xs
xsm
sm
md
lg

"อนุทิน"บินตรวจชายแดนแม่สอด ยันไม่มีลอบเข้าเมืองไวรัสไม่หลุดแน่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

"อนุทิน" บินด่วนลงพื้นที่ตรวจด่านชายแดนแม่สอด กำชับเจ้าหน้าที่ให้ทำงานเชิงรุก-ตรวจโควิด-19 อย่างละเอียด การันตีไม่มีคนลอบเข้าเมืองไวรัสไม่หลุดแน่ ขณะที่จังหวัดฯปิดด่านพรมแดนถาวรแม่สอด แห่งที่ 2 ตั้งแต่บ่ายวานนี้

วานนี้(18 ต.ต.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมคณะ เดินไปตรวจราชการด่วน ที่ด่านพรมแดนถาวรแม่สอดแห่งที่ 2 ติดแนวชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก โดยคณะรองนายกรัฐมนตรี ได้เข้าตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดตาก และทีมตรวจโควิด-19 ที่นำรถตรวจชีวนิรภัยพระราชทาน 5 คัน มาประจำการ ตรวจพนักงานขับรถขนส่งสินค้าทั้งคนไทย-เมียนมา ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ติดต่อกันหลายวันด้วยความเข้ม งวดและเข้มแข็ง

นายอนุทิน ยังได้เข้าไปตรวจขั้นตอนการลำเลียงขนส่งสินค้า บริเวณเซฟตี้โซน ประตูทางเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งพบว่าเจ้าหน้าที่ประจำจุดเซฟตี้โซน มีความเข้มงวดตามมาตรการป้องกันสกัดโควิด-19 อย่างดี ท่ามกลางรถขนส่งสินค้าจำนวนนับร้อยคัน ต่างเร่งรีบทำการขนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศให้ทันก่อนเวลาเส้นตายที่ จ.ตาก มีประกาศปิดด่านพรมแดนในช่วงบ่าย(18ต.ค.) จนทำให้มีรถบรรทุกขนส่งสินค้าติดสะสมยาวเป็นแถวอยู่บนถนนหน้าด่านพรมแดนถาวรแม่สอด แห่งที่ 2

นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ประชาชนทุกคน เชื่อมั่นในประสิทธิภาพการตรวจคัดกรองผู้ป่วยของเจ้าหน้าที่ว่ามีมาตรการที่เข้มงวด โดยมั่นใจในการคัดกรองของหน่วยงานในพื้นที่ชายแดน อ.แม่สอด หากไม่ใช่คนที่ลักลอบเข้ามาเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว โรคโควิดจะไม่มีทางจะหลุดรอดมาได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะตรวจเจอหมด เพราะระบบการตรวจที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งในขณะนี้ทีมสาธารณสุข ได้ส่งรถตรวจชีวนิรภัยพระราชทาน มาสนับสนุนในการตรวจโดยการตรวจมีความแม่นยำสูง

ส่วนผู้ป่วยติดเชื้อใน อ.แม่สอด ทั้ง 5 รายพบว่าเป็นผู้ป่วยที่เราตรวจพบเชื้อ และเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ซึ่งทีมแพทย์อยู่ระหว่างทำการรักษาผู้ป่วยทั้ง 5 รายอย่างดี และปลอดภัย และขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนกจนเกินเหตุ และขอให้ป้องกันตนเองโดยการสวมหน้ากากอนามัยและล้างมืออยู่บ่อยครั้ง




ม.อ็อกซฟอร์ดใช้ไทยฐานผลิตวัคซีน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับสุขภาพของคนไทย โดยมีความพยายามผลัดดันให้ประชาชนชาวไทย เป็นประเทศแรกๆของโลก ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง การผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด โดยวัคซีนที่พัฒนาโดย ม.อ็อกซฟอร์ดจะใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งการผลิตวัคซีนนั้น ม.อ็อกซฟอร์ด มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยเริ่มทดลองกับมนุษย์แล้ว

สำหรับความร่วมมือนี้ ไทยและ ม.อ๊อกซฟอร์ด จะใช้โรงงานของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นแหล่งผลิตวัคซีน โดยการลงนามครั้งนี้ได้รับความร่วมมือด้วยการประสานงานของ เอสซีจี ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมงานด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกับ ม.อ็อกซฟอร์ดมายาวนาน และในหนังสือแสดงเจตจำนงดังกล่าวยังให้สิทธิประเทศไทย ในการจัดจำหน่ายวัคซีนให้แก่ประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วย แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการสาธาณสุข มีความสามารถที่จะใช้เป็นฐานการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งมีความสำคัญต่อประชากรโลก และจะทำให้คนไทยได้รับวัคซีนเป็นประเทศแรกๆ ของโลก นอกจากนี้ ยังจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัย ซึ่งแสดงถึงความคืบหน้าไปอีกขั้นในการจัดหาวัคซีนวิจัยมาใช้ในประเทศ ซึ่งจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

วานนี้ (18 ต.ค.) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 7 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 ราย เข้าสถานกักกัน (State Quarantine)3ราย คือ สวีเดน 1 ราย, สหราชอาณาจักร 1 ราย และเบลเยียม 1 ราย, และส่งกลับไปรักษาที่เมียนมา 1 ราย อีก 3 รายเป็นชาวพม่า เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้าใน อ.แม่สอด จ.ตาก


กำลังโหลดความคิดเห็น