“จตุพร” หาเสียงช่วย “บุญเลิศ” ลั่น “ผมรับเจ๊ไม่ได้จริงๆ” ขออย่าให้เชียงใหม่พังเพราะเจ๊ แฉทำ “แม้ว-ปู” พังมาแล้ว ถามเพื่อไทย นาย “ช.” เป็นคนเดียวกับเพื่อไทย ส่งสมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ หรือไม่ เพราะพัวพัน “คดีบอส กระทิงแดง”
วานนี้ (13 ธ.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ปราศรัยหาเสียงช่วย นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายก อบจ. เชียงใหม่ หาเสียง โดย นายจตุพร กล่าวว่า ตนรู้จักอดีตนายกฯ ทักษิณ เมื่อครั้งเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม และติดตามมาต่อเนื่อง ทั้งในพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และมาถึงพรรคเพื่อไทย ตนไม่เคยลาออกเลย เพียงแต่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี เนื่องจากถูกขังคุก จึงพ้นสมาชิกภาพโดยปริยาย
ในการทำงานกับพรรคเพื่อไทยนั้น ตนอดทนมาตลอด ไม่เคยขัดขวาง พรรคจะเอาใครมาสังกัดด้วย โดยเฉพาะการเอา นายชัยเกษม นิติศิริ อดีตอัยการสูงสุด ที่สั่งฟ้องพวกตน 15 คน ในคดีชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ทั้งที่คณะทำงานอัยการได้พิจารณา สั่งไม่ฟ้องแกนนำ นปช. แล้ว
นายจตุพร กล่าวว่า กรณี นายชัยเกษม เข้ามาอยู่พรรค ตนทนได้ แต่กรณี นายบุญเลิศ ตนไม่อดทน เพราะเห็นว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจากพรรค ที่ไม่พิจารณาให้ลงสมัครนายก อบจ. ในสังกัดพรรค ทั้งที่ นายบุญเลิศ และ ตระกูลบูรณุปกรณ์ อยู่ในสนามการเมืองทั้งระดับชาติ และท้องถิ่นเชียงใหม่ มากว่า 25 ปี นายปกรณ์ เป็น ส.ส.ไทยรักไทย น.ส.ทัศนีย์ เป็น ส.ส.เพื่อไทย และ นายบุญเลิศ เป็นนายก อบจ.เชียงใหม่
ดังนั้น ตระกูลนี้จึงแนบสนิททางการเมืองกับ อดีตนายกฯ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ กระทั่ง นายบุญเลิศ บอกว่าการลงเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่ ครั้งนี้ ถ้าอดีตนายกฯทักษิณ บอกไม่ให้ลงแล้ว เขาก็ไม่ลง แต่ไม่มีบอก เขาจึงต้องสมัครในนามกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ส่วนพรรคเพื่อไทย กลับไปเอาคนเชียงราย มาลงแทน
จุดเริ่มต้นที่พรรคไม่เอานายบุญเลิศ เริ่มจากเหตุการณ์ที่พรรครณรงค์ไม่รับร่าง รธน.60 จึงมอบหมายให้ อดีต ส.ส.และเครือข่ายทั่วประเทศไม่รับด้วย ส่วนที่เชียงใหม่ เมื่อรณรงค์ประชามติไม่รับร่าง รธน. ตามนโยบายพรรคแล้ว ตระกูลบูรณุปกรณ์ ก็ถูกจับหมด ทั้งนายบุญเลิศ น.ส.ทัศนีย์ รวมทั้งหลานสาว และพรรคพวก ไม่เพียงเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่ง มาตรา 44 สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 2 ปี เมื่อใกล้ถึง 2 ปี ก็ได้กลับมาทำงาน นายก อบจ. ตามเดิมได้
“เมื่อบุญเลิศถูกขัง เจ๊ๆๆ ก็ไปชูมืออีกคนหนึ่งให้มาลงนายก อบจ.แทน ทั้งๆ ที่บุญเลิศ ติดคุกจากการรณรงค์ไม่รับร่าง รธน. ผมจึงเชื่อว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งที่ทำตามนโยบายพรรค”
เมื่อ นายบุญเลิศ ได้รับตำแหน่ง นายก อบจ.คืน จึงถูกกล่าวหาว่าเป็นคนของพรรคพลังประชารัฐ อีกทั้งเมื่อมาสมัคร นายก อบจ. ก็ใส่ร้ายว่าไปอยู่พลังประชารัฐอีก โดยเอารูปถ่ายกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาบิดเบือน ซึ่งเป็นรูปแสดงความยินดีการตั้งสาขาพรรค
