ผู้จัดการรายวัน 360 - รมช.ศธ. เผย รร.สารสาสน์วิเทศน์ ราชพฤษ์ ยอมรับทุกข้อเสนอของผู้ปกครอง พร้อมตั้งคณะทำงานติดตามการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น "ณัฏฐพล" จี้ดูแลสภาพจิตใจนักเรียนด่วน ด้านผู้บริหาร รร. ขอโทษผู้ปกครองและสังคม รับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เร่งแก้ไขปรับโครงสร้างผู้บริหาร-จัดระบบคัดกรองครูพี่เลี้ยงใหม่ “วิษณุ” เผย ปมร.ร.สารสาสน์โทษหนักถึงขั้นปิด คุรุสภา ลุยตรวจใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พบห้อง "ครูจุ๋ม" ทั้ง 4 รายไม่มี
วานนี้ (30 ก.ย.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช. ศธ. พร้อมด้วยนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (กช.) และนายพิสุทธิ์ ยงค์กมล ผู้แทนผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนสารสาสน์ ร่วมกันประชุมหารือแนวทางการแก้ปัญหากรณีครูพี่เลี้ยง โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จ.นนทุบรี ทำร้ายเด็กนักเรียนอนุบาล ซึ่งใช้เวลาหารือกันนานกว่า 3 ชม.
นางกนกวรรณ เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกันได้ข้อสรุปดังนี้ กรณีที่ผู้ปกครองต้องการให้บุตรหลานเรียนต่อในโรงเรียน ห้องเรียนที่เกิดเหตุ และห้องเรียนที่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจาก สภ.ชัยพฤกษ์ ทางโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ พร้อมคืนค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่น ปีการศึกษา 2563 ให้กับนักเรียนทุกคนที่อยู่ในห้อง หากผู้ปกครองจ่ายเงินแล้ว โรงเรียนจะดำเนินการคืนให้
พร้อมกันนี้ โรงเรียนจะเร่งดำเนินการติดกล้องวงจรปิดมุมต่างๆ ให้ครบถ้วน และติดตั้งจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ผู้ปกครองสามารถนั่งดูได้ที่โรงอาหาร และหากห้องเรียนใดที่ผู้ปกครองตกลงกันได้โรงเรียนจะจัดให้มีระบบออนไลน์ โรงเรียนต้องจัดทำป้ายชื่อครู แสดงภาพถ่าย เลขที่ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของครูทุกคน หน้าห้องเรียนทุกห้อง และเผยแพร่ในเว็บไซด์ของโรงเรียน
ขณะเดียวกัน โรงเรียนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในทางการแพทย์ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ของนักเรียนที่ถูกกระทำหรือได้รับผลกระทบในห้องเรียนที่เกิดเหตุเต็มตามจำนวนที่จ่ายจริง ตามคำรับรองของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งให้โรงเรียนจัดให้มีนักจิตวิทยาไว้สำหรับเยียวยานักเรียนที่ได้รับผลกระทบ โดยจะมีการประเมินและส่งผลการประเมินให้กับผู้ปกครองทราบทุกภาคเรียน และได้ทำความร่วมมือกับกรมสุขภาพจิตเพื่อเข้ามาฟื้นฟูและเยียวยาให้กับนักเรียน และครูโดยด่วน
