xs
xsm
sm
md
lg

ไฟเขียว'เรือยอชต์-เรือสำราญ'เข้าไทย…กระตุ้นท่องเที่ยวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน 360 - ครม. อนุมัติขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน ถึงสิ้นเดือน พ.ย. 63 เพื่อควบคุมโควิด-19 พร้อม เห็นชอบประกาศมท. ไฟเขียว 'เรือเรือยอชต์-เรือสำราญ' เข้าไทย กระตุ้นท่องเที่ยว พร้อมไฟเขียวอีก 4 โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ศบค.รายงานพบผู้ป่วย'โควิด'ใหม่ 13 ราย ในสถานกักกัน เดินทางมาจากต่างประเทศ

วานนี้ (28 ตค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ประธาน ว่า ที่ประชุมมีมติ ขยายระยะเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ออกไปอีก 1 เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุด 31 ต.ค. ไปเป็นสิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย.2563

พร้อมกันนี้ ครม. ยังได้มีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa : STV) โดยจะออกประกาศให้คนต่างด้าวที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดมีสิทธิ์ขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว STV ในช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ภายใน 30 วัน หลังจากมีประกาศบังคับใช้ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564

สำหรับคุณสมบัติที่กำหนดของคนต่างด้าวที่มีสิทธิ์ขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว STV มีดังนี้ เป็นบุคคลต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวโดยเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) ในกลุ่มผู้ควบคุมยานพาหนะ หรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ หรือผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำหรือความเสี่ยงปานกลาง ตามการจัดกลุ่มประเทศด้านการแพทย์และสาธารณสุข สำหรับการผ่อนคลายผู้ไม่มีสัญชาติไทยเข้ามาในราชอาณาจักรตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวจะต้องยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และยินยอมกักตัวภายในเรือไม่น้อยกว่า 14 วัน พร้อมกับมีหลักฐานเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อท่องเที่ยวโดยเรือสำราญและกีฬา

นอกจากนี้ ยังต้องมีหลักฐานกรมธรรม์การทำประกันสุขภาพที่คุ้มครองตรวจรักษาโรคโควิด-19 ในวงเงิน 100,000 เหรียญสหรัฐ ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในประเทศไทย รวมถึงการทำประกันสุขภาพและอุบัติเหตุของไทยคุ้มครองตลอดระยะเวลาที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยมีจำนวนเงินประกันภัยสำหรับค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยนอก ไม่น้อยกว่า 40,000 บาท และผู้ป่วยในไม่น้อยกว่า 400,000 บาท และมีหลักฐานการชำระเงินล่วงหน้าในการเช่าจองสถานที่จอดเรือ พร้อมปฏิบัติตามประกาศของกรมเจ้าท่าว่าด้วยแนวปฏิบัติ

สำหรับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) ที่เข้ามาในน่านน้ำไทยสำหรับบุคคลต่างด้าวที่มากับเรือยอร์ชที่ผ่านคุณสมบัติข้างต้นแล้ว จะขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว STV จะเสียค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราครั้งละ 2,000 บาท ได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยได้เป็นเวลา 90 วันนับแต่วันที่เดินทางเข้ามา

อย่างไรก็ตาม ให้ผ่อนผันสำหรับกรณีที่เรือยอร์ชเดินทางออกจากประเทศต้นทางและอยู่ระหว่างการเดินทางเข้ามาในน่านน้ำไทยก่อนที่ประกาศจะมีผลบังคับใช้ กลุ่มนี้จะได้รับสิทธิ์ขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว STV ได้เป็นเวลา 30 วันหลังจากที่ประกาศมีผลบังคับใช้ และภายหลังจากที่ครบกำหนดอยู่ในไทยแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีอำนาจอนุญาตให้อยู่ต่อไปได้อีก 2 ครั้งๆ ละ 90 วัน โดยให้คนต่างด้าวยื่นคำขอและเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

เคาะ 4 โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า คณะรัฐมนตรี อนุมัติ 4 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันสู่ Oleochemicalแบบครบวงจร ภายหลังผลกระทบโควิด-19 ของ ม.สงขลานครินทร์ เพื่อเตรียมพร้อมและสนับสนุนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันเข้าสู่ระบบมาตรฐานให้มีการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน ตั้งแต่เกษตรผู้ผลิตทะลายปาล์ม โรงสกัดน้ำมันปาล์ม และโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม

โดยเตรียมความพร้อมโดยให้ความรู้ จัดอบรม และเป็นพี่เลี้ยงเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม และโรงงานสกัดปาล์มน้ำมันในพื้นที่เป้าหมายให้สามารถเข้าสู่มาตรฐาน RSPO จัดทำห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพทางกายภาพ เคมี และชีวภาพ รองรับการจัดทำมาตรฐาน RSPO และให้บริการวิเคราะห์คุณภาพปาล์มน้ำมัน พัฒนากระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ Oleochemicalที่มีความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์ โดยประกอบเครื่องต้นแบบสกัดวิตามินเอ และอุปกรณ์กลั่นแยกกรดไขมันที่มีมูลค่าสูง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และเครื่องสำอาง

อบรมให้ความรู้กลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการ นักวิชาการ และผู้ที่สนใจในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ชุมพร กระบี่ ระนอง และนครศรีธรรมราช ไม่น้อยกว่า 200 ราย งบฯ 22,064,600 บาท โดยมีกรอบระยะเวลา 1 ปี (ต.ค.63 – ก.ย.64)

2. โครงการพัฒนายกระดับมาตรฐานการให้บริการของบุคลากรท่องเที่ยวไทย เพื่อรองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อยกระดับคุณภาพและพัฒนาการให้บริการของผู้ประกอบการธุรกิจและบุคลากรที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวรองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย

โดยคัดเลือกจังหวัดที่เป็นพื้นที่เป้าหมาย จัดอบรมและมอบหมายผู้รับผิดชอบดำเนินงาน โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 7 กลุ่ม หลักสูตรการอบรม 18 ชั่วโมง (3 วัน) ครั้งละ 250 คน จำนวน 48 ครั้ง รวม 12,000 คน งบฯ 66,681,600 บาท โดยมีกรอบระยะเวลา 1 ปี (ต.ค.63 –ก.ย.64)

3. โครงการพัฒนาเนินทรายงาม (Sand Dune)ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ตามเส้นทางท่องเที่ยว Scenic Route ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเนินทรายงาม อ.ปะทิว จ.ชุมพร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศต้นแบบ รองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ ตามเส้นทางท่องเที่ยว Scenic Route สร้างศักยภาพการท่องเที่ยวในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออก (Thailand Riviera)

โดยจ้างที่ปรึกษาสำรวจและรวบรวมข้อมูลจัดทำแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเนินทรายงามและพื้นที่เชื่อมโยง ก่อสร้างและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นขั้นพื้นฐานในแหล่งท่องเที่ยวเนินทรายงาม จัดอบรมบุคลากรทุกภาคส่วน จำนวน 8 ครั้ง โดยมีผู้เข้ารับการอบรม จำนวนครั้งละไม่น้อยกว่า 50 คน จัดกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางท่องเที่ยว งบฯ 19,126,300 บาท โดยมีกรอบระยะเวลา 1 ปี (ต.ค.63 –ก.ย.64)

4. โครงการต้นแบบเพื่อยกระดับการให้บริการของสถานประกอบการสู่มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA)ตามวิถีการท่องเที่ยวแนวใหม่ เพื่อมุ่งสู่การท่องเที่ยวคุณภาพสูง ของ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้ความรู้และยกระดับการให้บริการแก่ผู้ประกอบการให้สามารถปรับปรุงสถานประกอบการให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA)

โดยคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย 10 ประเภทกิจกรรมในแต่ละจังหวัด จัดอบรมผู้ประกอบการ 10 ประเภทกิจกรรม เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ผู้ประกอบการให้สามารถปรับปรุงสถานประกอบการให้ได้มาตรฐาน SHA ในพื้นที่ 4 จังหวัด (จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง) ระยะเวลา 2 วันงบฯ 4,059,800 บาท กรอบระยะเวลา 1 ปี (ต.ค.63 –ก.ย.64)

ศบค.พบคนไทยติดเชื้อโควิดเพิ่ม 13 ราย

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,759 ราย หายป่วยแล้ว 3,561 ราย รักษาตัวอยู่ 139 ราย ผู้เสีย ชีวิตสะสม 59 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 13 ราย อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ เดินทางมาจาก สหรัฐอเมริกา 1 ราย , บังกลาเทศ 1 ราย , จอร์แดน 4 ราย , เยอรมนี 1 ราย , สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย , ฝรั่งเศส 1 ราย , รัสเซีย 1 ราย และสหราชอาณาจักร 2 ราย


กำลังโหลดความคิดเห็น