ผู้จัดการรายวัน 360 – ศาลฎีกาไม่อนุญาตฎีกา “ไซซะนะ แก้วพิมพา” ผู้ต้องหายาเสพติดรายใหญ่ชาวลาว ร่วมกับพวกนำยาบ้า 1.2 ล้านเม็ดเข้ามาในไทย คดีจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำคุกตลอดชีวิต
วานนี้ (22 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลอาญา ศาลอ่านคำสั่งศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ อย.1642/2560 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายไซซะนะ แก้วพิมพา (Xaysana Keopimpha) อายุ 44 ปี นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาว สปป.ลาว เป็นจำเลยในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันนำเข้ายาบ้าซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534
อัยการโจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกซึ่งอยู่ที่ สปป.ลาว รวมกันทำหน้าที่จัดหายาเสพติด รวมทั้งรถยนต์สำหรับซุกซ่อน และรถยนต์นำทางในการขนลำเลียงยาเสพติด โดยมีพวกของจำเลยที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลอาญาไว้แล้วรวม 6 คน ร่วมกระทำผิดในการทำหน้าที่ขับรถรับยาเสพติดจาก สปป.ลาวเข้ามาในประเทศไทยเพื่อส่งต่อ พวกจำเลยได้มีการขับรถนำทางและสำรวจเส้นทางเพื่อตรวจสอบว่ามีด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ ก่อนที่จะประสานติดต่อกันเพื่อส่งมอบยาให้กับเครือข่ายยาเสพติดทางภาคใต้ของไทยและประเทศมาเลเซีย
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ประหารชีวิต ฐานนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นบทลงโทษหนักสุด แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษา ยืนคำพิพากษาศาลขั้นต้นให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิด
ศาลฎีกาพิจารณาคำร้องที่จำเลยขอฎีกาเกี่ยวกับคดียาเสพติดแล้ว มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกา ยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไม่อนุญาตฎีกา ผลคำพิพากษาจึงถึงที่สุดและเป็นไปตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต
วานนี้ (22 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลอาญา ศาลอ่านคำสั่งศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ อย.1642/2560 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายไซซะนะ แก้วพิมพา (Xaysana Keopimpha) อายุ 44 ปี นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาว สปป.ลาว เป็นจำเลยในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันนำเข้ายาบ้าซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534
อัยการโจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกซึ่งอยู่ที่ สปป.ลาว รวมกันทำหน้าที่จัดหายาเสพติด รวมทั้งรถยนต์สำหรับซุกซ่อน และรถยนต์นำทางในการขนลำเลียงยาเสพติด โดยมีพวกของจำเลยที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลอาญาไว้แล้วรวม 6 คน ร่วมกระทำผิดในการทำหน้าที่ขับรถรับยาเสพติดจาก สปป.ลาวเข้ามาในประเทศไทยเพื่อส่งต่อ พวกจำเลยได้มีการขับรถนำทางและสำรวจเส้นทางเพื่อตรวจสอบว่ามีด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ ก่อนที่จะประสานติดต่อกันเพื่อส่งมอบยาให้กับเครือข่ายยาเสพติดทางภาคใต้ของไทยและประเทศมาเลเซีย
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ประหารชีวิต ฐานนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นบทลงโทษหนักสุด แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษา ยืนคำพิพากษาศาลขั้นต้นให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิด
ศาลฎีกาพิจารณาคำร้องที่จำเลยขอฎีกาเกี่ยวกับคดียาเสพติดแล้ว มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกา ยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไม่อนุญาตฎีกา ผลคำพิพากษาจึงถึงที่สุดและเป็นไปตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต