังแก้ไม่ได้ ก็คงต้องล็อกดาวน์ จึงต้องพูดให้ชัดเจน" นายกฯ กล่าว
สำหรับการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครม.ได้อนุมัติงบประมาณให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการเตรียมเงินสำหรับรองรับวัคซีน โดยจะเข้ามาในระยะแรก 2 ล้านโดส ปลายเดือน มี.ค.ประมาณ 8 แสนโดส สำหรับประชาชน 4 แสนคน เดือนเม.ย.จะได้อีก 1 ล้านโดส เพียงพอสำหรับประชาชน 5 แสนคน ปลายเดือนพ.ค.อีก 26 ล้านโดส สำหรับประชาชน 13 ล้านคน ทั้งหมดจะต้องผ่านมาตรฐานองค์การอาหารและยา (อย.) ของเราและอย. ต่างประเทศด้วย และวันนี้ได้มีการสั่งจองเพิ่มบริษัท AstraZeneca อีก 35 ล้านโดส ฉะนั้นจะมีประชาชนเกือบ 60 ล้านคน ที่จะได้รับการฉีควัคซีน ตามระยะเวลาที่วัคซีนเข้ามา จากข้อมูลสาธารณสุขคิดว่า เพียงพอ ต้องฉีดคนละ 2 โดส ห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ ทยอยฉีด
ส่วนการจะให้กลุ่มใดฉีดก่อน เป็นไปตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่สำคัญผู้ที่อยู่หน้างาน ใกล้ชิดการตรวจคัดกรอง และผู้เจ็บป่วยโควิด ต้องให้ความสำคัญส่วนนี้ก่อน และผู้ที่จะมีความเสี่ยงเกิดโรครุนแรง หรือการแพทย์ด่านหน้า ประชาชนผู้สูงอายุ ประชาชนที่มีโรคเรื้อรัง และอื่นๆ ที่มีความจำเป็น ส่วนล็อตที่ 2 จำนวน 26 ล้านโดส จะเริ่มส่งมอบเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของวัคซีน แอสตราเซเนกา (AstraZeneca)ของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตั้งไว้ในสถานการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระองค์ได้ทรงพระราชนุญาตให้ใช้ในการผลิตวัคซีนได้ ซึ่งคาดว่าจะผลิตได้ประมาณปีละ 200 ล้านโดส ในระยะต่อไป ฉะนั้น น่าจะเพียงพอในการให้วัคซีนได้ทั่วทั้งประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีประชาชนคัดค้านการตั้ง รพ.สนาม ในพื้นที่ตัวเอง อย่างที่จ.ราชบุรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้ามีความจำเป็น ก็ต้องตั้ง และต้องสร้างความเข้าใจกับชุมชนและท้องถิ่นให้ดี ทั้งนี้ ในกรณีที่ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ เพดานสูงสุด จนอาจนำไปสู่การล็อกดาวน์นั้น ตรงนี้ ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา ทั้งด้านของสุขภาพ เศรษฐกิจ จะต้องไปด้วยกันให้ได้ เราต้องเรียนรู้ว่า จะอยู่กับโควิด-19ได้อย่างไร
"ตอนนี้ เรากำลังรวมไทยสร้างชาติ ร่วมต้านโควิด-19 ทุกคนไม่ต้องปิดบัง รายงานต่อเจ้าหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะมีการแพร่ระบาดในสถานที่รักษาพยาบาล และสถานที่คัดกรอง ต้องรับผิดชอบต่อคนอื่นด้วย เราต้องบริหารคนถึง 66 ล้านคน ตามยอดประชากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น การที่จะทำให้คนทั้งหมดไปในทิศทางเดียวกัน เข้าใจตรงกัน คือต้องฟังมาตรการของรัฐซื่อสัตย์ต่อตนเอง ครอบครัว สังคมรวมไทยสร้างชาติต้าน โควิด-19"
ลั่น มีเงินเพียงพอเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
