ผู้จัดการรายวัน 360 - ฝุ่นพิษ ปกคลุมกทม.-ปริมณฑล กระทบต่อสุขภาพ 40 พื้นที่ ระดับสีแดง 1 พื้นที่ นายกฯ ย้ำรัฐบาลแก้ปัญหาเต็มที่ ถามกลับนายกฯสมาคมวิศวกร มีข้อเสนอแนะอะไร หลังออกมาวิพากษ์รับไม่ได้ บอร์ดแก้ปัญหาฝุ่นพิษจี้บังคับใช้กม. เข้มข้น วันนี้ (17 ธ.ค.) ตั้งด่านตรวจรถยนต์ควันดำ 50 จุดทั่วกทม. “ศักดิ์สยาม” สั่ง ขนส่งฯ คุมเข้มตรวจควันดำรถโดยสาร-รถบรรทุก
วานนี้ (16 ธ.ค.) กรมควบคุมมลพิษรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เวลา 07.00 น. โดยตรวจวัดค่าได้ 26-98 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) พบปริมาณฝุ่นละอองมีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีแดง) 1 พื้นที่ ได้แก่ ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม ทั้งนี้ ประชาชนควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในพื้นที่หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์
นอกจากนี้ ยังพบปริมาณฝุ่นละอองเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 40 พื้นที่ (พื้นที่สีส้ม) ประชาชนในพื้นที่ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และขอให้ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิด โดยสามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com หรือแอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM2.5ว่า วันนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ แต่วันนี้ มีนายกสมาคมวิศวกรมาบอก ทนรับไม่ได้ ซึ่งตนถามไปว่า มีข้อเสนอแนะอะไรที่จะช่วยลดปัญหา PM 2.5 ที่ต่างจากรัฐบาลทำเวลานี้ ทำมากน้อยแค่ไหนช่วยบอกให้ทราบด้วย เพื่อจะได้เป็นผลประโยชน์ มากกว่าการจะมาติติงซึ่งกันและกัน คนที่ทำงานเขาจะได้ไม่เสียกำลังใจ
รายงานการประชุมคณะกรรมกาป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่มี นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เป็นประธาน ได้ข้อสรุปให้ทุกหน่วยงาน ถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 เป็นหลัก ในการอำนวยการสั่งการควบคุมและแก้ไขปัญหา ร่วมกับกฎหมาย และแผนอื่น ๆ
ทั้งนี้ ให้ผู้เกี่ยวข้องทบทวน จัดทำแผนเผชิญเหตุในพื้นที่รับผิดชอบ ด้วยการจัดทำรายละเอียดการแบ่งพื้นที่ กำหนดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน จัดชุดปฏิบัติการที่สามารถข้าไปยังจุดที่ก่อให้เกิดการเผา หรือ การเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กได้อย่างครอบคลุมในทุกพื้นที่ เน้นย้ำการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) โดยบูรณาการหน่วยงานรับผิดชอบ เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งควบคุมและลดมลพิษจากยานพาหนะ การก่อสร้าง อุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน พร้อมการส่งเสริมการมีส่วนร่วมประชาชน เสริมสร้างความรู้ให้ผู้นำชุมชนประชาชนจิตอาสา และอาสาสมัคร ในการสร้างเครือข่ายการเฝ้าระวัง ติดตาม และตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่รับผิดชอบ ขยายเครือข่ายเพื่อแจ้งเตือน และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนอย่างถูกต้อง
"วันนี้ กทม. จะร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรม Big Cleaning Day ฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมตรวจจับยานพาหนะที่มีควันดำเป็น 50 จุดทั่ว กทม. พร้อมประสานจังหวัดปริมณฑลดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด"
"ศักดิ์สยาม" สั่งเข้มตรวจควันดำรถโดยสาร-รถบรรทุก
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพิ่มความถี่ในการตรวจวัดค่าควันดำในรถโดยสารและรถบรรทุก โดยต้องตรวจวัดค่าควันดำต้องไม่เกิน 45% ของค่ามาตรฐานกรมควบคุมมลพิษกำหนด โดยผลการดำเนินงานตรวจวัดค่าควันดำรถโดยสารและรถบรรทุกทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.63 พบว่าดำเนินการตรวจทั้งสิ้น 1,125 คัน พบรถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน 1 คัน พร้อมกับฉีดพ่นห้ามใช้กำกับ นอกจากนี้ได้ออกใบเตือนเพื่อให้ผู้ประกอบการไปบำรุงดูแลรักษารถไม่ให้มีค่าควันดำเกิน 102 คัน ขณะที่ยอดสะสมการตรวจควันดำ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-15 ธ.ค.63 ตรวจรถทั้งสิ้น 60,596 คัน พบรถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน 478 คัน
