xs
xsm
sm
md
lg

BDMSขายหุ้น'บำรุงราษฎร์'-เกลี้ยงพอร์ตมูลค่า1.86หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน 360 - บจม.กรุงเทพดุสิตเวชการ" ขายหุ้น "รพ.บำรุงราษฎร์" เกลี้ยงพอร์ต 22.71% มูลค่ารวม 1.86 หมื่นล้านบาท ด้าน `ชัย โสภณพนิช` ปฎิเสธซื้อหุ้นคืนจากกลุ่ม "หมอเสริฐ" คาดเป็นนักลงทุนหลายกลุ่มร่วมกันซื้อ ขณะที่ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล ปัดรับซื้อหุ้นต่อจากรพ.กรุงเทพฯ

นางนฤมล น้อยอ่ำ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS แจ้งว่า BDMS ได้เข้าทำสัญญาขายหุ้นสามัญ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือBH ที่บริษัทถืออยู่ ทั้งหมดจำนวน 180,715,806 หุ้น หรือ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 22.71 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของ BH ให้กับผู้ซื้อ ราคาหุ้นละ 103 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 18,613.7 ล้านบาท ไปเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัทได้รับการยืนยันจากผู้ซื้อเกี่ยวกับความแน่นอนของแหล่งเงินทุน บริษัทจึงคาดว่า จะสามารถดำเนินการขายเงินลงทุนในหุ้นสามัญ BH บางส่วนผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเบื้องต้น 90,500,000 หุ้น ที่ราคา 103 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 9,321.5 ล้านบาทได้ ภายในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ โดย BDMS ถือหุ้นสามัญ BH ก่อนการทำรายการ ร้อยละ 22.71 ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของ BH และสัดส่วนการถือหุ้นหลักการทำรายการร้อยละ 11.34 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของ BH

สำหรับเงินลงทุนในหุ้นสามัญ BH ส่วนที่เหลืออีก 9,215,806 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 11.34% ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วของ BH บริษัทคาดว่า การซื้อขายดังกล่าว จะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2563 โดยการทำรายการดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการจัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมของผู้ซื้อ




`ชัย โสภณพนิช` ปฎิเสธซื้อ BH

นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH กล่าวว่า ในนามส่วนตัวไม่ได้เข้าไปซื้อจำนวนดังกล่าว แต่คาดว่าจะมีนักลงทุนหลายกลุ่มร่วมกันลงทุนซื้อหุ้นในครั้งนี้ เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายในครั้งนี้สูงถึง 18,613 ล้านบาท และถ้าหากตนเองเข้าไปซื้อก็ต้องใช้เงินจากสถาบันการเงินเช่นกัน

ส่วนพื้นฐาน BH ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/63 จะฟื้นตัวจากไตรมาส 3/63 หลังผู้ป่วยในประเทศ และ ต่างชาติที่อยู่ในประเทศกลับมาใช้บริการ จากการที่จัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่อเนื่อง เช่น ซื้อ 1 แถม 1 โดยสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยไทยเพิ่มขึ้น และ ผู้ป่วยต่างชาติลดลง เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการเดินทางเข้ามารักษาที่โรงพยาบาล แต่เชื่อว่าหากวัคซีนมีความคืบหน้า จะส่งผลให้ผู้ป่วยต่างชาติเดินทางเข้ามารักษาตัว ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมองเห็นว่ารายได้ กำไร จะกลับมาฟื้นตัว




"พริ้นซิเพิลฯ" ปัดรับซื้อหุ้นต่อ BDMS

ขณะที่บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) แจ้งว่า ตามที่มีข่าวลือเรื่องบริษัทจะเข้าซื้อหุ้นของบมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) จากบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) จำนวน 180,175,806 หุ้น คิดเป็น 22.71% นั้น บริษัทไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการเข้าซื้อหุ้นของ BH จาก BDMS ตามข่าวแต่อย่างใด มีเพียงความร่วมมือระหว่างบริษัท กับ BH ในการขยายธุรกิจด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทร่วมกันตามแผนธุรกิจปกติเท่านั้น

สำหรับบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของรพ.บำรุงราษฎร์ จำนวน 182.51 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 22.97% บมจ.กรุงเทพประกันภัย 106.74 ล้านหุ้น หรือ 13.43% ธนาคารกรุงเทพ 65.74 ล้านหุ้น หรือ 8.27% UOB KAY HIAN (HONG KONG) LIMITED 62.51 ล้านหุ้น หรือ 7.87% บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 59.11 ล้านหุ้น หรือ 7.44% ส่วนที่เหลือยังถือหุ้นรวมกันโดยตระกูลโสภณพนิช และรายย่อยอื่น

ส่วนราคาหุ้น BH เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่มีการตกลงซื้อขายหุ้นนั้น ราคาปิดอยู่ที่หุ้นละ 107.50 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาซื้อขายเล็กน้อย ก่อนราคาจะปรับตัวขึ้นแตะสูงสุดที่ 125 บาท และปิดล่าสุดวานนี้ (24 พ.ย.) ที่ 115 บาท

เมื่อเดือน ก.พ. 63 ที่ผ่านมา BDMS ประกาศจะเข้าทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ BH หุ้นสามัญจำนวน 546,328,351หุ้น คิดเป็น 74.83% ในราคาหุ้นละ 125 บาท และหุ้นบุริมสิทธิ 1,210,865 ล้านหุ้น หรือ 0.17% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ BH รวมทั้งหุ้นกู้แปลงสภาพทั้งหมดคือชุดที่ 1 และ 2 จำนวน 137,362,636 หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 85,612.73 ล้านบาท

หลังจากนั้น BDMS ได้แจ้งทบทวนแผนทำคำเสนอซื้อ BH ดังกล่าวเพื่อประเมินผลกระทบต่างๆ ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกรอบ เพราะหวั่นความรุนแรงทำให้เกิดความกังวลต่อเศรษฐกิจ และลุกลามต่อเนื่องไปถึงตลาดเงินและตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ตระกูลโสภณพนิช ไม่ประสงค์ที่จะขายหุ้นที่ถืออยู่ให้กับผู้จัดทำคำเสนอซื้อ


กำลังโหลดความคิดเห็น