xs
xsm
sm
md
lg

ปัจจัยว่าด้วยความพ่ายแพ้ของ “ทรัมป์บ้า”

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท



ยังแทบไม่มีโอกาสรู้ได้ว่าจะ “ป่วน” กันไปถึงขั้นไหน??? สำหรับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่บรรดาพวกเด็กๆ เขาตัดสินใจยื่นคำขาด ให้ผู้บริหารประเทศอย่างท่านนายกฯ “บิ๊กตู่” ต้องลาออกภายใน 3 วัน 7 วัน อะไรประมาณนั้น...ด้วยเหตุนี้เปิดฉากสัปดาห์นี้ คงต้องหันไปว่ากันเรื่อง “เลือกตั้งอเมริกา” ไปพลางๆ น่าจะเหมาะกว่า เพราะอีกไม่กี่วัน แค่ประมาณสัปดาห์เดียวเท่านั้น ก็จะได้เวลา “เขย่าประชาธิปไตยในอุ้งมือของท่าน” ของบรรดาชาวอเมริกันชนทั้งหลาย...

โดยเมื่อมาถึงขั้นนี้ และ ณ วินาทีนี้...คงต้องยอมรับเอาตรงๆ นั่นแหละว่า ยังแทบมองไม่เห็นโอกาส ไม่เห็นช่อง เห็นทางใดๆ เอาเลยก็ว่าได้ ว่า “แชมป์เก่า” อย่างประธานาธิบดี “ทรัมป์บ้า” จะสามารถป้องกันแชมป์ จากการวิ่ง-สู้-ฟัด การบุกตะลุยของผู้ท้าชิงรายใหม่อย่าง “โจซึมเซา” หรือ “โจเชื่องช้า” กันได้ในแบบไหน อย่างไร เพราะแม้ผู้ท้าชิงแห่งพรรคเดโมแครตรายนี้ จะเป็นอะไรที่แก่แสนแก่และหงำๆ เหงอะๆ มิใช่น้อย แต่โดยแนวโน้มความเป็นไปตามราคาต่อรองของตลาดลอนดอน หรือตลาดไหนต่อตลาดไหนก็แล้วแต่ ดูเหมือนว่าโอกาสคว้าชัยชนะของ “โจ ไบเดน” น่าจะหนักไปทาง “แบเบอร์” ยิ่งเข้าไปทุกที...

แค่ดูจากผลสำรวจคะแนนนิยม ไม่ว่าจากสำนักไหนต่อสำนักไหน ที่แสดงให้เห็นถึงการทิ้งห่างแบบ “ทิ้งขาด” ของ “โจซึมเซา” ต่อผู้นำคนปัจจุบันอย่าง “ทรัมป์บ้า” เท่านั้น การที่คะแนนเสียง คะแนนนิยมของผู้สมัครที่แก่แสนแก่ ชราแสนชรารายนี้ กลับพุ่งทะลุเพดาน เหนือไปซะยิ่งกว่าคะแนนนิยมของอดีตประธานาธิบดีที่ทั้งหนุ่ม ทั้งแน่น อย่าง “โอบามา” หรือ “ฮิลลารี คลินตัน” ไปไม่รู้ต่อกี่จุด กี่เปอร์เซ็นต์ ยังอาจถือเป็น “สัญญาณ” แห่งชัยชนะ ที่ค่อนข้างมีน้ำหนักเอามากๆ คือแม้ว่าอดีตประธานาธิบดีอย่าง “โอบามา” นั้น จะถูกบันทึก สถิติ ว่าเคยได้รับคะแนนนิยมสูงสุด ระหว่างการรณรงค์เลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่ก็ยังแค่ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ขณะผู้สมัครที่แก่แล้ว-แก่เลย หรือแก่เพราะกินข้าว-เฒ่าเพราะอยู่นาน ซึ่งไม่น่าจะกอบโกยคะแนนนิยมได้มากมายมหาศาลสักเท่าไหร่ อย่าง “โจเชื่องช้า” หรือ “โจซึมเซา” กลับสามารถทำคะแนนพุ่งโด่เด่ไปได้ถึง 51.1 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น แถมถ้าดูจากการระดมเงินสนับสนุนการเลือกตั้งคราวนี้ การที่ชายชราอย่าง “โจ ไบเดน” สามารถระดมเงินได้ถึง 383 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างน้อย ขณะ “ทรัมป์บ้า” ได้เพียงแค่ 247 ล้านดอลลาร์เท่านั้นเอง อันนี้...ก็ถือเป็นการบ่งบอกถึงความมุ่งมั่น เอาจริง-เอาจัง ในการช่วงชิงชัยชนะคราวนี้ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย...

