ผู้จัดการรายวัน 360 - ครม.เด้ง “ภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข” อธิบดีกรมบัญชีกลางเข้ากรุ ส่ง "ประภาส คงเอียด" นั่งแทน ขณะที่ "ปานทิพย์" ขึ้นผู้อำนวยการ สคร. พร้อมอนุมัติแผนการคลังระยะปานกลางฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตั้งเป้าจีดีพีปี 68 ขยายตัว3.2-4.2% จากปี 65 โต 3-4%
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแต่งตังโยกย้ายข้าราชการระดับสูง 3ตำแหน่งตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ได้แก่ โอน นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข จากอธิบดีกรมบัญชีกลาง ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงสำนักงานปลัดกระทรวงคลัง และโอน นายประภาศ คงเอียด จากผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลาง
โอน นางปานทิพย์ ศรีพิมล รองปลัดกระทรวงสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ ครม.ยังเห็นชอบการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยเป็นการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก รวม 5 คน แทนประธานกรรมการเดิมที่ลาออก และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ 4 ปี ได้แก่นางสาวกุลยา ตันติเตมิท เป็นประธานกรรมการนายนราธร วงศ์วิเศษ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลังนายนิธิศวร์ ตั้งสง่า เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลังนายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย และนางสาวบัณฑรโฉม แก้วสอาด เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลัง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการ
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการแต่งตั้ง นายโสภณ เมฆธน เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
ครม.เคาะแผนฟื้นฟูศก.ตั้งเป้าปี65จีดีพีโต 3-4%
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและรองรับสถานการณ์และความเสี่ยง พร้อมลดการขาดดุล และยังคงเป้าหมายระยะยาวที่จะจัดทำงบประมาณให้สมดุล
สำหรับแผนคลังระยะปานกลาง ปี 65-68 ได้ประมาณการเศรษฐกิจ ดังนี้ ปี 65 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะขยายตัว 3-4% ประมาณการรายจ่าย อยู่ที่ 3,100,000 ล้านบาท รายได้รัฐบาล 2.4 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะคงค้าง 57.6% ต่อจีดีพี
ปี 66 คาดว่า GDP จะขยายตัวในช่วง 2.7-3.7% ประมาณการรายจ่ายรัฐบาล 3,200,000 ล้านบาท รายได้ 2.49 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะคงค้าง 58.6% ต่อจีดีพี
ปี 67 คาดว่า GDP ขยายตัว 2.9-3.9% ประมาณการรายจ่ายรัฐบาล 3,310,00 ล้านบาท รายได้ 2.619 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะคงค้าง 59.0% ต่อจีดีพี
ปี 68 คาดว่า GDP ขยายตัว 3.2-4.2% ประมาณการรายจ่ายรัฐบาล 3,420,000 ล้านบาท รายได้ 2.75 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะคงค้าง 58.7% ต่อจีดีพี
ทั้งนี้ ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นปีงบประมาณ 63 อยู่ที่ 7,848,156 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49.3% ต่อ GDP
ส่วนรายจ่ายอยู่ภายใต้สมมติฐานที่สำคัญ เช่น สัดส่วนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นร้อยละ 2.0-3.5 ของวงเงินงบประมาณ รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้มีสัดส่วน 2.5-4% ของวงเงินงบประมาณ ค่าใช้จ่ายบุคลากรมีอัตราเพิ่มโดยเฉลี่ยไม่เกิน 3.5% เป็นต้น
ดังนั้น รัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ 65 จำนวน 700,000 ล้านบาท, ปี 66 จำนวน 710,000 ล้านบาท, ปี 67 จำนวน 690,500 ล้านบาท และ ปี 68 จำนวน 669,500 ล้านบาท
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแต่งตังโยกย้ายข้าราชการระดับสูง 3ตำแหน่งตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ได้แก่ โอน นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข จากอธิบดีกรมบัญชีกลาง ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงสำนักงานปลัดกระทรวงคลัง และโอน นายประภาศ คงเอียด จากผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลาง
โอน นางปานทิพย์ ศรีพิมล รองปลัดกระทรวงสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ ครม.ยังเห็นชอบการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยเป็นการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก รวม 5 คน แทนประธานกรรมการเดิมที่ลาออก และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ 4 ปี ได้แก่นางสาวกุลยา ตันติเตมิท เป็นประธานกรรมการนายนราธร วงศ์วิเศษ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลังนายนิธิศวร์ ตั้งสง่า เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลังนายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย และนางสาวบัณฑรโฉม แก้วสอาด เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลัง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการ
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการแต่งตั้ง นายโสภณ เมฆธน เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
ครม.เคาะแผนฟื้นฟูศก.ตั้งเป้าปี65จีดีพีโต 3-4%
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและรองรับสถานการณ์และความเสี่ยง พร้อมลดการขาดดุล และยังคงเป้าหมายระยะยาวที่จะจัดทำงบประมาณให้สมดุล
สำหรับแผนคลังระยะปานกลาง ปี 65-68 ได้ประมาณการเศรษฐกิจ ดังนี้ ปี 65 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะขยายตัว 3-4% ประมาณการรายจ่าย อยู่ที่ 3,100,000 ล้านบาท รายได้รัฐบาล 2.4 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะคงค้าง 57.6% ต่อจีดีพี
ปี 66 คาดว่า GDP จะขยายตัวในช่วง 2.7-3.7% ประมาณการรายจ่ายรัฐบาล 3,200,000 ล้านบาท รายได้ 2.49 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะคงค้าง 58.6% ต่อจีดีพี
ปี 67 คาดว่า GDP ขยายตัว 2.9-3.9% ประมาณการรายจ่ายรัฐบาล 3,310,00 ล้านบาท รายได้ 2.619 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะคงค้าง 59.0% ต่อจีดีพี
ปี 68 คาดว่า GDP ขยายตัว 3.2-4.2% ประมาณการรายจ่ายรัฐบาล 3,420,000 ล้านบาท รายได้ 2.75 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะคงค้าง 58.7% ต่อจีดีพี
ทั้งนี้ ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นปีงบประมาณ 63 อยู่ที่ 7,848,156 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49.3% ต่อ GDP
ส่วนรายจ่ายอยู่ภายใต้สมมติฐานที่สำคัญ เช่น สัดส่วนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นร้อยละ 2.0-3.5 ของวงเงินงบประมาณ รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้มีสัดส่วน 2.5-4% ของวงเงินงบประมาณ ค่าใช้จ่ายบุคลากรมีอัตราเพิ่มโดยเฉลี่ยไม่เกิน 3.5% เป็นต้น
ดังนั้น รัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ 65 จำนวน 700,000 ล้านบาท, ปี 66 จำนวน 710,000 ล้านบาท, ปี 67 จำนวน 690,500 ล้านบาท และ ปี 68 จำนวน 669,500 ล้านบาท