ส่วนมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิค-19 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาสังคม และ เศรษฐกิจ ไปพิจารณาว่าจะช่วยเหลืออย่างไรในช่วง 2 เดือนนี้ ส่วนมาตรการที่ช่วยเหลือเดิมอยู่แล้ว ก็ต้องยืดระยะเวลาออกไป เช่น โครงการเที่ยวด้วยกัน ที่มีการจ่ายค่ามัดจำที่พักไปแล้ว ก็ขอให้ยืดระยะเวลา
โดยเบื้องต้น ได้มีการปรึกษาหารือกับผู้ประกอบการแล้ว ทั้งนี้ ย้ำว่า จะต้องช่วยเหลือประชาชนทุกคนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่เฉพาะบางพื้นที่ ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่จะออกมาต้องใช้เงินอีกจำนวนมาก และยืนยันว่า ขณะนี้รัฐบาลยังมีเงินเพียงพออยู่ ส่วนโครงการ คนละครึ่ง เป็นมาตรการที่รัฐบาลออกมา เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน จะไปเก็บภาษีได้อย่างไร
ครม.ไฟเขียวจัดซื้อวัคซีน 1,228 ล้าน
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุุมครม.ว่า ครม.รับทราบการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมเร่งด่วน ซึ่งมีการพูดคุยกับ บริษัทซิโนแวค ไบโอเทค (Sinovac Biotech)เพื่อจัดหาวัคซีน 2 ล้านโดส โดยวัคซีนที่จะได้รับอนุญาตเข้ามาใช้กับคนไทย จะต้องขึ้นทะเบียนกับทางสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศจีน และจะต้องนำมาให้ อย.ของประเทศไทย อนุมัติเพิ่มเติมด้วย ซึ่งองค์การเภสัชกรรม จะเป็นผู้ดำเนินการ และกรมควบคุมโรคเป็นผู้จัดซื้อ และกระจายไปสู่ประชาชน โดยมีวงเงินจัดสรร 1,228 ล้านบาท ในการจัดหาวัคซีน 2 ล้านโดสโดยเร็ว และเร่งด่วน แบ่งเป็น 2 แสนโดสแรกนำเข้ามาในเดือนก.พ.64 ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตามโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อนำไปฉีดเข็มแรกให้เจ้าหน้าที่ทำงานภาคสนามในพื้นที่ควบคุมสูงสุด เช่น จ.สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด ประมาณ 2 หมื่นคน และในกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อ มีภาวะแทรกซ้อนสูง และกลุ่มจำเป็นอื่นๆ อีกประมาณ 1 แสน 8 หมื่นคน
ส่วนในเดือนมี.ค. 64 จะได้วัคซีนอีก 8 แสนโดส ซึ่งจะฉีดเข็มที่สอง ให้กลุ่มที่ 1 จำนวน 2 แสนโดส ส่วนอีก 6 แสนโดส ฉีดในกลุ่มจังหวัดที่ควบคุมสูงสุด ชายแดนภาคตะวันตก ภาคใต้ และบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ ร่วมถึงอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และกลุ่มที่ติดเชื้อที่มีภาวะแทรกซ้อนสูง และกลุ่มจำเป็นอื่นๆ อีกประมาณ 5 แสน 4 หมื่นคน ขณะที่ในเดือนเม.ย.64 จะได้วัคซีนเพิ่มอีก1 ล้านโดส รวมเป็น 2 ล้านโดส โดยจะฉีดเข็มที่สองให้กับกลุ่มที่ได้รับวัคซีนในเดือนมี.ค. ประมาณ 6 แสนคน ส่วนอีก 4 แสนโดส จะฉีดให้กับบุคลากรอื่นๆ เพิ่มเติม
ทั้งนี้ ประชาชน 1 คน จะต้องได้รับการฉีดวัคซีน 2 โดส หลังจากนั้นประเทศไทย มีการจองซื้อวัคซีนรวมทั้งสิ้น 26 ล้านโดส ไปแล้วจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งคาดว่าจะนำเข้ามาเพื่อให้คนไทยได้ใช้ประมาณกลางปี 64 นอกจากนี้ นายกฯ อนุมัติเพิ่มเติมในการจัดหาซื้อวัคซีนอีก 35 ล้านโดส เพื่อให้คุ้มครองคนไทยอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด รวมเรามีวัคซีนทั้งหมด 63 ล้านโดส ที่ให้คนไทยใช้ได้ภายในปี 64.
