ผู้จัดการรายวัน360- กกต.ประชุมกรณีคณะก้าวหน้ามีข้อเท็จจริงทำตัวคล้ายพรรคการเมือง ด้านสนง.เร่งรวบข้อมูลก่อนเสนอดำเนินการ เสี่ยงโดนโทษทั้งจำและปรับ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกกต. เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา กกต.ได้มีการหยิบยกกรณีการเคลื่อนไหวของแกนนำคณะก้าวหน้า คือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ในการช่วยผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเป็นนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ขึ้นมาพูดคุย โดยเห็นว่าลักษณะการเคลื่อนไหวมีข้อเท็จจริงหลายกรณี ที่ทำเหมือนพรรคการเมือง ซึ่งทางสำนักงานฯ ก็ได้ชี้แจงว่าขณะนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้มีการยื่นคำร้อง ขอให้กกต.ตรวจสอบในประเด็นนี้ และด้านกิจการพรรคการเมืองของสำนักงานกกต. กำลังเร่งรวบรวมข้อมูล ประเด็นข้อกฎหมายต่างๆเพื่อเสนอ กกต.พิจารณาดำเนินการ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการดำเนินการกับคำร้องลักษณะนี้ของกกต. เมื่อด้านสำนักงานฯ มีการรวบรวมข้อมูล ประเด็นข้อกฎหมาย เสนอเข้าที่ประชุมกกต.แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับกกต. ว่าจะมอบหมายให้นายทะเบียนพรรคการเมืองใช้อำนาจตาม มาตรา 7 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้คำชี้แจง หรือให้ส่งเอกสาร หลักฐาน ที่เกี่ยวข้องมาเพื่อประกอบการพิจารณา หรือจะมอบหมายให้ด้านสืบสวน ทำสำนวนตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวนไต่สวน ก็ได้
อย่างไรก็ตาม มาตรา 111 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดไว้ว่าผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปดำเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง หรือผู้ใดดำเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใด ให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมืองโดยไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกกต. เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา กกต.ได้มีการหยิบยกกรณีการเคลื่อนไหวของแกนนำคณะก้าวหน้า คือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ในการช่วยผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเป็นนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ขึ้นมาพูดคุย โดยเห็นว่าลักษณะการเคลื่อนไหวมีข้อเท็จจริงหลายกรณี ที่ทำเหมือนพรรคการเมือง ซึ่งทางสำนักงานฯ ก็ได้ชี้แจงว่าขณะนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้มีการยื่นคำร้อง ขอให้กกต.ตรวจสอบในประเด็นนี้ และด้านกิจการพรรคการเมืองของสำนักงานกกต. กำลังเร่งรวบรวมข้อมูล ประเด็นข้อกฎหมายต่างๆเพื่อเสนอ กกต.พิจารณาดำเนินการ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการดำเนินการกับคำร้องลักษณะนี้ของกกต. เมื่อด้านสำนักงานฯ มีการรวบรวมข้อมูล ประเด็นข้อกฎหมาย เสนอเข้าที่ประชุมกกต.แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับกกต. ว่าจะมอบหมายให้นายทะเบียนพรรคการเมืองใช้อำนาจตาม มาตรา 7 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้คำชี้แจง หรือให้ส่งเอกสาร หลักฐาน ที่เกี่ยวข้องมาเพื่อประกอบการพิจารณา หรือจะมอบหมายให้ด้านสืบสวน ทำสำนวนตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวนไต่สวน ก็ได้
อย่างไรก็ตาม มาตรา 111 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดไว้ว่าผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปดำเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง หรือผู้ใดดำเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใด ให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมืองโดยไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี