ก่อนสิ้นสุดปี 2563 ประชาคมโลกแทบ ไม่มีข่าวอะไรที่น่ายินดีหรือสร้างความหวังว่าชีวิตในปีใหม่จะดีขึ้น ขณะที่ทุกชีวิตมีความเสี่ยงจากการระบาดของเชื้อโรคโคโรนาไวรัส
ถึงจะมีวัคซีนใช้ได้ผลเพื่อรับมือการระบาดซึ่งยังเต็มไปด้วยความรุนแรงในหลายทวีป เชื้อโรคก็มีการพัฒนากลายพันธุ์ซึ่งจะสร้างความยุ่งยากให้กับมนุษยชาติในสงครามซึ่งยังไม่รู้ว่าจะจบสิ้นเมื่อไหร่ และธรรมชาติหรือมนุษย์จะเป็นผู้ชนะ
การปรากฏของสายพันธุ์ใหม่ในแอฟริกาใต้ ลามมายังอังกฤษ และเข้าไปเกือบทุกประเทศในทวีปยุโรปถือเป็นภัยใหม่สำหรับมนุษย์ที่จะต้องสู้ในปีใหม่นี้ แต่ละวันผ่านไปมีรายงานการระบาดของเชื้อตัวใหม่ในประเทศอื่นๆ
ล่าสุดไปถึงสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ซึ่งจะสร้างปัญหาใหม่ต่อเนื่อง
ไม่มีพรมแดนอะไรสามารถขวางกั้นเชื้อโคโรนาไวรัสได้ เห็นได้ชัดว่าเพียงเวลาประมาณหนึ่งปีก็ทำให้คนติดเชื้อมากกว่า 80 ล้านคน และ เสียชีวิตไปเกือบ 3.5 แสนคนทั่วโลก และสภาวะเช่นนี้ยังเป็นไปไม่หยุดยั้ง ชีวิตคนต้องเปลี่ยนแนวทางไปมาก
ความก้าวหน้าในวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นเพียงตัวช่วยอย่างหนึ่ง แต่ปัจจัยสำคัญคือมนุษย์ซึ่งไม่ยอมใช้วิธีป้องกันตนเองให้รอดจากการระบาด นั่นเป็นเพราะความยึดมั่นในความคิดที่ถือเอาตนเป็นใหญ่และสิทธิเสรีภาพซึ่งช่วยปิดกันเชื้อโรคไม่ได้
ผลที่ตามมา คือต้องจ่ายแพงสำหรับความประมาท หลายชีวิตเผชิญกับการตกงาน อยู่ในสภาพขาดแคลนทรัพย์สิน แร้นแค้น ต้องอาศัยสวัสดิการภาครัฐ และเอกชน
นอกจากการระบาดและเสียชีวิต คนทั้งโลกต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจยืดเยื้อยาวนานเป็นลักษณะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนอกเหนือจากวิกฤตร้ายแรง แต่ก็ยังไม่ส่งผลกระทบยาวนานอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
โคโรนาไวรัสสามารถทำให้ชาติที่มั่งคั่งมีประชากรที่เสี่ยงกับความอดอยาก และขาดแคลนสิ่งของจำเป็นสำหรับการยังชีพ กิจการขนาดใหญ่ มั่นคงแค่ไหนก็อาจไม่รอดพ้นจากภาวะล้มละลาย ถ้าไม่สามารถหาทางออกได้โดยทันท่วงที
รัฐบาลต่างๆ ต้องใช้เงินมากมายเพื่อประคองสถานภาพของประเทศและภาคธุรกิจเอกชนไม่ให้เสียหายไปมากจนเกินกว่าจะฟื้นฟูได้ในเร็ววัน แต่ที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าความพยายามยังไม่เพียงพอเพราะหลายกิจการต้องเลิกเพราะอยู่ในภาวะล้มละลาย
ความจำเป็นในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจทำให้แต่ละประเทศต้องเร่งใช้จ่ายเงินจากงบประมาณ และการกู้ยืมซึ่งจะเป็นภาระหนักในระยะยาวสำหรับประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากร และเงินสำรอง การกู้เงินก้อนมหาศาลจึงเป็นเรื่องจำเป็น
