กลุ่มปตท.วางงบลงทุน 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) แตะ 8.15 แสนล้าน โดยปี 64 กลุ่มปตท.ลงทุน2.44 แสนล้าน มีการจ้างงานเพิ่ม 2.58 หมื่นอัตรา หวังร่วม RESTART Thailand
วานนี้ (17 ธ.ค.) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่ากลุ่มปตท.พร้อมมีส่วนร่วมในการ RESTART Thailand โดยกลุ่มปตท.ตั้งงบลงทุน 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) อยู่ที่ประมาณ 8.15 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบลงทุนในปี 64 ของกลุ่มปตท. อยู่ที่ 2.44 แสนล้าน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ครั้งที่ 12/2563 เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.63 ได้มีมติ อนุมัติงบการลงทุน 5 ปี (2564-2568) ของ ปตท. และบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นร้อยละ100 วงเงินรวม 179,072 ล้านบาท
โดยปตท.จัดสรรงบการลงทุน ปี 64 สูงถึง 76,399 ล้านบาท มากกว่างบการลงทุนปีนี้ ที่ปตท.ตั้งไว้ 53,901 ล้านบาท ,ในปี 65 ตั้งงบลงทุน 49,314ล้านบาท , ปี 66 งบลงทุน 21,514 ล้านบาท ,ปี 67 งบลงทุน18,551 ล้านบาท และปี 68 งบลงทุน 13,284 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปตท.มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจหลัก (Core Businesses)ได้แก่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ทั้งในส่วนที่ ปตท. ดําเนินงานเองทั้งธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และท่อส่งก๊าซธรรมชาติ อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 คิดเป็นสัดส่วน 24% ของงบลงทุนรวม 5 ปี
ส่วนการลงทุนผ่านบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นร้อยละ 100 คิดเป็นสัดส่วน70% ของการลงทุนของงบการลงทุน 5 ปี ซึ่งประกอบด้วยการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติประมาณร้อยละ 14 ของงบการลงทุน 5 ปี อาทิ การขยายขีดความสามารถของสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) แห่งที่ 2 (หนองแฟบ) และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 การลงทุนในธุรกิจน้ํามันและธุรกิจค้าปลีกรวมถึงธุรกิจใหม่ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 42 %ของงบการลงทุน 5 ปีและธุรกิจอื่นๆ ประมาณ 14 %ของงบการลงทุน 5 ปี
นายอรรถพล กล่าวว่า ในปี 64 มองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีกว่าปีนี้ ด้วยเงื่อนไข 3 ไม่ คือ ไม่เร็ว กล่าวคือ เศรษฐกิจไทยปี 64จะไม่เท่ากับปี 62 แต่ดีกว่าปี 63 ,ไม่ทั่วถึง หมายถึง บางธุรกิจจะฟื้นตัวได้ช้า เช่น ธุรกิจการบิน แต่ธุรกิจดิจิทัล จะโตเร็วกว่าเดิม และไม่แน่นอน คือวัคซีนโควิด-19 ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ดังนั้น กลุ่ม ปตท.จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในการจ้างงานรวมทั้งสิ้น 2.58 หมื่นอัตรา พร้อมทั้งชักชวนองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ต้องการปรับตัวสู่ดิจิตอล จำเป็นต้องใช้คนในการเก็บข้อมูลต่างๆ จากข้อมูลกระดาษไปบรรจุสู่ข้อมูลดิจิทัล เชื่อว่าจะช่วยการจ้างงานได้นับแสนอัตราในช่วงระยะสั้น 1-2 ปี
วานนี้ (17 ธ.ค.) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่ากลุ่มปตท.พร้อมมีส่วนร่วมในการ RESTART Thailand โดยกลุ่มปตท.ตั้งงบลงทุน 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) อยู่ที่ประมาณ 8.15 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบลงทุนในปี 64 ของกลุ่มปตท. อยู่ที่ 2.44 แสนล้าน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ครั้งที่ 12/2563 เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.63 ได้มีมติ อนุมัติงบการลงทุน 5 ปี (2564-2568) ของ ปตท. และบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นร้อยละ100 วงเงินรวม 179,072 ล้านบาท
โดยปตท.จัดสรรงบการลงทุน ปี 64 สูงถึง 76,399 ล้านบาท มากกว่างบการลงทุนปีนี้ ที่ปตท.ตั้งไว้ 53,901 ล้านบาท ,ในปี 65 ตั้งงบลงทุน 49,314ล้านบาท , ปี 66 งบลงทุน 21,514 ล้านบาท ,ปี 67 งบลงทุน18,551 ล้านบาท และปี 68 งบลงทุน 13,284 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปตท.มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจหลัก (Core Businesses)ได้แก่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ทั้งในส่วนที่ ปตท. ดําเนินงานเองทั้งธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และท่อส่งก๊าซธรรมชาติ อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 คิดเป็นสัดส่วน 24% ของงบลงทุนรวม 5 ปี
ส่วนการลงทุนผ่านบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นร้อยละ 100 คิดเป็นสัดส่วน70% ของการลงทุนของงบการลงทุน 5 ปี ซึ่งประกอบด้วยการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติประมาณร้อยละ 14 ของงบการลงทุน 5 ปี อาทิ การขยายขีดความสามารถของสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) แห่งที่ 2 (หนองแฟบ) และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 การลงทุนในธุรกิจน้ํามันและธุรกิจค้าปลีกรวมถึงธุรกิจใหม่ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 42 %ของงบการลงทุน 5 ปีและธุรกิจอื่นๆ ประมาณ 14 %ของงบการลงทุน 5 ปี
นายอรรถพล กล่าวว่า ในปี 64 มองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีกว่าปีนี้ ด้วยเงื่อนไข 3 ไม่ คือ ไม่เร็ว กล่าวคือ เศรษฐกิจไทยปี 64จะไม่เท่ากับปี 62 แต่ดีกว่าปี 63 ,ไม่ทั่วถึง หมายถึง บางธุรกิจจะฟื้นตัวได้ช้า เช่น ธุรกิจการบิน แต่ธุรกิจดิจิทัล จะโตเร็วกว่าเดิม และไม่แน่นอน คือวัคซีนโควิด-19 ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ดังนั้น กลุ่ม ปตท.จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในการจ้างงานรวมทั้งสิ้น 2.58 หมื่นอัตรา พร้อมทั้งชักชวนองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ต้องการปรับตัวสู่ดิจิตอล จำเป็นต้องใช้คนในการเก็บข้อมูลต่างๆ จากข้อมูลกระดาษไปบรรจุสู่ข้อมูลดิจิทัล เชื่อว่าจะช่วยการจ้างงานได้นับแสนอัตราในช่วงระยะสั้น 1-2 ปี