ปัจจัยประการที่สอง...ที่อาจถือเป็นตัวบ่งบอกชัยชนะ-ความพ่ายแพ้ของทั้งคู่ ก็คือการที่บรรดา “ชาวรีพับลิกัน” จำนวนไม่น้อยดันหันมา “เทเสียง” ให้กับ “โจซึมเซา” ซะเฉยเลย!!! จะด้วยความโกรธ ความเกลียด เคียดแค้น ชิงชัง ประธานาธิบดีของตัวเอง ในแบบไหนต่อแบบไหนก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นอดีตผู้ว่าฯ โอไฮโอ “นายJohn Kasich” อดีตผู้ว่าฯ นิวเจอร์ซี “นายChristine Todd” อดีตผู้ว่าฯ นิวยอร์ก “นางSusan Molinari” อดีตผู้ว่าฯ เพนซิลเวเนีย “นายCharlie Dent” อดีตผู้ว่าฯ มิชิแกน “นายRick Snyder” ฯลฯ ไปจนถึงอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งพรรครีพับลิกัน อย่าง “พลเอกColin Powell” อดีตรัฐมนตรีกลาโหม “William Cohen” อดีตวุฒิสมาชิกรัฐเนบราสกา “นายChuck Hagel” หรือแม้กระทั่งบรรดาอดีตเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองและความมั่นคงที่เคยยืนหยัดอยู่กับพรรครีพับลิกันมาโดยตลอด ขณะดำรงตำแหน่งในหน่วยงานเอฟบีไอ ซีไอเอ เอ็นเอสเอ หรือกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ก็แล้วแต่ ล้วนออกมาประกาศเทเสียงให้กับ “โจซึมเซา” กันไปเป็นแถบๆ ไม่ว่า “Michael Hayden” “William Webster” “John Negroponte” หรือ “Miles Taylor” ฯลฯ เป็นต้น รวมไปถึงอดีต 20 สมาชิกผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันแห่งนิวแฮมเชียร์ เวอร์จิเนีย เท็กซัส เพนซิลเวเนีย มิสซูรี ฮาวาย โอคลาโฮมา แมรี่แลนด์ เซาท์แคโรไลนา แอริโซนา แคลิฟอร์เนีย อิลลินอยส์ ไอโอวา นิวยอร์ก ฯลฯ ยังหันมาหนุนคู่แข่ง “ทรัมป์บ้า” ซะดื้อๆ!!!

ประการที่สาม...ถ้าหันไปดูคะแนนนิยมของ “ทรัมป์บ้า” เมื่อเทียบกับบรรดา “ผู้นำโลก” แต่ละราย ที่สำนักวิจัย “Pew Research” เขาเพิ่งไปทำมาแบบสดๆ ร้อนๆ โดยไปสำรวจความคิดเห็นของบรรดาผู้คนพลเมืองในประเทศต่างๆ ไม่ว่าออสเตรเลีย เบลเยียม แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ เกาหลีใต้ สเปน สวีเดน และอังกฤษ นอกจากพบว่าผู้ที่มีคะแนนนิยม หรือมีผู้ให้ “ความไว้วางใจ” เป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่ผู้นำเยอรมนีอย่าง “อังเกลา แมร์เคิล” โดยมีผู้นำฝรั่งเศส อย่าง “นายเอ็มมานูเอล มาครง” ตามมาเป็นอันดับสอง ผู้นำอังกฤษ “นายบอริส จอห์นสัน” อันดับสาม แม้กระทั่งผู้ที่บรรดาชาวยุโรปหรือพันธมิตรของคุณพ่ออเมริกาทั้งหลาย ออกจะ “ไม่ไว้วางใจ” เอามากๆ เช่นผู้นำรัสเซีย “นายวลาดิมีร์ ปูติน” หรือผู้นำจีน คุณพี่ “สี ทนได้” หรือประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” กลับยังมีคะแนนความไว้วางใจ ตามมาเป็นอันดับ 4 อันดับ 5 ตามลำดับ ขณะที่ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ดันหล่นไปเป็นอันดับ 6 หรืออันดับสุดท้าย มีผู้ “ไว้วางใจ” แค่ 16 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ขณะจำนวนผู้ “ไม่ไว้วางใจ” ปาเข้าไปถึง 83 เปอร์เซ็นต์โน่นเลย หรือแทบไม่มีโอกาส “America Great Again” ใดๆ ได้อีกต่อไป เพราะความไม่ไว้เนื้อ-เชื่อใจของชาวโลก ที่ออกจะผิดแผกแตกต่างไปจากบรรดาอเมริกันชนแบบคนละเรื่อง คนละม้วน...

