ผู้จัดการรายวัน360-“ส.อ.ท.”เกาะติดม็อบ หวั่นลากยาว ดึงมือที่ 3 ป่วน ซ้ำเติมเศรษฐกิจ แนะรัฐเร่งหาทางออกให้จบภายในเดือนนี้ หนุนเปิดประชุมวิสามัญเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญปลดล็อก เผยดัชนีเชื่อมั่นก.ย.63 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 5 ไม่อยากเห็นการเมืองเป็นอุปสรรคทำให้เชื่อมั่นลดลงอีก
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การชุมนุมในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ภาคเอกชนกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา การชุมนุมจะเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย โดยไม่มีการทำลายทรัพย์สิน ไม่ก่อเหตุวุ่นวาย หรือรุนแรง แต่หากปล่อยยืดเยื้อไป จะเปิดทางให้มือที่ 3 เข้ามาวุ่นวายและจะทำให้สถานการณ์บานปลายได้ ดังนั้น ภายในเดือนนี้ รัฐบาลควรจะต้องหาทางออกในการไขปัญหาก่อนที่จะยืดเยื้อและนำมาซึ่งการซ้ำเติมเศรษฐกิจ
“การนัดชุมนุมเป็นดาวกระจายหลายจุดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นสิ่งที่เอกชนกำลังติดตามใกล้ชิด แม้ว่าขณะนี้ ยังไม่ได้มีความรุนแรง และยังไม่มีนัยสำคัญที่กระทบต่อเศรษฐกิจ แต่หากยืดเยื้อและรุนแรง ก็จะกระทบเชื่อมั่นนักลงทุนและซ้ำเติมเศรษฐกิจที่กำลังจะค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวอยู่ในขณะนี้ ดังนั้น ทุกฝ่ายไม่ควรจะเพิกเฉย”นายสุพันธุ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณที่ดีที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงเป็นข้อเสนอของผู้ชุมนุม ที่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การที่รัฐบาลจะเร่งเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญโดยเร็ว จึงถือเป็นเวทีในการที่จะตอบโจทย์ของผู้ชุมนุมและนำไปสู่การแก้ไขโดยสภาฯ แทนที่จะอยู่นอกสภาฯ ซึ่งการแก้ไขนั้น สามารถนำประเด็นหลักๆ มาพิจารณาอย่างมีเหตุและผล ซึ่งบางเรื่องควรจะถอยกันคนละก้าวในการแก้ไข ส่วนข้อเรียกร้องที่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออกนั้น คิดว่ายังเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดและคงจะต้องไปสอบถามท่านโดยตรง แต่ขณะนี้ท่านยังพร้อมที่จะทำงานต่อไป
นายสุพันธุ์กล่าวว่า สำหรับผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนก.ย.2563 อยู่ที่ระดับ 85.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 84.0 ในเดือนส.ค.2563 โดยค่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 มีปัจจัยบวกจากอุปสงค์ในประเทศขยายตัว เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวขึ้น แต่ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 93.3 จากระดับ 94.5 เนื่องจากยังคงกังวลต่อการระบาดรอบ 2 ของโรคโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะสถานการณ์การระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน และยังมีความกังวลสถานการณ์การเมือง หากยืดเยื้อ รุนแรง จะฉุดความเชื่อมั่นให้ลดลง รวมถึงกังวลในเรื่องราคาน้ำมัน ดอกเบี้ยเงินกู้ และการสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ ซึ่งเอกชนจะมีการหารือและนำเสนอให้ ศบศ. พิจารณาภายในสัปดาห์นี้
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การชุมนุมในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ภาคเอกชนกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา การชุมนุมจะเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย โดยไม่มีการทำลายทรัพย์สิน ไม่ก่อเหตุวุ่นวาย หรือรุนแรง แต่หากปล่อยยืดเยื้อไป จะเปิดทางให้มือที่ 3 เข้ามาวุ่นวายและจะทำให้สถานการณ์บานปลายได้ ดังนั้น ภายในเดือนนี้ รัฐบาลควรจะต้องหาทางออกในการไขปัญหาก่อนที่จะยืดเยื้อและนำมาซึ่งการซ้ำเติมเศรษฐกิจ
“การนัดชุมนุมเป็นดาวกระจายหลายจุดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นสิ่งที่เอกชนกำลังติดตามใกล้ชิด แม้ว่าขณะนี้ ยังไม่ได้มีความรุนแรง และยังไม่มีนัยสำคัญที่กระทบต่อเศรษฐกิจ แต่หากยืดเยื้อและรุนแรง ก็จะกระทบเชื่อมั่นนักลงทุนและซ้ำเติมเศรษฐกิจที่กำลังจะค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวอยู่ในขณะนี้ ดังนั้น ทุกฝ่ายไม่ควรจะเพิกเฉย”นายสุพันธุ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณที่ดีที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงเป็นข้อเสนอของผู้ชุมนุม ที่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การที่รัฐบาลจะเร่งเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญโดยเร็ว จึงถือเป็นเวทีในการที่จะตอบโจทย์ของผู้ชุมนุมและนำไปสู่การแก้ไขโดยสภาฯ แทนที่จะอยู่นอกสภาฯ ซึ่งการแก้ไขนั้น สามารถนำประเด็นหลักๆ มาพิจารณาอย่างมีเหตุและผล ซึ่งบางเรื่องควรจะถอยกันคนละก้าวในการแก้ไข ส่วนข้อเรียกร้องที่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออกนั้น คิดว่ายังเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดและคงจะต้องไปสอบถามท่านโดยตรง แต่ขณะนี้ท่านยังพร้อมที่จะทำงานต่อไป
นายสุพันธุ์กล่าวว่า สำหรับผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนก.ย.2563 อยู่ที่ระดับ 85.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 84.0 ในเดือนส.ค.2563 โดยค่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 มีปัจจัยบวกจากอุปสงค์ในประเทศขยายตัว เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวขึ้น แต่ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 93.3 จากระดับ 94.5 เนื่องจากยังคงกังวลต่อการระบาดรอบ 2 ของโรคโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะสถานการณ์การระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน และยังมีความกังวลสถานการณ์การเมือง หากยืดเยื้อ รุนแรง จะฉุดความเชื่อมั่นให้ลดลง รวมถึงกังวลในเรื่องราคาน้ำมัน ดอกเบี้ยเงินกู้ และการสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ ซึ่งเอกชนจะมีการหารือและนำเสนอให้ ศบศ. พิจารณาภายในสัปดาห์นี้