“ผมมาช่วยบุญเลิศ ด้วยเหตุผลที่กระทบกับชาติบ้านเมือง นอกจากใส่ร้าย กล่าวหาบุญเลิศ จนไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว ที่สำคัญพรรคเพื่อไทยเอาใครมาแข่งบุญเลิศ เมื่อเขี่ยนายบุญเลิศออก ว่าเป็นพลังประชารัฐ แล้วเอาคนอื่นมาแทน แต่คนนั้นต้องเป็นคนที่ดี และกรณี คดีบอส กระทิงแดง เป็นเครื่องสะท้อนถึงการทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จึงเป็นความอยุติธรรมที่ทนไม่ได้”
ในคดีบอสนั้น มีสาระสำคัญของคดีเกี่ยวพันกับการเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ คือ มีพยานฝ่ายผู้ต้องหาชื่อ นายจารุชาติ มาดทอง คนสนิท ส.ว.เชียงใหม่ ไปให้ปากพนักงานสอบสวน
โดย นายจารุชาติ บอกเห็นเหตุการณ์ว่า รถผู้ต้องหาวิ่งด้วยความเร็ว 50-60 กม.ต่อ ชม. ทั้งที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ยืนยันว่า รถผู้ต้องหามีความเร็ว 177 กม.ต่อ ชม. จึงเป็นขบวนการทำลายความยุติธรรม แล้วยังใช้ช่องทาง กมธ.สภาฯ มาเป็นเหตุผลให้อัยการสั่งยกฟ้อง
นายวิชา มหาคุณ อดีตหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งขึ้นนั้น ให้สัมภาษณ์ว่า พยานชื่อนายจารุชาติ มาดทอง อยู่ดีๆ ก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ตาย ยังมีข้อสงสัยที่เชื่อว่า อาจเป็นการฆ่าตัดตอน ต้องสอบสวนให้ชัดเจน และขณะนี้ ปปง. กำลังสอบสวนเส้นทางการเงินว่าเกี่ยวข้อง คดีบอส หรือไม่
อีกอย่างในสำนวนสอบสวนของนายวิชา นั้น ได้เผยถึงบุคคลที่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีบอส โดยระบุถึง นาย ช. ซึ่งมีลูกน้องชื่อ จ. วัน จ.ตาย โทรศัพท์หายอีก ซึ่งเป็นสิ่งมีพิรุธ ดังนั้น พรรคเพื่อไทย ไม่อธิบายความ แต่มาพูดที่เชียงใหม่ว่า คัดเลือกผู้สมัครเชียงใหม่เป็นคนสุดท้าย พิจารณาอย่างรอบคอบ ได้คนดีที่สุดเป็นคนนี้ และต่อมามีการเปลี่ยนชื่อจริง และชื่อเล่น ก็ตาม นาย ช. ที่ว่านี้ คือ คนลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ เป็นคนเดียวกันหรือไม่ และถ้าผลสอบสวนดำเนินคดีไปถึงที่สุดแล้วว่า ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สังกัดพรรคเพื่อไทย ไปเกี่ยวข้องกับคดีบอส กระทิงแดง พรรคเพื่อไทยจะรับผิดชอบกับคนเชียงใหม่อย่างไร เพราะคดีนี้ได้สะท้อนถึงการทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้โดยสิ้นเชิง
“ผมรักเคารพอดีตนายกฯทักษิณ และยิ่งลักษณ์ แต่ผมรับกับเจ๊ ไม่ได้จริงๆ แต่ละรัฐบาลที่ผ่านมา พังกับเจ๊ มาโดยตลอด และกรณีนี้จำปากผมไว้ พรรคก็จะพังอีก เพราะไปเอาคนที่คนสงสัยมากที่สุด เรื่องเป็นคนเชียงราย เจ๊เอามา ถ้าคนเชียงใหม่พร้อมใจเอาคนเชียงรายมาปกครองคนเชียงใหม่ได้ ผมก็ไม่ว่าอะไร”
นายจตุพร กล่าวว่า ตนกับนายบุญเลิศ ถูกกล่าวหาว่า ไปอยู่พลังประชารัฐ มีบางคนมองว่าตนต้องหักกับอดีตนายกฯทักษิณ แต่ตนจะบอกด้วยใจจริงว่า รักเคารพอดีตนายกฯทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ แต่รับไม่ได้กับเจ๊ จริงๆ
“คนเขาด่าเจ๊ ทั้งประเทศไทย เจ๊จะทำอะไรก็ได้ พ.ร.บ.สุดซอย ถ้าไม่ลักหลับ และฟังกันเสียบ้าง เรื่องก็คงไม่เกิด มีเรื่องผมกลับไปช่วยอีก เราพังเพราะเจ๊กันมามากแล้ว ดังนั้น การเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้ อย่าให้เจ๊มาพังเชียงใหม่อีก” นายจตุพร กล่าว