ส่วนกรณีที่ผู้ปกครองประสงค์จะย้ายบุตรหลานไปเรียนต่อที่อื่น ให้โรงเรียนพร้อมอำนวยความสะดวกในการจัดทำเอกสารการส่งตัวให้แก่นักเรียนที่ประสงค์จะขอย้ายให้แล้วเสร็จมอบให้ผู้ปกครองภายใน 1 วัน และโรงเรียนคืนค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่น ในปีการศึกษา 2563 พร้อมทั้งรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในทางการแพทย์ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ของนักเรียนที่ถูกกระทำหรือได้รับผลกระทบในห้องเรียนที่เกิดเหตุเต็มตามจำนวนที่จ่ายจริง ตามคำรับรอง ของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ส่วนค่าชดเชยหรือค่าบำรุงขวัญ โรงเรียนจะเร่งดำเนินการให้คณะกรรมการบริหารโรงเรียนพิจารณา และจะแจ้งให้ทราบความคืบหน้าโดยด่วนต่อไป
นอกจากนี้ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานกำกับติดตามการแก้ปัญหากรณีโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ โดยมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยผู้แทนกรมสุขภาพจิต กระทรวงสารธารณสุข ผู้แทน สช. นิติกรสำนักงานปลัดกระทรวง ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนศึกษาธิการจังหวัด เป็นคณะทำงาน มีอำนาจหน้าที่ติดตามการแก้ปัญหาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทั้งนักเรียนและผู้ปกครองตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม โรงเรียนยืนยันว่าจะเร่งให้มีผู้อำนวยการตัวจริงโดยเร็วที่สุด
ผู้บริหาร"ร.ร.สารสาสน์"แถลงเสียใจ
นายพิสุทธิ์ ยงค์กมล ผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์ กล่าวยอมรับว่า รู้สึกตกใจ และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นในโรงเรียน ที่ผ่านมา รร. สารสาสน์มีแนวทางการทำงานที่ชัดเจนในเรื่องนโยบายการต่อต้านการกลั่นแกล้งในโรงเรียน (Bully) โดยเบื้องต้น ต้องขอโทษผู้ปกครองและสังคมอีกครั้ง และจะไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น
"เรายืนยันจะแก้ไขปัญหาด้วยความจริงใจอย่างตรงไปตรงมา เสมือนว่าพวกเราเป็นผู้ปกครอง ข้อตกลงร่วมกันทุกข้อจะนำไปปฏิบัติช่วยเหลือแก้ไข และพร้อมรับฟังข้อเสนอเพิ่มเติมจากผู้ปกครอง โดยได้สั่งการให้โรงเรียนในเครือสารสาสน์ทั้งหมด จัดตั้งศูนย์ร้องเรียนที่ห้องธุรการ รวมทั้งจะมีการปรับระบบคุณภาพของการบริหารโรงเรียน รวมถึงบุคคลากรให้มีธรรมาภิบาล รวมถึงจะมีการตรวจสุขภาพของครูผู้สอนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง"
ส่วนกรณีที่นายพิบูลย์ ยงค์กมล ประธานคณะกรรมการโรงเรียนในเครือสารสาสน์ ผู้ก่อตั้งเครือสารสาสน์ ได้กล่าวผ่านรายการหนึ่งจนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงนั้น อาจเกิดจากความเข้าใจผิดเนื่องจากเป็นการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ จึงอาจทำให้เสียงไม่ชัดเจน โดยนายพิบูลย์ไม่ได้มีเจตนาอย่างที่พูดออกไป และยืนยันเจตนาที่จะช่วยเหลือและความยุติธรรมกับนักเรียนและผู้ปกครอง พร้อมย้ำว่าทุกอย่างจะคลี่คลายเพียงแต่ขอเวลาในการแก้ไขปัญหา
นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าวว่า สช.อยากให้สังคมมั่นใจ เพราะขณะนี้ สช.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ในทุกมิติ ขณะนี้ทางคณะกรรมการก็ได้ลงพื้นที่โรงเรียนแล้ว ดังนั้น ปัญหาทั้งหมดจะถูกนำมาวางเพื่อแก้ไข และ รมช.ศธ.ก็ได้ตั้งคณะทำงานมากำกับติดตามและรับเรื่องร้องเรียนเพื่อหาช่องทางแก้ปัญหาด้วยเช่นกัน ดังนั้น จากนี้ไปผู้ปกครองจะสามารถติดตามผลการแก้ไขปัญหาได้เป็นรายวัน เพราะในส่วนราชการเองก็ปรารถนาที่จะเห็นการเรียนการสอนกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด และก็เชื่อว่าทางโรงเรียนสารสาสน์ ก็อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยเร็วตามที่ตั้งใจไว้ และตนเองก็จะเกาะติดโรงเรียนสารสาสน์ด้วยเช่นกัน เพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลงที่ตรงใจเพื่อคุณภาพของผู้เรียน
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจสอบการเรียนการสอนโรงเรียนที่สอนระดับชั้นอนุบาล สช.มีการตรวจสอบอยู่แล้ว ตามหลักกฏหมายและข้อบังคับ โดยยึดถูกใจเป็นรอง ถูกต้องเป็นหลัก ดังนั้น การจะระดมให้โรงเรียนเกิดภาพใหม่ภายใต้ New Normol จะต้องปรับรูปแบบ เช่น ต้องนำระบบอิเลกทรอนิกส์มาใช้ในการเรียนการสอน
เกณฑ์รับพี่เลี้ยงคัดหน้าตา-ปากไม่เหม็น
ทั้งนี้ นายพิบูลย์ ยงค์กมล ประธานโรงเรียนสารสาสน์ ได้ออกรายการโหนกระแส โดยช่วงหนึ่งได้ตอบคำถามถึงกรณีที่ครูบางคนไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ว่า "ไม่มี เราก็ขอผ่อนผันเอา ระเบียบนี้เพิ่งมา ครูทั่วประเทศก็ไม่มี แม้แต่ผมเองเป็นครูตั้งแต่อายุ 18 เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีใบประกอบวิชาชีพด้วย"
ส่วนประเด็นเรื่องมาตรฐานในการที่จะรับครูที่จะเข้ามาสอนเด็กอนุบาลของทางโรงเรียน เอาเกณฑ์อะไรตัดสิน ซึ่งนายพิบูลย์ ได้กล่าวว่า สำหรับคนที่มาสมัครครูก็จะดูจากวุฒิ มีใบประกอบวิชาชีพหรือไม่ ก็รับมาพิจารณา ส่วนพี่เลี้ยงส่วนใหญ่จะดูที่หน้าตาว่าสะอาดสะอ้านหรือไม่เป็นหลัก สำหรับครูและพี่เลี้ยงเราจะพาไปขูดหินปูนฟรีทุกปี
"เราต้องการร่างกายก่อน ไม่ใช่พูดกับเด็กแล้วปากเหม็น ส่วนเรื่องจิตใจนั้นสำหรับคนที่เป็นครูอนุบาลอะนะ ก็ต้องทำใจ และต้องทนเด็กได้ ต้องรักเด็ก ครูอนุบาลถ้ามีจิตใจรักเด็กก็จะมีความสุขมากทีเดียว" นายพิบูลย์ กล่าว
"ณัฏฐพล" ห่วงสภาพจิตใจนร.-จีเยียวยาด่วน
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางไปยังโรงเรียนสารสาสน์ด้วยตนเองในช่วงบ่ายวันนี้ โดยไปพบผู้บริหารของโรงเรียนเพื่อต้องการรับทราบข้อเท็จจริงด้วยตนเอง หลังจากซักถามรายละเอียดกับผู้บริหารแล้ว เปิดเผยว่า กรณีที่เด็กๆ ระดับอนุบาล โรงเรียนสารสาสน์ ราชพฤกษ์ ถูกครูกระทำความรุนแรงในครั้งนี้ ตนเองมีความกังวล และมีความห่วงใยเด็กๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กๆ กลุ่มนี้ จะต้องได้รับการดูแล ช่วยเหลือ และเยียวยาทางด้านจิตใจเป็นการเร่งด่วน และต่อเนื่องหากมีความจำเป็น
