นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการจัดการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 และสถานกักกันโรคระดับพื้นที่ (Local Quarantine) อ.แม่สอด จ.ตาก
นายอนุทิน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 พื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา เตรียมพร้อมยา เวชภัณฑ์ห้องปฏิบัติการ โดยได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษด้านสาธารณสุข พร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนของการควบคุมโรคในพื้นที่ แสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการค้นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถ้าไม่ใช่เป็นการลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ไม่มีทางที่จะหลุดรอดมาตรการทางด้านสาธารณสุขไปได้
นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าเราได้ดำเนินตามขั้นตอน โดยได้ส่งทีมควบคุมโรคและจัดส่งรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน จำนวน 5 คัน ให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิด ใน 6 จุดเสี่ยง เช่น ชุมชนวัดหลวง สุเหร่ามะดีนะฮ์ ชุมชนอิสลาม ตลาดชุมชนประชารักษ์ ซึ่งได้มีการตรวจหาเชื้อไปแล้ว จำนวน 4,678 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 2 ราย เป็นคู่สามีภรรยาชาวเมียนมา และได้สอบสวนโรคผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงจำนวน 9 ราย ขณะนี้ได้เข้ากักตัวแล้ว ซึ่งได้ทำการตรวจหาสารคัดหลั่งส่งศูนย์วิทยาการแพทย์ ที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก และได้รับรายงานผลตรวจว่าติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 3 ราย เป็นลูกของสามีภรรยาที่ตรวจพบเชื้อก่อนหน้านี้ 1 ราย และเป็นหลานอีก 2 ราย ทำให้ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ชาวเมียนมาที่อยู่ในอำเภอแม่สอด รวมทั้งสิ้น 5 รายด้วยกัน
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ยกระดับมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อย่างเข้มข้น โดยขอให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วน พี่น้อง อสม. และประชาชนชาวบ้านทั่วไปที่อยู่ตามแนวชายแดน ต้องช่วยกันสอดส่องดูแลอย่าให้มีการลักลอบเข้าเมืองมาแบบผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่องทางธรรมชาติ สิ่งที่สำคัญตอนนี้ขอให้ประชาชนการ์ดอย่าตก สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า รักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือบ่อยๆ และปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด