"ศรีสุวรรณ" จ่อร้องกกต. สอบ "ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์" และผู้สมัครนายก-ส.อบจ.คณะก้าวหน้าทั่วประเทศ เลียบแบบพรรคการเมืองหรือไม่ ถ้าผิดจริง ต้องเพิกถอนสิทธิการสมัครอบจ.
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ , นายปิยบุตร แสงกนกกุล และน.ส.พรรณิการ์ วานิช ที่ร่วมกันตั้งคณะก้าวหน้า โดยมีการกำหนดตำแหน่ง ประธาน กรรมการ และเลขาธิการ มีภาพเครื่องหมายของคณะ และดำเนินกิจกรรมต่างๆ เช่นเดียวกับพรรคการเมือง เช่น การจัดประชุมเปิดตัวผู้สมัคร และส่งคนสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ. และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) กว่า 40 จังหวัด
การกระทำดังกล่าวจึงอาจเข้าข่ายมีความผิด ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ม.111 ที่บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง หรือผู้ใดดําเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใดให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมือง โดยมิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี
ทั้งนี้ นอกจากนายธนาธร กัลพวกที่ดําเนินกิจการในลักษณะเช่นเดียวกับพรรคการเมือง แต่ทว่าผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศ ในนามกลุ่มก้าวหน้า โดยใช้สัญลักษณ์หรือโลโก้กลุ่ม ในสื่อหาเสียงต่างๆ และให้นายธนาธรกับพวกไปร่วมปราศรัย เดินรณรงค์หาเสียง ก็อาจเข้าข่ายสบคบกันกับบุคคลทั้ง 3 ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นทางสมาคมฯ จะนำความพร้องพยานหลักฐานไปร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนคณะผู้ก่อตั้งคณะก้าวหน้าทั้งหมด รวมทั้งผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศในนามคณะก้าวหน้า ว่าเข้าข่ายสมคบกันในการดำเนินกิจการเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองหรือไม่ อย่างไร หากพบว่าผิด กกต.จะต้องดำเนินการเอาโทษทางกฎหมายและเพิกถอนสิทธิในการสมัคร อบจ.ต่อไป โดยจะไปยื่นในวันที่ 9 พ.ย.63 เวลา10.00 น.
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ , นายปิยบุตร แสงกนกกุล และน.ส.พรรณิการ์ วานิช ที่ร่วมกันตั้งคณะก้าวหน้า โดยมีการกำหนดตำแหน่ง ประธาน กรรมการ และเลขาธิการ มีภาพเครื่องหมายของคณะ และดำเนินกิจกรรมต่างๆ เช่นเดียวกับพรรคการเมือง เช่น การจัดประชุมเปิดตัวผู้สมัคร และส่งคนสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ. และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) กว่า 40 จังหวัด
การกระทำดังกล่าวจึงอาจเข้าข่ายมีความผิด ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ม.111 ที่บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง หรือผู้ใดดําเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใดให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมือง โดยมิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี
ทั้งนี้ นอกจากนายธนาธร กัลพวกที่ดําเนินกิจการในลักษณะเช่นเดียวกับพรรคการเมือง แต่ทว่าผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศ ในนามกลุ่มก้าวหน้า โดยใช้สัญลักษณ์หรือโลโก้กลุ่ม ในสื่อหาเสียงต่างๆ และให้นายธนาธรกับพวกไปร่วมปราศรัย เดินรณรงค์หาเสียง ก็อาจเข้าข่ายสบคบกันกับบุคคลทั้ง 3 ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นทางสมาคมฯ จะนำความพร้องพยานหลักฐานไปร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนคณะผู้ก่อตั้งคณะก้าวหน้าทั้งหมด รวมทั้งผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศในนามคณะก้าวหน้า ว่าเข้าข่ายสมคบกันในการดำเนินกิจการเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองหรือไม่ อย่างไร หากพบว่าผิด กกต.จะต้องดำเนินการเอาโทษทางกฎหมายและเพิกถอนสิทธิในการสมัคร อบจ.ต่อไป โดยจะไปยื่นในวันที่ 9 พ.ย.63 เวลา10.00 น.