ขณะเดียวกัน โอกาสนี้ก็ได้ขอให้ทางโรงเรียนใช้โอกาสต่อจากนี้ ทำการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการภายในใหม่ทั้งหมด อีกทั้งได้รับการยืนยันว่า โรงเรียนจะให้ข้อมูลทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
"วิษณุ"แจงโทษหนักถึงขั้นปิดโรงเรียน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวกรณีครูโรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์ ทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนอนุบาล จนผู้ปกครองหลายคนร้องเรียนให้กระทรวงศึกษาธิการเข้ามาแก้ปัญหาด้วยการสั่งปิดโรงเรียน ว่า เรื่องนี้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการอยู่แล้ว
เมื่อถามว่ามีข้อกฎหมายใดที่จะไปดำเนินการกับโรงเรียน นายวิษณุ กล่าวว่า ใช้ทั้งประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายครู กฎหมายคุ้มครองเด็ก โดยต้องแบ่งออกเป็นส่วนที่ครูปฏิบัติกับเด็ก ซึ่งจะผิดหรือไม่เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนที่เข้าไปตรวจและพบว่าโรงเรียนบกพร่องก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามถึงกรณีที่ครูไม่มีใบประกอบวิชาชีพจะดำเนินการอย่างไร วิษณุ กล่าวว่า ไปว่ากันตามกฏหมายเพราะมีกฎหมายเรื่องนี้อยู่ ไม่คิดว่าไม่ใช่โรงเรียนสารสาสน์เป็นโรงเรียนอื่นทำอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้น ส่วนถึงขั้นต้องปิดโรงเรียนหรือไม่นั้น มีมาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยหนักสุดก็ให้ปิดโรงเรียน
ห้อง'ครูจุ๋ม'ไร้ใบประกอบวิชาชีพ 4 คน
ด้านนายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา กล่าวภายหลังจากการเข้าตรวจสอบใบอนุญาตครูที่สอบในโรงเรียนทั้งหมด ว่า มีจำนวนครูทั้งหมด 411 คน แต่โรงเรียนนำหลักฐานใบอนุญาตมาให้ตรวจสอบจำนวน 201 คน เป็นครูชาวไทย 95 คน ครูต่างชาติ 106 คน ที่เหลือจะทยอยส่งให้ตรวจสอบ เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบครูที่สอนเด็กอนุบาล 1 ห้อง อี ซึ่งเป็นห้องของครูจุ๋มพบว่าไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทั้ง 4 คน ในกรณีนี้ถ้าไม่เป็นผู้ครูผู้สอน เช่น เป็นวิทยากร เป็นพี่เลี้ยงก็ไม่มีความผิด แต่ถ้าเป็นครูผู้สอนก็มีความผิด ซึ่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เบื้องต้นทราบว่าครูที่ทำร้ายเด็กมีทั้งหมด 9 คนเป็นเรื่องคดีอาญาซึ่งทางตำรวจรับผิดชอบดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม
วานนี้ (30 ก.ย.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช. ศธ. พร้อมด้วยนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (กช.) และนายพิสุทธิ์ ยงค์กมล ผู้แทนผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนสารสาสน์ ร่วมกันประชุมหารือแนวทางการแก้ปัญหากรณีครูพี่เลี้ยง โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จ.นนทุบรี ทำร้ายเด็กนักเรียนอนุบาล ซึ่งใช้เวลาหารือกันนานกว่า 3 ชม.
