กรมธุรกิจพลังงานส่งเจ้าหน้าที่รุดลงพื้นที่เร่งตรวจสอบท่อก๊าซฯ ระเบิดที่บางบ่อ เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากรถแบ็กโฮเข้าไปขุดดินโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ต้องรอสรุปเหตุที่ชัดเจนอีกครั้ง เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 3ราย บาดเจ็บจำนวนมาก
วานนี้ (22 ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 12.50 น. ได้เกิดเหตุท่อส่งก๊าซธรรมชาติระเบิดภายใน ซ.โรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดี อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย(สุวรรณภูมิ) ส่งผลให้มีเพลิงลุกไหม้รุนแรง สามารถมองเห็นเปลวเพลิงได้จากระยะไกลหลายกิโลเมตร และสร้างความเสียหายให้แก่อาคาร บ้านเรือน และรถยนต์จำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ทำการระดมรถน้ำเข้าไปในพื้นที่ และให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ จนสามารถควบคุมเพลิงได้ในช่วงเวลา 15.20 น. เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 28 ราย และผู้เสียชีวิต 3 ราย
ทั้งนี้บ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงไหม้เสียหายมากกว่า 10 หลัง เนื่องจากเป็นพื้นที่ชุมนุมใกล้วัด และโรงเรียน โดยหลังเกิดเหตุได้ทำการอพยพนักเรียนออกจากพื้นที่ทันที เนื่องจากท่อก๊าซที่ระเบิดอยู่บริเวณหน้าโรงเรียน เช่นเดียวกับ อาคารสถานีตำรวจภูธร (สภ.) เปร็ง ที่ถูกเพลิงไหม้จนเสียหายเกือบทั้งหมด
ภายหลังเพลิงสงบลง ในที่เกิดเหตุพบการระเบิดของท่อส่งก๊าซที่ฝังเป็นแนวมาตามถนน เส้นผ่าศูนย์กลางท่อ ประมาณ 30 ซม. โดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เจ้าของท่อก๊าซได้จัดตั้งศูนย์ควบคุมเหตุฉุกเฉิน แจ้งลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทราบ และเร่งแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วน
นายถวัลย์ ธนกิจเจริญพัฒน์ รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ของ ธพ.ได้เข้าไปยังสถานการณ์ที่เกิดเหตุแล้ว โดยท่อก๊าซธรรมชาติดังกล่าวเป็นท่อเส้นที่ 2 ขนาด 36 นิ้ว มีการใช้งานมาระยะหนึ่งแล้วโดยส่งก๊าซไปใช้ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เบื้องต้นคาดว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากการที่รถแบ็กโฮเข้าไปดำเนินการขุดพื้นที่บริเวณใกล้ท่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งสรุปข้อสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
“สาเหตุกำลังดูให้แน่ชัด ปกติแนวท่อก๊าซจะมีป้ายกำกับเตือนอันตรายระมัดระวังที่ชัดเจน ซึ่งยอมรับว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นกับท่อก๊าซมักเป็นเรื่องของการไม่ระมัดระวัง จนเกิดอุบัติเหตุ" นายถวัลย์ ระบุ
ด้าน นายโชคชัย ธนเมธี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ปตท. กล่าวเสริมว่าเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ปตท. ได้เข้าสู่พื้นที่เพื่อระงับเหตุ ตรวจสอบสาเหตุและดำเนินการตัดแยกระบบบริเวณช่วงท่อดังกล่าวพร้อมทั้งได้ประสานงานทีมดับเพลิงในพื้นที่เพื่อร่วมระงับเหตุจนสามารถควบคุมสถานการณ์เพลิงไหม้ได้เรียบร้อยแล้ว และได้ร่วมกับหน่วยกู้ภัยในพื้นที่เร่งนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลในพื้นที่เรียบร้อย โดยพร้อมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นและเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างดีที่สุด
ขณะที่ นายสุพัฒน์ สวัสดิ์ชูโต ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย (สุวรรณภูมิ) กล่าวว่า จุดเกิดเหตุไม่ได้อยู่ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเอเชียฯแต่อย่างใด โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากนิคมฯไปประมาณ 5 กิโลเมตร โดยพื้นที่เกิดท่อก๊าซฯระเบิดและเพลิงไหม้อยู่ที่ บริเวณตรงข้ามวัดเปร็งราษฎร์บำรุง ถนนเทพราช – ลาดกระบัง ต.คลองสวน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้เกิดก๊าซฯ ฟุ้งกระจายสู่บรรยากาศและเกิดการติดไฟดังกล่าว
วานนี้ (22 ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 12.50 น. ได้เกิดเหตุท่อส่งก๊าซธรรมชาติระเบิดภายใน ซ.โรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดี อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย(สุวรรณภูมิ) ส่งผลให้มีเพลิงลุกไหม้รุนแรง สามารถมองเห็นเปลวเพลิงได้จากระยะไกลหลายกิโลเมตร และสร้างความเสียหายให้แก่อาคาร บ้านเรือน และรถยนต์จำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ทำการระดมรถน้ำเข้าไปในพื้นที่ และให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ จนสามารถควบคุมเพลิงได้ในช่วงเวลา 15.20 น. เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 28 ราย และผู้เสียชีวิต 3 ราย
ทั้งนี้บ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงไหม้เสียหายมากกว่า 10 หลัง เนื่องจากเป็นพื้นที่ชุมนุมใกล้วัด และโรงเรียน โดยหลังเกิดเหตุได้ทำการอพยพนักเรียนออกจากพื้นที่ทันที เนื่องจากท่อก๊าซที่ระเบิดอยู่บริเวณหน้าโรงเรียน เช่นเดียวกับ อาคารสถานีตำรวจภูธร (สภ.) เปร็ง ที่ถูกเพลิงไหม้จนเสียหายเกือบทั้งหมด
ภายหลังเพลิงสงบลง ในที่เกิดเหตุพบการระเบิดของท่อส่งก๊าซที่ฝังเป็นแนวมาตามถนน เส้นผ่าศูนย์กลางท่อ ประมาณ 30 ซม. โดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เจ้าของท่อก๊าซได้จัดตั้งศูนย์ควบคุมเหตุฉุกเฉิน แจ้งลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทราบ และเร่งแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วน
นายถวัลย์ ธนกิจเจริญพัฒน์ รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ของ ธพ.ได้เข้าไปยังสถานการณ์ที่เกิดเหตุแล้ว โดยท่อก๊าซธรรมชาติดังกล่าวเป็นท่อเส้นที่ 2 ขนาด 36 นิ้ว มีการใช้งานมาระยะหนึ่งแล้วโดยส่งก๊าซไปใช้ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เบื้องต้นคาดว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากการที่รถแบ็กโฮเข้าไปดำเนินการขุดพื้นที่บริเวณใกล้ท่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งสรุปข้อสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
“สาเหตุกำลังดูให้แน่ชัด ปกติแนวท่อก๊าซจะมีป้ายกำกับเตือนอันตรายระมัดระวังที่ชัดเจน ซึ่งยอมรับว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นกับท่อก๊าซมักเป็นเรื่องของการไม่ระมัดระวัง จนเกิดอุบัติเหตุ" นายถวัลย์ ระบุ
ด้าน นายโชคชัย ธนเมธี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ปตท. กล่าวเสริมว่าเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ปตท. ได้เข้าสู่พื้นที่เพื่อระงับเหตุ ตรวจสอบสาเหตุและดำเนินการตัดแยกระบบบริเวณช่วงท่อดังกล่าวพร้อมทั้งได้ประสานงานทีมดับเพลิงในพื้นที่เพื่อร่วมระงับเหตุจนสามารถควบคุมสถานการณ์เพลิงไหม้ได้เรียบร้อยแล้ว และได้ร่วมกับหน่วยกู้ภัยในพื้นที่เร่งนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลในพื้นที่เรียบร้อย โดยพร้อมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นและเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างดีที่สุด
ขณะที่ นายสุพัฒน์ สวัสดิ์ชูโต ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย (สุวรรณภูมิ) กล่าวว่า จุดเกิดเหตุไม่ได้อยู่ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเอเชียฯแต่อย่างใด โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากนิคมฯไปประมาณ 5 กิโลเมตร โดยพื้นที่เกิดท่อก๊าซฯระเบิดและเพลิงไหม้อยู่ที่ บริเวณตรงข้ามวัดเปร็งราษฎร์บำรุง ถนนเทพราช – ลาดกระบัง ต.คลองสวน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้เกิดก๊าซฯ ฟุ้งกระจายสู่บรรยากาศและเกิดการติดไฟดังกล่าว