ปตท.เข้มวางมาตรการรับมือโควิด-19 รอบใหม่ สั่งพนักงาน Work From Home เพิ่มเป็น 50% จากเดิม 20% มีผล 24 ธ.ค.นี้
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า วันนี้ (23 ธ.ค.) กลุ่ม ปตท. ได้จัดประชุมศูนย์พลังใจ หรือ ศูนย์ติดตามและเฝ้าระวังกรณีโรคอุบัติใหม่ (COVID-19) เพื่อติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสาร หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยรอบใหม่ เบื้องต้น ปตท.ได้วางมาตรการป้องกันและควบคุมสำหรับพนักงาน โดยให้พนักงาน Work From Home หรือเข้าปฏิบัติงานไม่เกิน 50% เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.นี้ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์โควิด-19 โดยให้ผู้จัดการแต่ละฝ่าย พิจารณาการเข้าปฏิบัติงานของพนักงานอย่างเหมาะสม
“มีการหารือกันในกลุ่ม ปตท. เพื่อรับมือโควิด-19 รอบใหม่ เน้นความปลอดภัยของพนักงาน ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด และเป็นการดูแลสังคมด้วย ซึ่งปัจจุบัน พนักงาน ปตท.ประมาณ 20% ก็ยัง Work From Home ตอนนี้ก็ต้องปรับเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์ พร้อมติดตามมาตรการของรัฐบาลในระยะต่อไปด้วย”
อย่างไรก็ตาม ปตท.เชื่อมั่นว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่นี้ ไม่มีปัญหา ทางกลุ่ม ปตท. จะสามารถรับมือและขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้ เพราะมีประสบการณ์จากการระบาดในรอบแรก ที่พิสูจน์แล้วว่ากระบวนการดำเนินงานของกลุ่มปตท. ยังสามารถทำได้ตามปกติและเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ต้องรอติดตามนโยบาย หรือมาตรการของภาครัฐที่จะออกมาด้วย
สำหรับมาตรการรับมือโควิด-19 ของบริษัทในเครือ ปตท.จะมีแนวทางอย่างไร ขึ้นกับการพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละบริษัทตามลักษณะของธุรกิจ แต่จะยกระดับความปลอดภัยเพิ่มขึ้นแน่นอน ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา กลุ่ม ปตท.ให้ความสำคัญกับการดูแลและช่วยสังคม “สานพลังใจสู้ภัยโควิด-19” โดยบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ เจลแอลกอฮอล์ และลดค่าใช้จ่ายประชาชนด้านพลังงานเป็นวงเงินรวม 851 ล้านบาท ซึ่งในระยะต่อไป ก็อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะจัดทำโครงการหรือแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมอย่างไร รวมทั้ง ปตท.ได้มีนโยบายกระตุ้นการจ้างงานในประเทศ เพื่อสร้างงานนักศึกษาจบใหม่และผู้ตกงาน รวม 25,828 อัตรา ในช่วงปี 2563-2564 ส่วนในอนาคตจะมีการจ้างเพิ่มหรือไม่ ยังต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง เพราะหากมีการประกาศล็อกดาวน์รอบใหม่ ก็ต้องพิจารณาว่า จ้างงานแล้วจะสามารถลงไปปฏิบัติงานได้หรือไม่