นางกนกวรรณ เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกันได้ข้อสรุปดังนี้ กรณีที่ผู้ปกครองต้องการให้บุตรหลานเรียนต่อในโรงเรียน ห้องเรียนที่เกิดเหตุ และห้องเรียนที่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจาก สภ.ชัยพฤกษ์ ทางโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ พร้อมคืนค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่น ปีการศึกษา 2563 ให้กับนักเรียนทุกคนที่อยู่ในห้อง หากผู้ปกครองจ่ายเงินแล้ว โรงเรียนจะดำเนินการคืนให้
พร้อมกันนี้ โรงเรียนจะเร่งดำเนินการติดกล้องวงจรปิดมุมต่างๆ ให้ครบถ้วน และติดตั้งจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ผู้ปกครองสามารถนั่งดูได้ที่โรงอาหาร และหากห้องเรียนใดที่ผู้ปกครองตกลงกันได้โรงเรียนจะจัดให้มีระบบออนไลน์ โรงเรียนต้องจัดทำป้ายชื่อครู แสดงภาพถ่าย เลขที่ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของครูทุกคน หน้าห้องเรียนทุกห้อง และเผยแพร่ในเว็บไซด์ของโรงเรียน
ขณะเดียวกัน โรงเรียนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในทางการแพทย์ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ของนักเรียนที่ถูกกระทำหรือได้รับผลกระทบในห้องเรียนที่เกิดเหตุเต็มตามจำนวนที่จ่ายจริง ตามคำรับรองของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งให้โรงเรียนจัดให้มีนักจิตวิทยาไว้สำหรับเยียวยานักเรียนที่ได้รับผลกระทบ โดยจะมีการประเมินและส่งผลการประเมินให้กับผู้ปกครองทราบทุกภาคเรียน และได้ทำความร่วมมือกับกรมสุขภาพจิตเพื่อเข้ามาฟื้นฟูและเยียวยาให้กับนักเรียน และครูโดยด่วน
ส่วนกรณีที่ผู้ปกครองประสงค์จะย้ายบุตรหลานไปเรียนต่อที่อื่น ให้โรงเรียนพร้อมอำนวยความสะดวกในการจัดทำเอกสารการส่งตัวให้แก่นักเรียนที่ประสงค์จะขอย้ายให้แล้วเสร็จมอบให้ผู้ปกครองภายใน 1 วัน และโรงเรียนคืนค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่น ในปีการศึกษา 2563 พร้อมทั้งรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในทางการแพทย์ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ของนักเรียนที่ถูกกระทำหรือได้รับผลกระทบในห้องเรียนที่เกิดเหตุเต็มตามจำนวนที่จ่ายจริง ตามคำรับรอง ของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ส่วนค่าชดเชยหรือค่าบำรุงขวัญ โรงเรียนจะเร่งดำเนินการให้คณะกรรมการบริหารโรงเรียนพิจารณา และจะแจ้งให้ทราบความคืบหน้าโดยด่วนต่อไป
นอกจากนี้ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานกำกับติดตามการแก้ปัญหากรณีโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ โดยมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยผู้แทนกรมสุขภาพจิต กระทรวงสารธารณสุข ผู้แทน สช. นิติกรสำนักงานปลัดกระทรวง ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนศึกษาธิการจังหวัด เป็นคณะทำงาน มีอำนาจหน้าที่ติดตามการแก้ปัญหาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทั้งนักเรียนและผู้ปกครองตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม โรงเรียนยืนยันว่าจะเร่งให้มีผู้อำนวยการตัวจริงโดยเร็วที่สุด
ผู้บริหาร"ร.ร.สารสาสน์"แถลงเสียใจ