ประเทศที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าไม่ได้หมายความว่าจะจัดการปัญหาของโคโรนาไวรัสได้ดีกว่า เห็นได้ชัดว่าสหรัฐอเมริกาและทวีปยุโรป รวมทั้งญี่ปุ่นถือว่ามีขีดความสามารถสูงแต่ยังไม่สามารถจัดการปัญหาของการระบาดได้
มีคำเตือนจากเจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลกว่ามนุษย์จะต้องเตรียมตัวพบกับการระบาดของเชื้อโรคร้ายตัวอื่นๆ หลังจากโคโรนาไวรัสแล้ว จะเป็นเชื้อโรคที่อันตรายมากกว่าและมีความหลากหลายชนิด และต้องหายาเพื่อรับมืออย่างได้ผลด้วย
การเฝ้าระวังและเตรียมตัวจึงเป็นทางเลือกเดียวที่จะรับกับสถานการณ์ได้
ถ้าจะมองย้อนไปถึงความรุนแรงในการระบาดของโคโรนาไวรัส จะเห็นได้ว่าเริ่มมีรายงานจากประเทศจีนแล้วว่าตัวเลขคนติดเชื้อในเมืองอู่ฮั่นที่มีประมาณ 50,000 กว่ารายนั้น เป็นตัวเลขไม่สะท้อนถึงความเป็นจริงซึ่งคาดว่าจะมากกว่าถึง 10 เท่า
ขณะเดียวกันทางการของรัสเซียก็ยอมรับเช่นเดียวกันว่าตัวเลขของผู้เสียชีวิตแท้จริงนั้นมีมากกว่าที่เป็นอยู่ อาจจะถึง 5 เท่าเพราะการพิสูจน์สาเหตุการตายนั้นไม่ได้ระบุสำหรับทุกราย คาดว่าคนเสียชีวิตจะต้องมีเป็นจำนวนมาก แต่ระบุชัดไม่ได้
ประเด็นซึ่งต้องอาศัยความเร่งด่วนจัดการเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน นั่นก็คือความสามารถในการป้องกันการระบาดอย่างรวดเร็วและรุนแรงของเชื้อโลกสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีความเร็วแรงถึง 70% กว่าเชื้อปกติ มีความซับซ้อนมากกว่า
ก่อนหน้านี้เชื้อโรคตัวนี้ก็มีการกลายพันธุ์อยู่ทุกระยะ แต่ยังไม่สามารถสร้างความกังวลเท่ากับสายพันธุ์ที่ระบาดใหม่ในอังกฤษ ซึ่งบางวันมีผู้ติดเชื้อสูงกว่า 50,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตเกินกว่า 3,000 รายต่อวัน
การกลายพันธุ์ครั้งล่าสุดไม่ได้หมายความว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเชื้อโรคย่อมมีความหลากหลายและอยู่กับธรรมชาติได้ทุกชนิดและทุกบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็นร้อนหรือหนาวจัดก็อยู่ได้ซึ่งมนุษย์ยังต้องปรับประสิทธิภาพของวัคซีนและยารักษาให้รับมือได้
ปีใหม่นี้จึงเป็นปีแห่งความเสี่ยงใหม่และยังไม่มีวี่แววว่าคนจะเดินทางไปมาหาสู่กันและการท่องเที่ยวอย่างปกติ ถ้ามองย้อนหลังไปถือว่าเป็นความเสียดายอย่างมากที่ต้องสูญเสียโอกาสที่เคยมีไปในการใช้ชีวิต จะไปไหนก็ได้ในพื้นที่ใดในโลกนี้
สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้ทุกท่านปลอดจากโรค และโชคดี