วานนี้ (13 ธ.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ปราศรัยหาเสียงช่วย นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายก อบจ. เชียงใหม่ หาเสียง โดย นายจตุพร กล่าวว่า ตนรู้จักอดีตนายกฯ ทักษิณ เมื่อครั้งเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม และติดตามมาต่อเนื่อง ทั้งในพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และมาถึงพรรคเพื่อไทย ตนไม่เคยลาออกเลย เพียงแต่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี เนื่องจากถูกขังคุก จึงพ้นสมาชิกภาพโดยปริยาย
ในการทำงานกับพรรคเพื่อไทยนั้น ตนอดทนมาตลอด ไม่เคยขัดขวาง พรรคจะเอาใครมาสังกัดด้วย โดยเฉพาะการเอา นายชัยเกษม นิติศิริ อดีตอัยการสูงสุด ที่สั่งฟ้องพวกตน 15 คน ในคดีชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ทั้งที่คณะทำงานอัยการได้พิจารณา สั่งไม่ฟ้องแกนนำ นปช. แล้ว
นายจตุพร กล่าวว่า กรณี นายชัยเกษม เข้ามาอยู่พรรค ตนทนได้ แต่กรณี นายบุญเลิศ ตนไม่อดทน เพราะเห็นว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจากพรรค ที่ไม่พิจารณาให้ลงสมัครนายก อบจ. ในสังกัดพรรค ทั้งที่ นายบุญเลิศ และ ตระกูลบูรณุปกรณ์ อยู่ในสนามการเมืองทั้งระดับชาติ และท้องถิ่นเชียงใหม่ มากว่า 25 ปี นายปกรณ์ เป็น ส.ส.ไทยรักไทย น.ส.ทัศนีย์ เป็น ส.ส.เพื่อไทย และ นายบุญเลิศ เป็นนายก อบจ.เชียงใหม่
ดังนั้น ตระกูลนี้จึงแนบสนิททางการเมืองกับ อดีตนายกฯ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ กระทั่ง นายบุญเลิศ บอกว่าการลงเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่ ครั้งนี้ ถ้าอดีตนายกฯทักษิณ บอกไม่ให้ลงแล้ว เขาก็ไม่ลง แต่ไม่มีบอก เขาจึงต้องสมัครในนามกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ส่วนพรรคเพื่อไทย กลับไปเอาคนเชียงราย มาลงแทน
จุดเริ่มต้นที่พรรคไม่เอานายบุญเลิศ เริ่มจากเหตุการณ์ที่พรรครณรงค์ไม่รับร่าง รธน.60 จึงมอบหมายให้ อดีต ส.ส.และเครือข่ายทั่วประเทศไม่รับด้วย ส่วนที่เชียงใหม่ เมื่อรณรงค์ประชามติไม่รับร่าง รธน. ตามนโยบายพรรคแล้ว ตระกูลบูรณุปกรณ์ ก็ถูกจับหมด ทั้งนายบุญเลิศ น.ส.ทัศนีย์ รวมทั้งหลานสาว และพรรคพวก ไม่เพียงเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่ง มาตรา 44 สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 2 ปี เมื่อใกล้ถึง 2 ปี ก็ได้กลับมาทำงาน นายก อบจ. ตามเดิมได้
“เมื่อบุญเลิศถูกขัง เจ๊ๆๆ ก็ไปชูมืออีกคนหนึ่งให้มาลงนายก อบจ.แทน ทั้งๆ ที่บุญเลิศ ติดคุกจากการรณรงค์ไม่รับร่าง รธน. ผมจึงเชื่อว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งที่ทำตามนโยบายพรรค”
เมื่อ นายบุญเลิศ ได้รับตำแหน่ง นายก อบจ.คืน จึงถูกกล่าวหาว่าเป็นคนของพรรคพลังประชารัฐ อีกทั้งเมื่อมาสมัคร นายก อบจ. ก็ใส่ร้ายว่าไปอยู่พลังประชารัฐอีก โดยเอารูปถ่ายกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาบิดเบือน ซึ่งเป็นรูปแสดงความยินดีการตั้งสาขาพรรค