นายพิสุทธิ์ ยงค์กมล ผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์ กล่าวยอมรับว่า รู้สึกตกใจ และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นในโรงเรียน ที่ผ่านมา รร. สารสาสน์มีแนวทางการทำงานที่ชัดเจนในเรื่องนโยบายการต่อต้านการกลั่นแกล้งในโรงเรียน (Bully) โดยเบื้องต้น ต้องขอโทษผู้ปกครองและสังคมอีกครั้ง และจะไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น
"เรายืนยันจะแก้ไขปัญหาด้วยความจริงใจอย่างตรงไปตรงมา เสมือนว่าพวกเราเป็นผู้ปกครอง ข้อตกลงร่วมกันทุกข้อจะนำไปปฏิบัติช่วยเหลือแก้ไข และพร้อมรับฟังข้อเสนอเพิ่มเติมจากผู้ปกครอง โดยได้สั่งการให้โรงเรียนในเครือสารสาสน์ทั้งหมด จัดตั้งศูนย์ร้องเรียนที่ห้องธุรการ รวมทั้งจะมีการปรับระบบคุณภาพของการบริหารโรงเรียน รวมถึงบุคคลากรให้มีธรรมาภิบาล รวมถึงจะมีการตรวจสุขภาพของครูผู้สอนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง"
ส่วนกรณีที่นายพิบูลย์ ยงค์กมล ประธานคณะกรรมการโรงเรียนในเครือสารสาสน์ ผู้ก่อตั้งเครือสารสาสน์ ได้กล่าวผ่านรายการหนึ่งจนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงนั้น อาจเกิดจากความเข้าใจผิดเนื่องจากเป็นการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ จึงอาจทำให้เสียงไม่ชัดเจน โดยนายพิบูลย์ไม่ได้มีเจตนาอย่างที่พูดออกไป และยืนยันเจตนาที่จะช่วยเหลือและความยุติธรรมกับนักเรียนและผู้ปกครอง พร้อมย้ำว่าทุกอย่างจะคลี่คลายเพียงแต่ขอเวลาในการแก้ไขปัญหา
นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าวว่า สช.อยากให้สังคมมั่นใจ เพราะขณะนี้ สช.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ในทุกมิติ ขณะนี้ทางคณะกรรมการก็ได้ลงพื้นที่โรงเรียนแล้ว ดังนั้น ปัญหาทั้งหมดจะถูกนำมาวางเพื่อแก้ไข และ รมช.ศธ.ก็ได้ตั้งคณะทำงานมากำกับติดตามและรับเรื่องร้องเรียนเพื่อหาช่องทางแก้ปัญหาด้วยเช่นกัน ดังนั้น จากนี้ไปผู้ปกครองจะสามารถติดตามผลการแก้ไขปัญหาได้เป็นรายวัน เพราะในส่วนราชการเองก็ปรารถนาที่จะเห็นการเรียนการสอนกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด และก็เชื่อว่าทางโรงเรียนสารสาสน์ ก็อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยเร็วตามที่ตั้งใจไว้ และตนเองก็จะเกาะติดโรงเรียนสารสาสน์ด้วยเช่นกัน เพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลงที่ตรงใจเพื่อคุณภาพของผู้เรียน
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจสอบการเรียนการสอนโรงเรียนที่สอนระดับชั้นอนุบาล สช.มีการตรวจสอบอยู่แล้ว ตามหลักกฏหมายและข้อบังคับ โดยยึดถูกใจเป็นรอง ถูกต้องเป็นหลัก ดังนั้น การจะระดมให้โรงเรียนเกิดภาพใหม่ภายใต้ New Normol จะต้องปรับรูปแบบ เช่น ต้องนำระบบอิเลกทรอนิกส์มาใช้ในการเรียนการสอน
เกณฑ์รับพี่เลี้ยงคัดหน้าตา-ปากไม่เหม็น
ทั้งนี้ นายพิบูลย์ ยงค์กมล ประธานโรงเรียนสารสาสน์ ได้ออกรายการโหนกระแส โดยช่วงหนึ่งได้ตอบคำถามถึงกรณีที่ครูบางคนไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ว่า "ไม่มี เราก็ขอผ่อนผันเอา ระเบียบนี้เพิ่งมา ครูทั่วประเทศก็ไม่มี แม้แต่ผมเองเป็นครูตั้งแต่อายุ 18 เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีใบประกอบวิชาชีพด้วย"
ส่วนประเด็นเรื่องมาตรฐานในการที่จะรับครูที่จะเข้ามาสอนเด็กอนุบาลของทางโรงเรียน เอาเกณฑ์อะไรตัดสิน ซึ่งนายพิบูลย์ ได้กล่าวว่า สำหรับคนที่มาสมัครครูก็จะดูจากวุฒิ มีใบประกอบวิชาชีพหรือไม่ ก็รับมาพิจารณา ส่วนพี่เลี้ยงส่วนใหญ่จะดูที่หน้าตาว่าสะอาดสะอ้านหรือไม่เป็นหลัก สำหรับครูและพี่เลี้ยงเราจะพาไปขูดหินปูนฟรีทุกปี
