จากกรณีที่ได้เกิดเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเกิดเพลิงไหม้ บริเวณตรงข้ามวัดเปร็งราษฎร์บำรุง ถนนเทพราช-ลาดกระบัง ต.คลองสวน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ในวันนี้ (22 ต.ค.) ส่งผลให้เกิดก๊าซฯ ฟุ้งกระจายสู่บรรยากาศและเกิดการติดไฟนั้น
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าสาเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบจาก กรมธุรกิจพลังงาน ร่วมกับ ปตท.และ กฟผ. และเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บจำนวน 28 ราย และนำส่ง รพ.ลาดกระบัง, รพ.บางบ่อ, รพ.บางเสาธง, รพ.จุฬารัตน์ 11, รพ.บางนา 2, รพ. พุทธโสธร, รพ.บ้านโพธิ์ และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย เหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบความเสียหายต่อชุมชน โรงเรียน และโรงงานในนิคมเอเชียสุวรรณภูมิ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ
ในส่วนการผลิตไฟฟ้านั้น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สายส่งไฟฟ้าแรงสูงของการไฟ้ฟาฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขนาด 230 กิโลโวลต์ (kV) คลองใหม่-ลำลูกกา วงจร 1 และ 2 ขัดข้อง แต่ยังสามารถส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ประชาชน โดยนำสายส่งชั่วคราว 230 kV พระนครใต้-เทพารักษ์เข้าใช้งาน รวมทั้งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง หน่วยที่ 5 และเดินเครื่องโรงไฟฟ้าวังน้อย หน่วยที่ 3 ซึ่ง กฟผ.ยืนยันไม่กระทบต่อผู้ใช้ไฟอย่างแน่นอน
“กระทรวงพลังงานขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน ประสาน ปตท. และ กฟผ.บูรณาการการทำงานร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ โดยให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริหารจัดการสถานการณ์ในเหตุการณ์ดังกล่าวให้ดีที่สุด เร่งหาสาเหตุและดูแลความปลอดภัยของประชาชน การช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยและผู้เสียชีวิต และการชดเชยความเสียหายในส่วนที่เกี่ยวข้อง” ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าว