หรือแม้กระทั่งการ “ดีเบต” คราวล่าสุด...ที่อาจถือเป็นการ “ดิ้นครั้งสุดท้าย” ของประธานาธิบดีผู้เพิ่งหายจากการติดเชื้อโควิดก็เถอะ โดยการสุ่มสำรวจของ “Data Progress Survey” หลังการต่อล้อต่อเถียงครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นลงไปหมาดๆ คะแนนนิยมของ “โจซึมเซา” ก็ยังคงทิ้งห่าง ทิ้งขาด “ทรัมป์บ้า” ไปถึง 53 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 39 เปอร์เซ็นต์ โอกาสหวนกลับมาคว้าชัยชนะของผู้ที่ครองตำแหน่งแชมป์อย่าง “ทรัมป์บ้า” เลยอาจต้องหันไปพึ่ง “โหร” แบบหันไปพึ่ง “เจ๊ฟองสนาน” ของบ้านเราเอาเลยก็ไม่แน่ เพราะดูเหมือนว่า...น่าจะเหลือแต่โหรอย่าง “นายPat Robertson” นักการศาสนาผู้ก่อตั้งเครือข่ายวิทยุกระจายเสียงให้บรรดาชาวคริสต์ในอเมริกา และผู้ที่ยังยืนหยัดอยู่กับพรรครีพับลิกันแบบชนิดถึงไหนก็ถึงกัน ที่เพิ่งออกมา “ฟันเฟิร์ม” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่า “พระผู้เป็นเจ้า” บอกกับตัวเองเอาไว้ว่า สุดท้ายแล้ว “ทรัมป์บ้า” จะคว้าชัยชนะได้เหมือนเดิม แต่ก็อย่างว่า...โดยอายุอานามของ “นายPat Robertson” ก็ปาเข้าไปประมาณ 90 ปีเข้าไปแล้ว แถมมักทายผิด ทายถูก แบบมั่วไป-มั่วมา มาโดยตลอด เช่นทายว่าจะเกิด “วันสิ้นยุค” ในปี ค.ศ. 1970 ปี 1982 ปี 2007 แต่สุดท้าย...ยังไม่เกิดซักกะที การหันมาทำนายทายทักครั้งล่าสุดว่า “ทรัมป์บ้า” จะคว้าชัยชนะและนำไปสู่ความไม่สงบ นำไปสู่สงครามระดับโลก หรือนำไปสู่ “วันสิ้นยุค” กันจนได้ จึงเป็นอะไรที่อาจต้องฟังหูซ้ายแล้วปล่อยให้ทะลุออกไปทางหูขวา อะไรทำนองนั้น...

แต่สรุปเอาเป็นว่า...ไม่ว่าใครแพ้-ใครชนะ สิ่งที่บรรดานักวิเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญในอเมริกา ออกจะเห็นพ้องต้องกันมิใช่น้อย นั่นคือโอกาสที่จะเกิดความ “ป่วน” ขึ้นมาในสังคมอเมริกัน ค่อนข้างเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรืออย่างที่สำนักข่าว “Sputnik” ของรัสเซีย เขาเพิ่งไปสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของอเมริกา หรืออดีตนักวิเคราะห์อาวุโสแห่งหน่วยงานเอ็นเอสเอ อย่าง “นายJ. Kirk Wiebe” มาเผยแพร่ไว้เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมานั่นแหละว่า ด้วยเหตุเพราะการสวิง หรือ “สุดโต่ง” ไปในแต่ละด้าน ของบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ไม่ว่าเดโมแครตหรือรีพับลิกัน ที่ซึมลึกลงไปถึงทัศนคติ หรือแม้แต่จิตสำนึก โอกาสที่แต่ละฝ่ายจะหันหน้าเข้าหากัน โดยอาศัยสิ่งที่อาจถือเป็น “สายใย” สุดท้าย ไม่ว่า “รัฐธรรมนูญอเมริกา” หรือ “ระบบตลาดเสรีแบบทุนนิยม” กลับแทบไม่มีโอกาสเป็นไปได้เอาเลย หรือ “การเลือกข้าง เลือกฝ่าย...จะยังคงดำเนินต่อไปภายหลังการเลือกตั้ง การปลุกปั่นให้เกิดความโกรธเคืองของแต่ละฝ่ายจะมีแต่เพิ่มขึ้นๆ จนอาจนำไปสู่...สงครามกลางเมือง...เมื่อไหร่ก็ย่อมได้” นี่ เรียกว่า...พอๆ กับบรรยากาศประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่ยังมิอาจสรุปได้แม้จนบัดนี้ ว่าจะต้อง “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” กันไปถึงขั้นไหน ตราบใดที่ฝ่ายกลางๆ หรือฝ่ายมัชฌิมาปฏิทา ยังไม่อาจถ่วงๆ รั้งๆ บรรดาพวก “สุดโต่ง” ทั้งหลาย ให้พอรู้จักลดราวาศอกลงไปซะมั่ง...


กำลังโหลดความคิดเห็น