“ผมมาช่วยบุญเลิศ ด้วยเหตุผลที่กระทบกับชาติบ้านเมือง นอกจากใส่ร้าย กล่าวหาบุญเลิศ จนไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว ที่สำคัญพรรคเพื่อไทยเอาใครมาแข่งบุญเลิศ เมื่อเขี่ยนายบุญเลิศออก ว่าเป็นพลังประชารัฐ แล้วเอาคนอื่นมาแทน แต่คนนั้นต้องเป็นคนที่ดี และกรณี คดีบอส กระทิงแดง เป็นเครื่องสะท้อนถึงการทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จึงเป็นความอยุติธรรมที่ทนไม่ได้”
ในคดีบอสนั้น มีสาระสำคัญของคดีเกี่ยวพันกับการเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ คือ มีพยานฝ่ายผู้ต้องหาชื่อ นายจารุชาติ มาดทอง คนสนิท ส.ว.เชียงใหม่ ไปให้ปากพนักงานสอบสวน
โดย นายจารุชาติ บอกเห็นเหตุการณ์ว่า รถผู้ต้องหาวิ่งด้วยความเร็ว 50-60 กม.ต่อ ชม. ทั้งที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ยืนยันว่า รถผู้ต้องหามีความเร็ว 177 กม.ต่อ ชม. จึงเป็นขบวนการทำลายความยุติธรรม แล้วยังใช้ช่องทาง กมธ.สภาฯ มาเป็นเหตุผลให้อัยการสั่งยกฟ้อง
นายวิชา มหาคุณ อดีตหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งขึ้นนั้น ให้สัมภาษณ์ว่า พยานชื่อนายจารุชาติ มาดทอง อยู่ดีๆ ก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ตาย ยังมีข้อสงสัยที่เชื่อว่า อาจเป็นการฆ่าตัดตอน ต้องสอบสวนให้ชัดเจน และขณะนี้ ปปง. กำลังสอบสวนเส้นทางการเงินว่าเกี่ยวข้อง คดีบอส หรือไม่
อีกอย่างในสำนวนสอบสวนของนายวิชา นั้น ได้เผยถึงบุคคลที่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีบอส โดยระบุถึง นาย ช. ซึ่งมีลูกน้องชื่อ จ. วัน จ.ตาย โทรศัพท์หายอีก ซึ่งเป็นสิ่งมีพิรุธ ดังนั้น พรรคเพื่อไทย ไม่อธิบายความ แต่มาพูดที่เชียงใหม่ว่า คัดเลือกผู้สมัครเชียงใหม่เป็นคนสุดท้าย พิจารณาอย่างรอบคอบ ได้คนดีที่สุดเป็นคนนี้ และต่อมามีการเปลี่ยนชื่อจริง และชื่อเล่น ก็ตาม นาย ช. ที่ว่านี้ คือ คนลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ เป็นคนเดียวกันหรือไม่ และถ้าผลสอบสวนดำเนินคดีไปถึงที่สุดแล้วว่า ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สังกัดพรรคเพื่อไทย ไปเกี่ยวข้องกับคดีบอส กระทิงแดง พรรคเพื่อไทยจะรับผิดชอบกับคนเชียงใหม่อย่างไร เพราะคดีนี้ได้สะท้อนถึงการทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้โดยสิ้นเชิง
“ผมรักเคารพอดีตนายกฯทักษิณ และยิ่งลักษณ์ แต่ผมรับกับเจ๊ ไม่ได้จริงๆ แต่ละรัฐบาลที่ผ่านมา พังกับเจ๊ มาโดยตลอด และกรณีนี้จำปากผมไว้ พรรคก็จะพังอีก เพราะไปเอาคนที่คนสงสัยมากที่สุด เรื่องเป็นคนเชียงราย เจ๊เอามา ถ้าคนเชียงใหม่พร้อมใจเอาคนเชียงรายมาปกครองคนเชียงใหม่ได้ ผมก็ไม่ว่าอะไร”
นายจตุพร กล่าวว่า ตนกับนายบุญเลิศ ถูกกล่าวหาว่า ไปอยู่พลังประชารัฐ มีบางคนมองว่าตนต้องหักกับอดีตนายกฯทักษิณ แต่ตนจะบอกด้วยใจจริงว่า รักเคารพอดีตนายกฯทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ แต่รับไม่ได้กับเจ๊ จริงๆ
“คนเขาด่าเจ๊ ทั้งประเทศไทย เจ๊จะทำอะไรก็ได้ พ.ร.บ.สุดซอย ถ้าไม่ลักหลับ และฟังกันเสียบ้าง เรื่องก็คงไม่เกิด มีเรื่องผมกลับไปช่วยอีก เราพังเพราะเจ๊กันมามากแล้ว ดังนั้น การเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้ อย่าให้เจ๊มาพังเชียงใหม่อีก” นายจตุพร กล่าว