ผู้จัดการรายวัน 360 - ครม.อนุมัติปรับปรุงเงื่อนไข โครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่รองรับนักศึกษาจบใหม่ปี 64 แม้จะเคยอยู่ในระบบประกันสังคมก็ตาม หากอายุเกิน 25 ปี ต้องจบการศึกษาปี 2562 เป็นต้นไป คาดปรับใหม่ช่วยเหลือนักศึกษาจบใหม่ 4.27 แสนคน พร้อมขยายเวลาโครงการไปสิ้นสุด 31 ธ.ค. 64 จากเดิมขีดเส้นไว้ 30 ก.ย.64 ค่าจ้างแล้วแต่ นายจ้างลูกจ้างตกลง แต่ห้ามต่ำกว่าอัตราค่าจ้างของจังหวัด
วานนี้ (29 ธ.ค.) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบปรับปรุงคุณสมบัติและเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ ส่งเสริมการจ้างงานใหม่ สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน หรือ โครงการ Co-pay ภายใต้กรอบการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ จำนวน 260,000 อัตรา วงเงิน 19,400 ล้านบาท เนื่องจากการประเมินผลโครงการฯ ช่วง 1 ตุลาคม – 18 ธันวาคม 2563 พบว่า ยังมีผู้จบการศึกษาใหม่ที่ไม่สามารถเข้าโครงการได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ คือ ต้องเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม และจบการศึกษาในปีการศึกษา 2562 หรือ จบในปี พ.ศ.2563
ทั้งนี้ ในสภาพความเป็นจริง มีนักศึกษาจบใหม่จำนวนมากอยู่ในระบบประกันสังคมมาแล้ว 1-6 เดือน แต่ต้องออกจากงานในขณะที่ยังไม่ผ่านการทดลองงาน เพราะนายจ้างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อีกทั้ง คาดว่าจะมีนักศึกษาจบใหม่ในปี 2564 จำนวน 4.27 แสนคน
น.ส.รัชดากล่าวว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการจ้างงานที่รัฐบาลได้ตั้งไว้ ครม. จึงมีมติอนุมัติปรับปรุงเงื่อนไขโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่ สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และขยายระยะเวลาดำเนินโครงการออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ทั้งนี้ การปรับคุณสมบัติผู้จบการศึกษาใหม่ คือ 1.ผู้มีสัญชาติไทย 2.มีอายุไม่เกิน 25 ปี หากอายุเกิน 25 ปี ต้องจบการศึกษาปี 2562 เป็นต้นไป จากเดิมที่กำหนดไว้ คือ มีสัญชาติไทย และไม่เคยอยู่ในระบบประกันสังคม ยกเว้นกรณีมีผู้จบการศึกษาใหม่ที่อยู่ในระบบประกันสังคม เนื่องจากการทำงานนอกเวลาเรียนในระหว่างที่กำลังศึกษา และมีอายุไม่เกิน 25 ปี หรืออายุเกิน 25 ปี จบการศึกษาประจำปีการศึกษา 2562 หรือจบภายในปี พ.ศ.2563
เงื่อนไขสำหรับนายจ้าง ปรับใหม่เป็น ให้เป็นไปตามข้อตกลงการจ้างงานระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง แต่ต้องไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัด ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง โดยรัฐบาลให้การอุดหนุนเงินเดือน ไม่เกินร้อยละ 50 ต่อคนต่อเดือน
ทั้งนี้ รัฐบาลจะจ่ายเงินอุดหนุนเป็นไปตามวุฒิการศึกษา ได้แก่ ปริญญาตรี ไม่เกิน 7,500 บาท ปวส. ไม่เกิน 5,750 บาท ปวช. ไม่เกิน 4,700 และ ม.6 ไม่เกิน 4,345 บาท จากเดิมที่กำหนดไว้ คือ ค่าจ้างตามวุฒิการศึกษา ได้แก่ ปริญญาตรี ไม่เกิน 15,000 บาท ปวส. ไม่เกิน 11,500 บาท ปวช. ไม่เกิน 9,400 และ ม.6 ไม่เกิน 8,690 บาท
เงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ลูกจ้าง ปรับใหม่เป็น รัฐจ่ายเงินอุดหนุน 3 ครั้งต่อเดือน จากเดิมที่กำหนดให้ นายจ้างจ่ายค่าจ้างเดือนละ 1 ครั้ง (ภายในสิ้นเดือน) เพื่อให้สอดคล้องกับรอบการจ่ายเงินค่าจ้างของนายจ้าง ดังนี้
1.นายจ้างจ่ายค่าจ้างภายในสิ้นเดือน รัฐจ่ายเงินอุดหนุนภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป 2.นายจ้างจ่ายค่าจ้างหลังสิ้นเดือน (ภายในวันที่ 1-5 ของเดือนถัดไป) รัฐจ่ายเงินอุดหนุนภายในวันที่ 10 ของเดือนถัดไป 3.นายจ้างจ่ายค่าจ้างตามข้อ 1 และ ข้อ 2 แต่การจัดทำเอกสารในระบบไม่สมบูรณ์ รัฐจะจ่ายเงินอุดหนุนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
ขยายระยะเวลาการดำเนินงานของโครงการ จากเดิม คือ ระยะเวลาดำเนินการ 12 เดือน (ปีงบประมาณ 2564 เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2564 )ขยายไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564 เพื่อให้ลูกจ้างที่เข้าร่วมโครงการได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ ครบ 1 สิทธิ์ 1 ปี ต่อ 1 คน ระยะเวลาการจ้างงานครบ 12 เดือน แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2564