ทั้งนี้กำชับผู้ประกอบการและเจ้าของรถทุกคันที่ถูกพ่นห้ามใช้ ต้องนำรถไปแก้ไขและนำรถเข้ารับการตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่ง หากฝ่าฝืนใช้รถโดยที่มีคำสั่งห้ามใช้ มีความผิดตามกฎหมาย
วานนี้ (16 ธ.ค.) กรมควบคุมมลพิษรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เวลา 07.00 น. โดยตรวจวัดค่าได้ 26-98 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) พบปริมาณฝุ่นละอองมีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีแดง) 1 พื้นที่ ได้แก่ ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม ทั้งนี้ ประชาชนควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในพื้นที่หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์
นอกจากนี้ ยังพบปริมาณฝุ่นละอองเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 40 พื้นที่ (พื้นที่สีส้ม) ประชาชนในพื้นที่ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และขอให้ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิด โดยสามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com หรือแอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM2.5ว่า วันนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ แต่วันนี้ มีนายกสมาคมวิศวกรมาบอก ทนรับไม่ได้ ซึ่งตนถามไปว่า มีข้อเสนอแนะอะไรที่จะช่วยลดปัญหา PM 2.5 ที่ต่างจากรัฐบาลทำเวลานี้ ทำมากน้อยแค่ไหนช่วยบอกให้ทราบด้วย เพื่อจะได้เป็นผลประโยชน์ มากกว่าการจะมาติติงซึ่งกันและกัน คนที่ทำงานเขาจะได้ไม่เสียกำลังใจ
รายงานการประชุมคณะกรรมกาป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่มี นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เป็นประธาน ได้ข้อสรุปให้ทุกหน่วยงาน ถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 เป็นหลัก ในการอำนวยการสั่งการควบคุมและแก้ไขปัญหา ร่วมกับกฎหมาย และแผนอื่น ๆ
ทั้งนี้ ให้ผู้เกี่ยวข้องทบทวน จัดทำแผนเผชิญเหตุในพื้นที่รับผิดชอบ ด้วยการจัดทำรายละเอียดการแบ่งพื้นที่ กำหนดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน จัดชุดปฏิบัติการที่สามารถข้าไปยังจุดที่ก่อให้เกิดการเผา หรือ การเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กได้อย่างครอบคลุมในทุกพื้นที่ เน้นย้ำการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) โดยบูรณาการหน่วยงานรับผิดชอบ เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งควบคุมและลดมลพิษจากยานพาหนะ การก่อสร้าง อุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน พร้อมการส่งเสริมการมีส่วนร่วมประชาชน เสริมสร้างความรู้ให้ผู้นำชุมชนประชาชนจิตอาสา และอาสาสมัคร ในการสร้างเครือข่ายการเฝ้าระวัง ติดตาม และตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่รับผิดชอบ ขยายเครือข่ายเพื่อแจ้งเตือน และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนอย่างถูกต้อง
"วันนี้ กทม. จะร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรม Big Cleaning Day ฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมตรวจจับยานพาหนะที่มีควันดำเป็น 50 จุดทั่ว กทม. พร้อมประสานจังหวัดปริมณฑลดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด"
"ศักดิ์สยาม" สั่งเข้มตรวจควันดำรถโดยสาร-รถบรรทุก
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพิ่มความถี่ในการตรวจวัดค่าควันดำในรถโดยสารและรถบรรทุก โดยต้องตรวจวัดค่าควันดำต้องไม่เกิน 45% ของค่ามาตรฐานกรมควบคุมมลพิษกำหนด โดยผลการดำเนินงานตรวจวัดค่าควันดำรถโดยสารและรถบรรทุกทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.63 พบว่าดำเนินการตรวจทั้งสิ้น 1,125 คัน พบรถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน 1 คัน พร้อมกับฉีดพ่นห้ามใช้กำกับ นอกจากนี้ได้ออกใบเตือนเพื่อให้ผู้ประกอบการไปบำรุงดูแลรักษารถไม่ให้มีค่าควันดำเกิน 102 คัน ขณะที่ยอดสะสมการตรวจควันดำ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-15 ธ.ค.63 ตรวจรถทั้งสิ้น 60,596 คัน พบรถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน 478 คัน
ทั้งนี้กำชับผู้ประกอบการและเจ้าของรถทุกคันที่ถูกพ่นห้ามใช้ ต้องนำรถไปแก้ไขและนำรถเข้ารับการตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่ง หากฝ่าฝืนใช้รถโดยที่มีคำสั่งห้ามใช้ มีความผิดตามกฎหมาย