ตลาดหุ้นทั่วโลก เด้งรับข่าว "โจ ไบเดน" เบียดเข้าป้าย ปธน.สหรัฐฯ ดัชนีหุ้นไทยบวก 41.88 จุด ปิดที่ 1,264.32 จุด วอลุ่มคึกคักกว่า 8 หมื่นล้านบาท ด้าน "โดนัลด์ ทรัมป์" เจ้าของเก้าอี้เดิมจ่อยื่นเรื่องฟ้องศาลต่อ 4 รัฐ
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (5 พ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก ที่ตอบรับการคาดการณ์ นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต มีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ แทน นายโดนัลด์ ทรัมป์ และจะทำให้นโยบายด้านต่างประเทศสำคัญ โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ผ่อนคลายลง
โดยมีแรงซื้อจากนักลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยไต่ระดับแตะจุดสูงสุดที่ 1,266.58 จุด ต่ำสุด 1,232.72 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,264.32 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 41.88 จุด หรือคิดเป็น 3.43% มูลค่าการซื้อขายตลอดทั้งวันรวมกว่า 80,914.90 ล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 122.03 ล้านบาท สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 6,159.24 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 820.46 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 6,857.68 ล้านบาท
ส่วนตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวขึ้นรับข่าวนายโจ ไบเดน กันถ้วนหน้า โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชีย อาทิ ตลาดหุ้นโตเกียว ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ 24,105.28 จุด เพิ่มขึ้น 410.05 จุด หรือ 1.73%, ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดที่ 25,695.92 จุด เพิ่มขึ้น 809.78 จุด หรือ 3.25%, ตลาดหุ้นจีน ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ปิดที่ 3,320.13 จุด หรือ 1.30% และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ดัชนีคอมโพสิต (KOSPI) ปิดที่ 2,413.79 จุด เพิ่มขึ้น 56.47 จุด หรือ 2.40% เป็นต้น
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า หากนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้ง อาจทำให้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และนำไปสู่การฟ้องศาลเพื่อทบทวนคะแนนเสียงต่อไป โดยในกรณีที่นายโจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดี และได้คุมสภาล่าง แต่ไม่ได้คะแนนเสียงส่วนมากของสภาสูง จะทำให้การดำเนินนโยบายไม่มีเสถียรภาพมากนัก
“นายโจ ไบเดน น่าจะไม่ทำเหมือนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจทำให้เม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น รวมถึงไทยยังมีความน่าสนใจอยู่ แต่ประเทศไทยต้องบริหารจัดการความเสี่ยงภายในให้ได้ โดยเฉพาะการชุมนุมทางการเมือง แต่ระดับดัชนีที่ 1,200 จุด เชื่อว่าจะเป็นแนวรับที่แข็งมาก และเป็นจุดต่ำสุดในรอบนี้แล้ว" นายไพบูลย์ ระบุ
สำหรับความคืบหน้การนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไปตลอดคืนที่ 2 เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งนายโจ ไบเดน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังต้องลุ้นกันต่อ จนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะรวบรวมคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งได้ถึง 270 เสียง
โดยนายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต ได้รับชนะในรัฐสมรภูมิสำคัญทางเหนือ 2 รัฐติดต่อกัน คือ มิชิแกนและวิสคอนซิน รวมทั้งยังได้แอริโซนา ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างเคยสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเมื่อปี 2016 ทำให้ได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 264 คะแนน ทิ้งห่างทรัมป์ที่ได้แค่ 214 คะแนน ส่วนการนับคะแนนป็อปปูลาร์โหวต นายโจ ไบเดน ก็ยังนำนายโดนัล ทรัมป์ ราว 3.6 ล้านเสียง
ล่าสุดยังคงเหลือเพียง 4 รัฐ คือ เนวาดา (มีเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 6), จอร์เจีย (16), นอร์ทแคโรไลนา (15) และเพนซิลเวเนีย (20) เท่านั้นซึ่งพวกสื่อใหญ่ของสหรัฐฯยังไม่ได้ประกาศคาดการณ์ว่าไบเดน หรือทรัมป์เป็นผู้ชนะ โดยที่บางรัฐยังมีบัตรเลือกตั้งซึ่งต้องนับอีกจำนวนมากโดยเฉพาะพวกที่ส่งทางไปรษณีย์
สำหรับไบเดนแล้ว หากสามารถคว้าชัยในรัฐเหล่านี้ได้แม้เพียงรัฐเดียว ก็จะทำให้ได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งถึง 270 เสียงในทันที ทั้งนี้คาดกันว่าไบเดนมีโอกาสสูงมากที่จะได้เนวาดา ซึ่งในการนับคะแนนช่วงท้ายๆ เขานำทรัมป์อยู่เล็กน้อย ไม่เช่นนั้นก็ต้องไปลุ้นกันที่เพนซิลเวเนีย ซึ่งตอนแรกๆ ทรัมป์นำ แต่แล้วคะแนนไบเดนกำลังตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเห็นกันว่าเสียงโหวตซึ่งนับกันทีหลังนั้น มาจากเขตที่นิยมเดโมแครต ตลอดจนเป็นบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ ที่ผู้ออกเสียงมีเปอร์เซนต์เป็นเดโมแครตมากกว่ารีพับลิกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า ทีมหาเสียงของทรัมป์ได้ประกาศฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้ระงับการนับคะแนนในรัฐมิชิแกน, เพนซิลเวเนีย และจอร์เจีย รวมทั้งขอให้นับคะแนนใหม่ในวิสคอนซินด้วย โดยระบุว่า รัฐเหล่านี้มีกระบวนการเลือกตั้งไม่เหมาะสม ผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งไม่สามารถเข้าไปได้
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (5 พ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก ที่ตอบรับการคาดการณ์ นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต มีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ แทน นายโดนัลด์ ทรัมป์ และจะทำให้นโยบายด้านต่างประเทศสำคัญ โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ผ่อนคลายลง
โดยมีแรงซื้อจากนักลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยไต่ระดับแตะจุดสูงสุดที่ 1,266.58 จุด ต่ำสุด 1,232.72 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,264.32 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 41.88 จุด หรือคิดเป็น 3.43% มูลค่าการซื้อขายตลอดทั้งวันรวมกว่า 80,914.90 ล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 122.03 ล้านบาท สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 6,159.24 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 820.46 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 6,857.68 ล้านบาท
ส่วนตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวขึ้นรับข่าวนายโจ ไบเดน กันถ้วนหน้า โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชีย อาทิ ตลาดหุ้นโตเกียว ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ 24,105.28 จุด เพิ่มขึ้น 410.05 จุด หรือ 1.73%, ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดที่ 25,695.92 จุด เพิ่มขึ้น 809.78 จุด หรือ 3.25%, ตลาดหุ้นจีน ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ปิดที่ 3,320.13 จุด หรือ 1.30% และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ดัชนีคอมโพสิต (KOSPI) ปิดที่ 2,413.79 จุด เพิ่มขึ้น 56.47 จุด หรือ 2.40% เป็นต้น
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า หากนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้ง อาจทำให้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และนำไปสู่การฟ้องศาลเพื่อทบทวนคะแนนเสียงต่อไป โดยในกรณีที่นายโจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดี และได้คุมสภาล่าง แต่ไม่ได้คะแนนเสียงส่วนมากของสภาสูง จะทำให้การดำเนินนโยบายไม่มีเสถียรภาพมากนัก
“นายโจ ไบเดน น่าจะไม่ทำเหมือนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจทำให้เม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น รวมถึงไทยยังมีความน่าสนใจอยู่ แต่ประเทศไทยต้องบริหารจัดการความเสี่ยงภายในให้ได้ โดยเฉพาะการชุมนุมทางการเมือง แต่ระดับดัชนีที่ 1,200 จุด เชื่อว่าจะเป็นแนวรับที่แข็งมาก และเป็นจุดต่ำสุดในรอบนี้แล้ว" นายไพบูลย์ ระบุ
สำหรับความคืบหน้การนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไปตลอดคืนที่ 2 เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งนายโจ ไบเดน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังต้องลุ้นกันต่อ จนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะรวบรวมคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งได้ถึง 270 เสียง
โดยนายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต ได้รับชนะในรัฐสมรภูมิสำคัญทางเหนือ 2 รัฐติดต่อกัน คือ มิชิแกนและวิสคอนซิน รวมทั้งยังได้แอริโซนา ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างเคยสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเมื่อปี 2016 ทำให้ได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 264 คะแนน ทิ้งห่างทรัมป์ที่ได้แค่ 214 คะแนน ส่วนการนับคะแนนป็อปปูลาร์โหวต นายโจ ไบเดน ก็ยังนำนายโดนัล ทรัมป์ ราว 3.6 ล้านเสียง
ล่าสุดยังคงเหลือเพียง 4 รัฐ คือ เนวาดา (มีเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 6), จอร์เจีย (16), นอร์ทแคโรไลนา (15) และเพนซิลเวเนีย (20) เท่านั้นซึ่งพวกสื่อใหญ่ของสหรัฐฯยังไม่ได้ประกาศคาดการณ์ว่าไบเดน หรือทรัมป์เป็นผู้ชนะ โดยที่บางรัฐยังมีบัตรเลือกตั้งซึ่งต้องนับอีกจำนวนมากโดยเฉพาะพวกที่ส่งทางไปรษณีย์
สำหรับไบเดนแล้ว หากสามารถคว้าชัยในรัฐเหล่านี้ได้แม้เพียงรัฐเดียว ก็จะทำให้ได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งถึง 270 เสียงในทันที ทั้งนี้คาดกันว่าไบเดนมีโอกาสสูงมากที่จะได้เนวาดา ซึ่งในการนับคะแนนช่วงท้ายๆ เขานำทรัมป์อยู่เล็กน้อย ไม่เช่นนั้นก็ต้องไปลุ้นกันที่เพนซิลเวเนีย ซึ่งตอนแรกๆ ทรัมป์นำ แต่แล้วคะแนนไบเดนกำลังตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเห็นกันว่าเสียงโหวตซึ่งนับกันทีหลังนั้น มาจากเขตที่นิยมเดโมแครต ตลอดจนเป็นบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ ที่ผู้ออกเสียงมีเปอร์เซนต์เป็นเดโมแครตมากกว่ารีพับลิกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า ทีมหาเสียงของทรัมป์ได้ประกาศฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้ระงับการนับคะแนนในรัฐมิชิแกน, เพนซิลเวเนีย และจอร์เจีย รวมทั้งขอให้นับคะแนนใหม่ในวิสคอนซินด้วย โดยระบุว่า รัฐเหล่านี้มีกระบวนการเลือกตั้งไม่เหมาะสม ผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งไม่สามารถเข้าไปได้