วานนี้ (29 ธ.ค.) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบปรับปรุงคุณสมบัติและเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ ส่งเสริมการจ้างงานใหม่ สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน หรือ โครงการ Co-pay ภายใต้กรอบการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ จำนวน 260,000 อัตรา วงเงิน 19,400 ล้านบาท เนื่องจากการประเมินผลโครงการฯ ช่วง 1 ตุลาคม – 18 ธันวาคม 2563 พบว่า ยังมีผู้จบการศึกษาใหม่ที่ไม่สามารถเข้าโครงการได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ คือ ต้องเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม และจบการศึกษาในปีการศึกษา 2562 หรือ จบในปี พ.ศ.2563
ทั้งนี้ ในสภาพความเป็นจริง มีนักศึกษาจบใหม่จำนวนมากอยู่ในระบบประกันสังคมมาแล้ว 1-6 เดือน แต่ต้องออกจากงานในขณะที่ยังไม่ผ่านการทดลองงาน เพราะนายจ้างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อีกทั้ง คาดว่าจะมีนักศึกษาจบใหม่ในปี 2564 จำนวน 4.27 แสนคน
น.ส.รัชดากล่าวว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการจ้างงานที่รัฐบาลได้ตั้งไว้ ครม. จึงมีมติอนุมัติปรับปรุงเงื่อนไขโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่ สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และขยายระยะเวลาดำเนินโครงการออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ทั้งนี้ การปรับคุณสมบัติผู้จบการศึกษาใหม่ คือ 1.ผู้มีสัญชาติไทย 2.มีอายุไม่เกิน 25 ปี หากอายุเกิน 25 ปี ต้องจบการศึกษาปี 2562 เป็นต้นไป จากเดิมที่กำหนดไว้ คือ มีสัญชาติไทย และไม่เคยอยู่ในระบบประกันสังคม ยกเว้นกรณีมีผู้จบการศึกษาใหม่ที่อยู่ในระบบประกันสังคม เนื่องจากการทำงานนอกเวลาเรียนในระหว่างที่กำลังศึกษา และมีอายุไม่เกิน 25 ปี หรืออายุเกิน 25 ปี จบการศึกษาประจำปีการศึกษา 2562 หรือจบภายในปี พ.ศ.2563
เงื่อนไขสำหรับนายจ้าง ปรับใหม่เป็น ให้เป็นไปตามข้อตกลงการจ้างงานระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง แต่ต้องไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัด ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง โดยรัฐบาลให้การอุดหนุนเงินเดือน ไม่เกินร้อยละ 50 ต่อคนต่อเดือน
ทั้งนี้ รัฐบาลจะจ่ายเงินอุดหนุนเป็นไปตามวุฒิการศึกษา ได้แก่ ปริญญาตรี ไม่เกิน 7,500 บาท ปวส. ไม่เกิน 5,750 บาท ปวช. ไม่เกิน 4,700 และ ม.6 ไม่เกิน 4,345 บาท จากเดิมที่กำหนดไว้ คือ ค่าจ้างตามวุฒิการศึกษา ได้แก่ ปริญญาตรี ไม่เกิน 15,000 บาท ปวส. ไม่เกิน 11,500 บาท ปวช. ไม่เกิน 9,400 และ ม.6 ไม่เกิน 8,690 บาท
เงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ลูกจ้าง ปรับใหม่เป็น รัฐจ่ายเงินอุดหนุน 3 ครั้งต่อเดือน จากเดิมที่กำหนดให้ นายจ้างจ่ายค่าจ้างเดือนละ 1 ครั้ง (ภายในสิ้นเดือน) เพื่อให้สอดคล้องกับรอบการจ่ายเงินค่าจ้างของนายจ้าง ดังนี้
1.นายจ้างจ่ายค่าจ้างภายในสิ้นเดือน รัฐจ่ายเงินอุดหนุนภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป 2.นายจ้างจ่ายค่าจ้างหลังสิ้นเดือน (ภายในวันที่ 1-5 ของเดือนถัดไป) รัฐจ่ายเงินอุดหนุนภายในวันที่ 10 ของเดือนถัดไป 3.นายจ้างจ่ายค่าจ้างตามข้อ 1 และ ข้อ 2 แต่การจัดทำเอกสารในระบบไม่สมบูรณ์ รัฐจะจ่ายเงินอุดหนุนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
ขยายระยะเวลาการดำเนินงานของโครงการ จากเดิม คือ ระยะเวลาดำเนินการ 12 เดือน (ปีงบประมาณ 2564 เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2564 )ขยายไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564 เพื่อให้ลูกจ้างที่เข้าร่วมโครงการได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ ครบ 1 สิทธิ์ 1 ปี ต่อ 1 คน ระยะเวลาการจ้างงานครบ 12 เดือน แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2564