ผู้จัดการรายวัน360 - องค์การคลังสินค้า (อคส.) ร้องเรียน ป.ป.ช. ดำเนินคดี “พ.ต.อ.รุ่งโรจน์” อดีตรักษาการ ผอ.อคส. ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ เข้าข่ายทุจริต เอื้อประโยชน์เอกชนรายเดียว ปมจัดซื้อถุงมือยาง 1.125 แสนล้านบาท ชี้ยังปิดเรื่อง ไม่เสนอเรื่องขออนุมัติจากบอร์ด ใช้อำนาจรักษาการสั่งจ่ายเงินทันที 2,000 ล้าน หลังเซ็นสัญญา ระบุก่อนหน้า ได้ยื่น ปปง.อายัดเงิน และฟ้องคดีต่อดีเอสไอแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า วานนี้ (23 ก.ย.) นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ถึงการใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริตของ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง อคส. อดีตรักษาราชการแทน ผู้อำนวยการ อคส. กับพวก โดยมีนายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ป.ป.ช.เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
ทั้งนี้ ในหนังสือร้องเรียน ระบุว่า พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ได้จัดซื้อและทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง (ไนไตร) กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งมีนายธณรัสย์ หัดศรี เป็นกรรมการผู้มีอำนาจผูกพันบริษัท มีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 112,500 ล้านบาท โดยในการจัดซื้อครั้งนี้ ไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 รวมถึงกฎ ข้อบังคับและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยมีพฤติกรรมในการกระทำที่รีบเร่ง ประกอบกับได้ร่วมสมคบกับนายธรรัสย์ ปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องสถานะของบริษัท ที่เพิ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2563 ก่อนวันทำสัญญาไม่นาน และไม่มีการตรวจสอบคุณสมบัติความมั่นคง และความสามารถทางการเงินของบริษัทแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ไม่นำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) อคส. พิจารณา แต่กลับใช้อำนาจรักษาการผู้อำนวยการอคส. สั่งการให้ดำเนินการตามสัญญา และได้สั่งจ่ายเงินให้กับบริษัทไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563 รวม 2,000 ล้านบาท ภายหลังการทำสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563 โดยนำฝากเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซี นครปฐม ในชื่อของบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตในหน้าที่ราชการ ทำให้ อคส. ได้รับความเสียหาย ดังนั้น อคส. จึงมีหนังสือร้องเรียนมายัง ป.ป.ช. เพื่อร้องเรียนและกล่าวหาพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ กับพวกว่าได้กระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ ในการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต เพื่อให้ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุดต่อไป
ก่อนหน้านี้ อคส.ได้แจ้งสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และอายัดบัญชีเงินฝากธนาคาร และได้กล่าวทุกข์ร้องโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไว้แล้วชั้นหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าว ถือเป็นการใช้อำนาจในทางไม่ชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนเพียงรายเดียว เพราะในการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่องๆ ละ 225 บาท รวมมูลค่า 112,500 ล้านบาท ไม่มีการออกหลักเกณฑ์ เงื่อนไข (ทีโออาร์) การประมูล ไม่มีการตั้งคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ แต่กลับซื้อจากโรงงานผลิตเพียงรายเดียว อีกทั้งไม่มีการตรวจสอบความน่าเชื่อของบริษัท การ์เดียน ทั้งๆ ที่ผู้บริหาร เคยต้องคดีฉ้อโกงมาก่อน
ขณะเดียวกัน พบว่า สัญญาซื้อขายไม่รัดกุม ไม่มีการให้บริษัท การ์เดียน วางหลักประกันสัญญา แต่กลับให้มีสิทธิ์ได้รับเงินค่ามัดจำสินค้าจาก อคส. 2,000 ล้านบาท รวมถึงไม่เสนอให้บอร์ดพิจารณาอนุมัติเงิน ทั้งๆ ที่ตามระเบียบอคส. ระบุว่า ผู้อำนวยการ สามารถอนุมัติงบประมาณได้ไม่เกิน 25 ล้านบาท ถ้า 25-50 ล้านบาท ต้องเสนอให้ประธานบอร์ดอนุมัติ และเกิน 50 ล้านบาท ต้องเสนอให้บอร์ดอนุมัติ แต่กรณีนี้ อนุมัติเงิน อคส. สูงถึง 2,000 ล้านบาท กลับไม่เสนอให้บอร์ดอนุมัติ จึงเชื่อได้ว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่ายทุจริต และใช้อำนาจโดยมิชอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า วานนี้ (23 ก.ย.) นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ถึงการใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริตของ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง อคส. อดีตรักษาราชการแทน ผู้อำนวยการ อคส. กับพวก โดยมีนายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ป.ป.ช.เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
ทั้งนี้ ในหนังสือร้องเรียน ระบุว่า พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ได้จัดซื้อและทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง (ไนไตร) กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งมีนายธณรัสย์ หัดศรี เป็นกรรมการผู้มีอำนาจผูกพันบริษัท มีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 112,500 ล้านบาท โดยในการจัดซื้อครั้งนี้ ไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 รวมถึงกฎ ข้อบังคับและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยมีพฤติกรรมในการกระทำที่รีบเร่ง ประกอบกับได้ร่วมสมคบกับนายธรรัสย์ ปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องสถานะของบริษัท ที่เพิ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2563 ก่อนวันทำสัญญาไม่นาน และไม่มีการตรวจสอบคุณสมบัติความมั่นคง และความสามารถทางการเงินของบริษัทแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ไม่นำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) อคส. พิจารณา แต่กลับใช้อำนาจรักษาการผู้อำนวยการอคส. สั่งการให้ดำเนินการตามสัญญา และได้สั่งจ่ายเงินให้กับบริษัทไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563 รวม 2,000 ล้านบาท ภายหลังการทำสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563 โดยนำฝากเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซี นครปฐม ในชื่อของบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตในหน้าที่ราชการ ทำให้ อคส. ได้รับความเสียหาย ดังนั้น อคส. จึงมีหนังสือร้องเรียนมายัง ป.ป.ช. เพื่อร้องเรียนและกล่าวหาพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ กับพวกว่าได้กระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ ในการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต เพื่อให้ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุดต่อไป
ก่อนหน้านี้ อคส.ได้แจ้งสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และอายัดบัญชีเงินฝากธนาคาร และได้กล่าวทุกข์ร้องโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไว้แล้วชั้นหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าว ถือเป็นการใช้อำนาจในทางไม่ชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนเพียงรายเดียว เพราะในการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่องๆ ละ 225 บาท รวมมูลค่า 112,500 ล้านบาท ไม่มีการออกหลักเกณฑ์ เงื่อนไข (ทีโออาร์) การประมูล ไม่มีการตั้งคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ แต่กลับซื้อจากโรงงานผลิตเพียงรายเดียว อีกทั้งไม่มีการตรวจสอบความน่าเชื่อของบริษัท การ์เดียน ทั้งๆ ที่ผู้บริหาร เคยต้องคดีฉ้อโกงมาก่อน
ขณะเดียวกัน พบว่า สัญญาซื้อขายไม่รัดกุม ไม่มีการให้บริษัท การ์เดียน วางหลักประกันสัญญา แต่กลับให้มีสิทธิ์ได้รับเงินค่ามัดจำสินค้าจาก อคส. 2,000 ล้านบาท รวมถึงไม่เสนอให้บอร์ดพิจารณาอนุมัติเงิน ทั้งๆ ที่ตามระเบียบอคส. ระบุว่า ผู้อำนวยการ สามารถอนุมัติงบประมาณได้ไม่เกิน 25 ล้านบาท ถ้า 25-50 ล้านบาท ต้องเสนอให้ประธานบอร์ดอนุมัติ และเกิน 50 ล้านบาท ต้องเสนอให้บอร์ดอนุมัติ แต่กรณีนี้ อนุมัติเงิน อคส. สูงถึง 2,000 ล้านบาท กลับไม่เสนอให้บอร์ดอนุมัติ จึงเชื่อได้ว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่ายทุจริต และใช้อำนาจโดยมิชอบ