ติดเชื้อสถานบันเทิงย่านปิ่นเกล้าพุ่ง 82 ราย
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป และปฏิบัติหน้าที่ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีผู้ป่วยโควิดที่พบในสถานบันเทิง ร้านอาหารย่านปิ่นเกล้าว่า เหตุการณ์นี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 82 ราย อยู่ในกทม.เป็นหลัก และมีปริมณฑลด้วยอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ที่ จ.กาญจนบุรี พบผู้ป่วย 2 ราย โดยพบว่าเกี่ยวข้องทำงานสถานบันเทิงย่านปิ่นเกล้า และมีประวัติเล่นการพนัน ระหว่างวันที่ 10-28 ธ.ค.63 และเดินทางกลับบ้านด้วยรถส่วนตัวที่จ.กาญจนบุรี ในวันที่ 30 ธ.ค. กรณีนี้ เป็นชายอายุ 24 ปี และหญิงอายุ 30 ปี ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง
ดอนเมืองผวา! โรฮิงญา18คนซุกท้ายตลาด พบติดโควิด 7ราย
นายสุชีพ อารีประชาภิรมย์ ผอ.เขตดอนเมือง รายงานกรณี จับกุมคนต่างด้าว ในชุมชนหลังตลาดใหม่ดอนเมือง หลบหนีเข้าเมืองว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานเขตดอนเมืองได้รับแจ้งจากประชาชน ในชุมชนประเสริฐเปรมประชา ซึ่งอยู่ด้านหลังตลาดใหม่ดอนเมือง มีคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองพักอาศัยอยู่ในชุมชน จึงได้ประสานแจ้ง สน.ดอนเมือง เข้าตรวจสอบ/จับกุม พบว่าเป็นชาวโรฮีนจา หลบหนีเข้าเมือง จึงทำการจับกุมทั้งหมด 18 คน และกองควบคุมโรคได้ตรวจพบมีผลเป็นบวก 7 คน จึงได้ดำเนินการ ฉีดพ่นฆ่าเชื้อ บริเวณที่พักอาศัย และบริเวณใกล้เคียง จากการสอบสอบพบ มีนายหน้าและขบวนการนำพาเข้าไทย โดยเสียค่านายหน้าคนละ 6,000 บาท
กทม.แจ้งไป 11 พื้นที่เสี่ยง เข้าระบบคัดกรอง
ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม. โพสต์เฟซบุ๊กแจ้ง ให้ผู้ที่เดินทางไป สถานที่เสี่ยง 11จุด เข้าระบบ BKKcovid19 หรือติดต่อสายด่วน สำนักอนามัย กทม. ด่วน กทม. จะจัดเจ้าหน้าที่ติดต่อไปโดยเร็วที่สุด โดนแยกเป็นผู้ที่เดินทางไป 5 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2563 ถึงปัจจุบัน 1. จังหวัดสมุทรสาคร 2. จังหวัดนครปฐม ต.บางระกำ อ. นครชัยศรี ต.สระสี่มุม ต.ห้วยม่วง ต.สระพัฒนา อ.กำแพงแสน ต.บางหลวง ต.ดอนตูม อ.บางเลน 3. จังหวัดนนทบุรี หมู่ 5 หมู่ 6 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ (ตลาดกลางบางใหญ่) 4. จังหวัดชลบุรี อ.บางละมุง และ 5. จังหวัดระยอง อ.เมือง
รวมถึงผู้ที่เคยไปใช้บริการ 6. ร้าน groove evening ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. 63, 7. ร้าน new jazz ตรงข้าม The mall ท่าพระ ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 63, 8. ร้าน The sun ถ.สิรินธร ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 63, 9. ร้าน The roof bar. ถนน.พระราม3 ตั้งแต่ 13-30 ธ.ค. 63, 10.ร้านอีสานกรองแก้ว และ11.ร้านน้องใหม่พลาซ่า(น้องใหม่คาราโอเกะ) ซอยอยู่ออมสิน แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด
อยุธยา ติดเชื้อเพิ่ม 4 ราย โยงสนามชนไก่อ่างทอง
นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายแพทย์พีระ อารียรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ในจังหวัดมีผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวน 4 ราย เชื่อมโยงกับสนามชนไก่ในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ทำให้ยอดรวมมีผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ 12 ราย ขณะที่ ทางสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ได้ลงพื้นที่ควบคุมโรค และสอบสวน Timeline เพื่อเผยแพรในโอกาสต่อไป
กาญจนบุรี ติดเชื้อเพิ่ม 2 คน
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี รายงานพบ ผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 2 คน ทั้งคู่ทำงานในสถานที่เล่นการพนันในกรุงเทพฯ และเดินทางมายังจังหวัดกาญจนบุรี ขณะนี้ ทีมสอบสวนโรคได้นำผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ เข้ากักตัวแล้ว โดยยอดสะสมติดเชื้อในกาญจนบุรีรวม 4 ราย
"โคราช" เพิ่ม 2 ราย
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา กล่าวว่าสถานการณ์ในพื้นที่ 32 อำเภอ ของ จ.นครราชสีมา พบผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ 2 ราย รวมสะสม 9 ราย รักษาหาย 2 ราย อีก 7 ราย อาการดีขึ้น
นครปฐม เพิ่ม 2 ราย สะสมรวม 68 ราย
สถานการณ์ โควิด19 จังหวัดนครปฐม พบป่วยระลอกใหม่ รายใหม่ 2 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสมเป็น 68 ราย พักรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 48 ราย รักษาหาย 20 ราย
ปราจีนบุรี ผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 5 ราย
นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า พบผู้ติดเชื้อในจังหวัดปราจีนบุรีเพิ่มอีก 5 ราย เชื่อมโยงกับสมุทรปราการ คือ เป็นกลุ่มที่อยู่ในงานเลี้ยงสังสรรค์ ส่วนกลุ่มที่ไปทำบุญที่วัดไม่พบเชื้อ ทำให้จังหวัดปราจีนบุรี มียอดผู้ป่วยระลอกใหม่ทั้งหมดรวม 7 ราย