"เราต้องการร่างกายก่อน ไม่ใช่พูดกับเด็กแล้วปากเหม็น ส่วนเรื่องจิตใจนั้นสำหรับคนที่เป็นครูอนุบาลอะนะ ก็ต้องทำใจ และต้องทนเด็กได้ ต้องรักเด็ก ครูอนุบาลถ้ามีจิตใจรักเด็กก็จะมีความสุขมากทีเดียว" นายพิบูลย์ กล่าว
"ณัฏฐพล" ห่วงสภาพจิตใจนร.-จีเยียวยาด่วน
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางไปยังโรงเรียนสารสาสน์ด้วยตนเองในช่วงบ่ายวันนี้ โดยไปพบผู้บริหารของโรงเรียนเพื่อต้องการรับทราบข้อเท็จจริงด้วยตนเอง หลังจากซักถามรายละเอียดกับผู้บริหารแล้ว เปิดเผยว่า กรณีที่เด็กๆ ระดับอนุบาล โรงเรียนสารสาสน์ ราชพฤกษ์ ถูกครูกระทำความรุนแรงในครั้งนี้ ตนเองมีความกังวล และมีความห่วงใยเด็กๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กๆ กลุ่มนี้ จะต้องได้รับการดูแล ช่วยเหลือ และเยียวยาทางด้านจิตใจเป็นการเร่งด่วน และต่อเนื่องหากมีความจำเป็น
ขณะเดียวกัน โอกาสนี้ก็ได้ขอให้ทางโรงเรียนใช้โอกาสต่อจากนี้ ทำการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการภายในใหม่ทั้งหมด อีกทั้งได้รับการยืนยันว่า โรงเรียนจะให้ข้อมูลทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
"วิษณุ"แจงโทษหนักถึงขั้นปิดโรงเรียน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวกรณีครูโรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์ ทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนอนุบาล จนผู้ปกครองหลายคนร้องเรียนให้กระทรวงศึกษาธิการเข้ามาแก้ปัญหาด้วยการสั่งปิดโรงเรียน ว่า เรื่องนี้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการอยู่แล้ว
เมื่อถามว่ามีข้อกฎหมายใดที่จะไปดำเนินการกับโรงเรียน นายวิษณุ กล่าวว่า ใช้ทั้งประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายครู กฎหมายคุ้มครองเด็ก โดยต้องแบ่งออกเป็นส่วนที่ครูปฏิบัติกับเด็ก ซึ่งจะผิดหรือไม่เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนที่เข้าไปตรวจและพบว่าโรงเรียนบกพร่องก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามถึงกรณีที่ครูไม่มีใบประกอบวิชาชีพจะดำเนินการอย่างไร วิษณุ กล่าวว่า ไปว่ากันตามกฏหมายเพราะมีกฎหมายเรื่องนี้อยู่ ไม่คิดว่าไม่ใช่โรงเรียนสารสาสน์เป็นโรงเรียนอื่นทำอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้น ส่วนถึงขั้นต้องปิดโรงเรียนหรือไม่นั้น มีมาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยหนักสุดก็ให้ปิดโรงเรียน
ห้อง'ครูจุ๋ม'ไร้ใบประกอบวิชาชีพ 4 คน
ด้านนายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา กล่าวภายหลังจากการเข้าตรวจสอบใบอนุญาตครูที่สอบในโรงเรียนทั้งหมด ว่า มีจำนวนครูทั้งหมด 411 คน แต่โรงเรียนนำหลักฐานใบอนุญาตมาให้ตรวจสอบจำนวน 201 คน เป็นครูชาวไทย 95 คน ครูต่างชาติ 106 คน ที่เหลือจะทยอยส่งให้ตรวจสอบ เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบครูที่สอนเด็กอนุบาล 1 ห้อง อี ซึ่งเป็นห้องของครูจุ๋มพบว่าไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทั้ง 4 คน ในกรณีนี้ถ้าไม่เป็นผู้ครูผู้สอน เช่น เป็นวิทยากร เป็นพี่เลี้ยงก็ไม่มีความผิด แต่ถ้าเป็นครูผู้สอนก็มีความผิด ซึ่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เบื้องต้นทราบว่าครูที่ทำร้ายเด็กมีทั้งหมด 9 คนเป็นเรื่องคดีอาญาซึ่งทางตำรวจรับผิดชอบดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม