แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีหน่วยงานที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันในหลายประเด็น ทำให้แผนปรับโครงสร้างการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติใหม่ จึงยังไม่สามารถเข้าสู่การพิจารณาของ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 21 ก.ย.63 ที่มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน พิจารณาได้ คาดว่าจะต้องมีการหารือร่วมกันอีก 1-2 ครั้ง เพื่อให้ได้ข้อสรุปทันนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในเดือนต.ค.นี้
ทั้งนี้ แผนการปรับโครงสร้างการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติใหม่ ยังอยู่ภายใต้หลักการ 2 แนวทาง คือ
1. ดำเนินการตามมติกพช.เมื่อวันที่ 31 ก.ค.60 ที่กำหนดเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการโครงการนำร่อง กำหนดให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทดสอบนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) 2 ลำ เพื่อทดสอบระบบการแข่งขันในการจัดหาก๊าซ LNG การขอใช้บริการสถานี LNG และระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ภายใต้TPA Code ระยะที่ 2 ระยะเปลี่ยนผ่านก่อนการเปิดเสรีเต็มรูปแบบ โดยเริ่มเปิดให้มีเอกชนรายใหม่ สามารถเข้ามาดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติทั้งในส่วนของการนำเข้า LNG การจัดหาและจำหน่าย (Shipper)และ ระยะที่ 3 เปิดแข่งขันเสรีเต็มรูปแบบ ในระยะนี้จะมีผู้นำเข้า LNG และ Shipper หลายราย จัดหา LNG มากขึ้นส่งผลให้ตลาดมีความพร้อมเข้าสู่ระบบที่มีการแข่งขันมากขึ้น โดยแนวทางนี้ ก็ยังมีจ้อที่ต้องพิจารณาทั้งกติกาการเปิดแข่งขันเต็มรูป สูตรราคาก๊าซฯ และกำหนดสัดส่วนก๊าซฯในโควตาแข่งขันอย่างไร เป็นต้น
แนวทางที่ 2. เปิดเสรีภายใต้รูปแบบ Enhanced Single Buyer(ESB)หรือการกำหนดให้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTTเป็นผู้รับซื้อก๊าซฯเพียงรายเดียว โดยเปิดให้ภาคเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตจัดหา และค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper)แข่งขันนำเข้าก๊าซฯ ในราคาต่ำมาเสนอขายให้กับปตท. โดยในประเด็นนี้ ทางกฟผ.ไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะทำให้แผนนำเข้า LNGเพื่อมาป้อนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. สะดุดลง หรือหากจะทำได้ ก็จะต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ปี 2511 เพื่อปลดล็อกให้ กฟผ.สามารถทำธุรกิจก๊าซฯ ได้
นอกจากนี้ แผนปรับโครงสร้างก๊าซฯเสรี จะเดินหน้าต่อได้นั้น ยังจำเป็นต้องรอให้ร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan 2018) ผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมครม. ก่อน ซึ่งหากไม่อนุมัติก็ยังไม่สามารถเดินหน้าได้ ดังนั้นจึงต้องรอมติครม.ในเร็วๆ นี้ ว่าจะอนุมัติทั้ง 4 แผนพลังงาน ที่ส่งกลับไปใหม่ หรือไม่
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) กล่าวว่า กกพ.ได้เตรียมพร้อมออกระเบียบและกติกาต่างๆ เพื่อรองรับนโยบายเปิดเสรีก๊าซฯ ของภาครัฐ ไว้ทุกแนวทาง ไม่ว่ากระทรวงพลังงานจะเลือกแนวทางใด กกพ.ก็จะจัดทำระเบียบเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งในอนาคตประเทศไทยจะต้องมีการนำเข้าLNG เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในปี 65 โครงการท่าเทียบเรือ และสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติ ที่หนองแฟบ ของกลุ่ม ปตท. จะก่อสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งจะรองรับ LNG ได้เพิ่มอีก 7.5 ล้านตันต่อปี
ทั้งนี้ แผนการปรับโครงสร้างการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติใหม่ ยังอยู่ภายใต้หลักการ 2 แนวทาง คือ
1. ดำเนินการตามมติกพช.เมื่อวันที่ 31 ก.ค.60 ที่กำหนดเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการโครงการนำร่อง กำหนดให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทดสอบนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) 2 ลำ เพื่อทดสอบระบบการแข่งขันในการจัดหาก๊าซ LNG การขอใช้บริการสถานี LNG และระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ภายใต้TPA Code ระยะที่ 2 ระยะเปลี่ยนผ่านก่อนการเปิดเสรีเต็มรูปแบบ โดยเริ่มเปิดให้มีเอกชนรายใหม่ สามารถเข้ามาดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติทั้งในส่วนของการนำเข้า LNG การจัดหาและจำหน่าย (Shipper)และ ระยะที่ 3 เปิดแข่งขันเสรีเต็มรูปแบบ ในระยะนี้จะมีผู้นำเข้า LNG และ Shipper หลายราย จัดหา LNG มากขึ้นส่งผลให้ตลาดมีความพร้อมเข้าสู่ระบบที่มีการแข่งขันมากขึ้น โดยแนวทางนี้ ก็ยังมีจ้อที่ต้องพิจารณาทั้งกติกาการเปิดแข่งขันเต็มรูป สูตรราคาก๊าซฯ และกำหนดสัดส่วนก๊าซฯในโควตาแข่งขันอย่างไร เป็นต้น
แนวทางที่ 2. เปิดเสรีภายใต้รูปแบบ Enhanced Single Buyer(ESB)หรือการกำหนดให้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTTเป็นผู้รับซื้อก๊าซฯเพียงรายเดียว โดยเปิดให้ภาคเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตจัดหา และค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper)แข่งขันนำเข้าก๊าซฯ ในราคาต่ำมาเสนอขายให้กับปตท. โดยในประเด็นนี้ ทางกฟผ.ไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะทำให้แผนนำเข้า LNGเพื่อมาป้อนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. สะดุดลง หรือหากจะทำได้ ก็จะต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ปี 2511 เพื่อปลดล็อกให้ กฟผ.สามารถทำธุรกิจก๊าซฯ ได้
นอกจากนี้ แผนปรับโครงสร้างก๊าซฯเสรี จะเดินหน้าต่อได้นั้น ยังจำเป็นต้องรอให้ร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan 2018) ผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมครม. ก่อน ซึ่งหากไม่อนุมัติก็ยังไม่สามารถเดินหน้าได้ ดังนั้นจึงต้องรอมติครม.ในเร็วๆ นี้ ว่าจะอนุมัติทั้ง 4 แผนพลังงาน ที่ส่งกลับไปใหม่ หรือไม่
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) กล่าวว่า กกพ.ได้เตรียมพร้อมออกระเบียบและกติกาต่างๆ เพื่อรองรับนโยบายเปิดเสรีก๊าซฯ ของภาครัฐ ไว้ทุกแนวทาง ไม่ว่ากระทรวงพลังงานจะเลือกแนวทางใด กกพ.ก็จะจัดทำระเบียบเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งในอนาคตประเทศไทยจะต้องมีการนำเข้าLNG เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในปี 65 โครงการท่าเทียบเรือ และสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติ ที่หนองแฟบ ของกลุ่ม ปตท. จะก่อสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งจะรองรับ LNG ได้เพิ่มอีก 7.5 ล้านตันต่อปี
