กกต.ประชุมกรณีคณะก้าวหน้ามีข้อเท็จจริงทำตัวคล้ายพรรคการเมือง ด้าน สนง.เร่งรวบข้อมูลก่อนเสนอดำเนินการ เสี่ยงโดนโทษทั้งจำและปรับ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
วันนี้ (11 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วานนี้ (10 พ.ย.) กกต.ได้หยิบยกกรณีการเคลื่อนไหวของการแกนนำคณะก้าวหน้า คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ในการช่วยผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเป็นนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดขึ้นมาพูดคุย โดยเห็นว่าลักษณะการเคลื่อนไหวมีข้อเท็จจริงหลายกรณีที่ทำเหมือนพรรคการเมือง ซึ่งทางสำนักงานฯ ก็ได้ชี้แจงว่าขณะนี้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ยื่นร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบในประเด็นนี้ และด้านกิจการพรรคการเมืองของสำนักงานกำลังเร่งรวบรวมข้อมูล ประเด็นข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อเสนอ กกต.พิจารณาดำเนินการ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการดำเนินการกับคำร้องลักษณะนี้ของ กกต. เมื่อด้านสำนักงานฯมีการรวบรวมข้อมูล ประเด็นข้อกฎหมายเสนอเข้าที่ประชุม กกต.แล้วก็ขึ้นอยู่กับ กกต.ว่าจะมอบหมายให้นายทะเบียนพรรคการเมืองใช้อำนาจตามมาตรา 7 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้คำชี้แจง หรือให้ส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาเพื่อประกอบการพิจารณา หรือจะมอบหมายให้ด้านสืบสวนทำสำนวนตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวนไต่สวนก็ได้ อย่างไรก็ตาม มาตรา 111 พ.ร.ป.พรรคการเมือง กำหนดไว้ว่า ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปดำเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง หรือผู้ใดดำเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใด ให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมืองโดยไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี