สุภาษิตไทยยุคดิจิทัลได้ระบุไว้ว่า “คบเด็กเลวพังบ้าน-คบผู้ใหญ่ชั่วพังเมือง!”
“ผู้ใหญ่หลายคน” สร้างภาพเบื้องหน้าน่านับถือ แต่ภาพจริงซึ่งซ่อนอยู่เบื้องหลัง กลับเป็นคนชั่วช้ายิ่งกว่า “มหาโจร” ที่มักนำพวกพ้องออกจี้ปล้น แต่อย่างไรก็ตาม “มหาโจร” ก็ปล้นผู้คนได้แค่ไม่กี่คน
ทว่า... “มหาโจรการเมือง” (โกง)เลือกตั้งและรัฐประหาร เมื่อมีอำนาจรัฐ ก็มัก “นำพวกพ้อง” ปล้นทรัพย์สมบัติชาติอย่างมโหฬาร ทั้งลับและเปิดเผย โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ถือเป็นการกระทำที่ชั่วช้าอย่างยิ่ง ซึ่ง “นักการเมือง” กระทำเช่นนี้ต่อเนื่องยาวนาน 80 กว่าปีแล้ว
“มหาโจรการเมือง” ทั้งเลือกตั้งและรัฐประหาร มักจะใช้ “ลิ้นสองแฉก” โกหกลวงหลอก ให้ผู้คนหลงเชื่อมีความหวังมาตลอดว่า “พวกเขา” จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี และชาติจะต้องเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย
ดัง “กลุ่มคณะราษฎร” ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐสำเร็จ แล้วจึงนำ “พระมหากษัตริย์” ให้ลงมาอยู่ภายใต้ “รัฐธรรมนูญ” จากวันที่ 24 มิถุนายน 2475 จนถึงปี 2563 วันเวลาผ่านมานานถึง 88 ปีแล้ว...
หลังจากนั้น “คณะราษฎร” หลายคน ก็ได้เผยธาตุแท้ เปลี่ยนจาก “นักประชาธิปไตยจอมปลอม” กลายเป็น “มหาโจรการเมือง” ที่ใช้อำนาจรัฐปล้นชิงเอาทรัพย์สมบัติล้ำค่าจำนวนมากมายมหาศาล ของ “พระมหากษัตริย์” และราชวงศ์ เอาเข้ากระเป๋าตนเองและพวกพ้อง
ด้วยความละโมบทั้งในอำนาจและทรัพย์สินเงินทอง จึงเกิดการหักหลังแย่งอำนาจกันเอง ทั้งด้วยการเลือกตั้งสกปรกโสมม และการทำรัฐประหารที่ไม่ปฏิรูปชาติ
ดังนั้น “ผู้มีอำนาจในคณะราษฎร” เองนั่นแหละ ที่ริเริ่มก่อ “วงจรอุบาทว์ทางการเมืองไทย” สลับกันยึดอำนาจรัฐแบบ “สมบัติชาติผลัดกันโกง”...
“คณะราษฎร” มิใช่แค่นำ “ประชาธิปไตยเลือกตั้งแบบฝรั่งมังค่า” มาให้ชาติกับประชาชนใช้เท่านั้น แต่ “คณะราษฎร” ยังนำ “รัฐบาลเผด็จการทหาร” ในยุค “นายแปลก ขีตตะสังคะ” หรือ “จอมพล ป.พิบูลสงคราม” ขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรี” ระหว่างปี 2481-2487 และ 2491-2500 รวมระยะเวลา 14 ปี 11 เดือน นับเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด
“จอมพล ป.” คนนี้ ใช้อำนาจเผด็จการชนิดเต็มสูบอย่างยืดเยื้อยาวนาน สร้างความร่ำรวยมหาศาลให้ตนกับพวก แม้สุดท้าย “จอมพลแปลก” จะถูกนักศึกษาเดินขบวนขับไล่ จากการโกงเลือกตั้ง ก่อนจะถูก “จอมพลผ้าขาวม้าแดง-สฤษดิ์ ธนะรัชต์” ทำรัฐประหารโค่นล้มลงในเวลาต่อมา...
ทว่า... “จอมพลแปลก” ก็ได้ทำเรื่องแปลกอย่างเหลือเชื่อ ก่อนจะปิดฉากชีวิตลง “ท่านผู้นำจอมเผด็จการแปลก” ได้ส่งต่อทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ให้ลูกหลานใช้กินอยู่อย่างสุขสบายได้ตราบจนวันนี้...
“จอมพลแปลก” ทำให้ “คณะราษฎร” กลายพันธุ์เป็น “คณะมหาโจร” ปล้นชิงสมบัติทั้งของชาติกับประชาชนและพระมหากษัตริย์อย่างมโหฬาร(ว่ะ!)
จากยุค “คณะราษฎร 2475” มาสู่ 2540 ยุค “บิ๊กเหลี่ยม” ที่มี “ภริยา” เป็นเครือญาติของ “ใครบางคนในคณะราษฎร 2475” จนถึงขนาด “คนเสื้อแดงบางกลุ่ม” เชื่อกันว่า “บิ๊กเหลี่ยม” เป็นนายกฯ เพื่อจะสานต่อภารกิจ ที่ทำ “ค้างคา” ของ “คณะราษฎร” ให้สำเร็จเสร็จสิ้นในยุคของ “บิ๊กเหลี่ยม” นี่แหละ...ว้าว...
“บิ๊กเหลี่ยม” ที่มีทั้งบิดาและญาติเป็นนักการเมือง ได้ใช้เครือข่ายทางการเมืองทุกรูปแบบ สร้างความร่ำรวยให้ “ตนเอง” ได้อย่างรวดเร็ว จากธุรกิจผูกขาดด้านโทรคมนาคม “บิ๊กเหลี่ยม” ผันตนเองจากเป็นผู้สนับสนุนเงินทองให้พรรคการเมืองอื่นๆ มาเป็น “เจ้าของพรรค” เสียเองเลย
โดย “บิ๊กเหลี่ยม” เริ่มต้นด้วยการทุ่มเงินซื้ออดีต ส.ส.มาเข้า “คอก” หรือพรรคของตน ผสมไปกับการสร้างภาพให้ตนเป็น “คนรุ่นใหม่” เป็น “คลื่นลูกที่สาม” ที่เป็นความหวังอันจะนำความทันโลกมาให้กับชาติไทย ทั้งยังใช้นโยบายประชานิยมหลากรูปแบบ ผนวกไปกับการทุ่มเงินชนิดเต็มอัตราศึก ให้อดีต ส.ส.นำไปซื้อเสียงประชาชนอีกด้วย
ที่สำคัญ... “บิ๊กเหลี่ยม” ยังสร้างภาพลวงหลอก จนผู้คนหลงเชื่อว่า “รวยแล้วจะไม่โกงชาติ” แน่นอน!
นั่นทำให้ “บิ๊กเหลี่ยม” ชนะการเลือกตั้งครั้งนั้นอย่างท่วมท้นเป็นประวัติการณ์ โดยได้ ส.ส.เกินครึ่งสภาฯ ในห้วงนั้น ทำให้ “บิ๊กเหลี่ยม” ได้เป็นนายกฯ สมใจนึก “ยอดหญิง” แห่งจันทร์ส่องหล้าฟ้าแจ้งจางปางเลยล่ะ...
แต่อำนาจมักทำให้ “คนชั่วหลงตัวเอง” จนโงหัวไม่ขึ้น อีกทั้งยัง “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” จนคิดว่า “ตนยิ่งใหญ่เหนือใครในแผ่นดิน” “บิ๊กเหลี่ยม” จึงไม่ฟังใครหน้าไหนทั้งสิ้น เพราะยึดถือตนเป็น “เทพเจ้าแห่งความถูกต้อง”...
นอกจาก “บิ๊กเหลี่ยม” จะโกงชาติมิรู้จักพอแล้ว ยังหลงคำป้อยอจนลืมตัว เหิมเกริมบังอาจไปหนุนพวก “ล้มเจ้า” จนทำให้รัฐบาล “บิ๊กเหลี่ยม” กับเครือข่าย สิ้นความชอบธรรมในการครองอำนาจรัฐ รัฐบาล “บิ๊กเหลี่ยม” และรัฐบาลในเครือข่าย จึงถูกประชาชนชุมนุมขับไล่ครั้งแล้วครั้งเล่า จนถูกกองทัพไทยทำรัฐประหารถึง 2 ครั้ง!
การโกงชาติและล้มเจ้า ทำให้ “บิ๊กเหลี่ยม” ที่ควรจะได้เป็น “วีรบุรุษ” ด้วยการสร้างผลงานดีๆ ให้ชาติกับประชาชน แต่ “บิ๊กเหลี่ยม” กลับทำชั่วจนกลายเป็น “โมฆบุรุษ” ไปเสียฉิบ...
การทำชั่วมากมายต่อชาติกับประชาชน ทำให้อดีตนายกฯ “บิ๊กเหลี่ยม” กับน้องสาว ถูกทั้งหมายจับหลายคดี และถูกศาลพิพากษาให้จำคุก จนต้องเผ่นหนีไปอยู่ต่างแดนจนทุกวันนี้...
ความผิดทั้งหลาย “บิ๊กเหลี่ยม” เป็นผู้กระทำเองทั้งสิ้น แต่ “เขา” กลับกล่าวคำอาฆาตมาดร้ายต่อชาติไทย ชนิดที่คนไทยจะไม่มีวันลืมอย่างเด็ดขาดว่า...
“ถ้าผมไม่มีความสุข ก็อย่าหวังเลยว่าประเทศนี้จะมีความสงบสุข!!!”
อืม...ที่ว่า...อย่าหวังว่าประเทศนี้จะมีความสงบสุขเนี่ย... เฮ้ย! “บิ๊กเหลี่ยม” มันพูดจริง-ทำจริงมาตลอดเลยนะเว้ย!
...โปรดอ่านต่อวันพุธหน้า...