ผู้จัดการรายวัน360-“พล.อ.อภิรัชต์” ผบ.ทบ. เปิดใจกับสื่อก่อนเกษียณอายุราชการ เผยชินแล้วถูกด่า ไม่โกรธ ชี้หลายอย่างพูดเป็นวาทกรรม ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (21 ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เปิดใจก่อนเกษียณอายุราชการว่า ตั้งแต่เข้ามารับราชการ และเป็นผู้บัญชาการทหารบก 2 ปี ได้รู้จักกับสื่อมวลชนมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อ (พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด) ซึ่งในห้วง 30 กว่าปีที่ผ่านมาก็ได้สัมผัสกับสื่อหลายคน ยังจำภาพความเปลี่ยนแปลงทั้งทางทหาร ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่สำคัญรวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือ การ Disruption ในวงการสื่อมวลชน แต่อยากให้สื่อมวลชนยึดความเป็นกลางในการนำเสนอข่าวที่เป็นสาระ และอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริง ส่วนการพาดหัวข่าวทั้งหลายก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคนที่จะดึงดูดให้เว็บไซต์ เพจ หนังสือพิมพ์ของตัวเองเพื่อเรียกคนดู เปรียบเหมือนการตลาดอย่างหนึ่งที่เป็นเทคนิค ดังนั้น การพาดหัวข่าวขึ้นมาแต่ข้างในเนื้อหาอาจจะไม่เกี่ยวข้อง
เมื่อครู่ก็มีคนถามว่าตนสนใจโซเชียลมีเดีย แต่ไม่เล่นเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม อยากจะบอกว่าที่สนใจก็เพื่อจะดูถึงความเปลี่ยนแปลงที่ตนพูดมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ หรือพูดบนเวทีก็ตาม
ทั้งนี้ ทหารสิ่งสำคัญมากที่สุด คือ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดความรู้สึกของเราในฐานะผู้บังคับบัญชาผ่านทางแอปพลิเคชันใดก็ตามในโลก ที่จะทำให้ลูกน้องรู้สึกว่า เราดูแลเอาใจใส่เขา ได้เท่ากับที่เราลงไปทำจริงๆ
“ที่ผ่านมาจะเห็นว่าการให้ข่าวของ ผบ.ทบ. แต่ละท่าน ต้องพิจารณาถึงความสอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ส่วนตัวผม เมื่อให้ข่าว มีทั้งคนชมและคนด่าอยู่เสมอ แต่ก็ชินแล้ว เพราะผมโดนมาเยอะตั้งแต่เป็นผู้การ ผู้พัน โดนพาดหัวในสื่อหลายๆ ฉบับมาตลอด หลายอย่างที่พูดออกมาก็เป็นวาทกรรม แต่ทุกอย่างนั้นหากนำไปคิดก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในชาติบ้านเมือง”
พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า หลังจากเกษียณราชการไป ตนคงไม่มีโอกาสมาให้ข่าวสื่อ แต่ขอให้สื่อรักษาจรรยาบรรณ จริยธรรม เป็นสิ่งที่เรายังต้องดำรงอยู่ไว้ ไม่ว่าจะเป็นสื่อชนิดใดก็ตาม การรักใครชอบใครต้องคำนึงถึงมนุษยธรรมและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในประเทศชาติบ้านเมืองที่มีอัตลักษณ์ของประเทศชาติ ที่ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองจะเชียร์หรือด่า ตนไม่เคยรู้สึกอะไร ไม่ได้โกรธหรือน้อยใจ
นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ แนะนำสื่อไปดูหนัง The social dilemma มีเนื้อหาเกี่ยวกับผลของการที่มนุษย์ใช้ social media ทุกวันด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า social dilemma เป็นหนังสารคดีที่ออกอากาศทาง Netflix เป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ในการใช้โซเชียลมีเดียเป็นประจำจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จนถูกครอบงำจากเอไอโดยไม่รู้ตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (21 ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เปิดใจก่อนเกษียณอายุราชการว่า ตั้งแต่เข้ามารับราชการ และเป็นผู้บัญชาการทหารบก 2 ปี ได้รู้จักกับสื่อมวลชนมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อ (พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด) ซึ่งในห้วง 30 กว่าปีที่ผ่านมาก็ได้สัมผัสกับสื่อหลายคน ยังจำภาพความเปลี่ยนแปลงทั้งทางทหาร ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่สำคัญรวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือ การ Disruption ในวงการสื่อมวลชน แต่อยากให้สื่อมวลชนยึดความเป็นกลางในการนำเสนอข่าวที่เป็นสาระ และอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริง ส่วนการพาดหัวข่าวทั้งหลายก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคนที่จะดึงดูดให้เว็บไซต์ เพจ หนังสือพิมพ์ของตัวเองเพื่อเรียกคนดู เปรียบเหมือนการตลาดอย่างหนึ่งที่เป็นเทคนิค ดังนั้น การพาดหัวข่าวขึ้นมาแต่ข้างในเนื้อหาอาจจะไม่เกี่ยวข้อง
เมื่อครู่ก็มีคนถามว่าตนสนใจโซเชียลมีเดีย แต่ไม่เล่นเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม อยากจะบอกว่าที่สนใจก็เพื่อจะดูถึงความเปลี่ยนแปลงที่ตนพูดมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ หรือพูดบนเวทีก็ตาม
ทั้งนี้ ทหารสิ่งสำคัญมากที่สุด คือ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดความรู้สึกของเราในฐานะผู้บังคับบัญชาผ่านทางแอปพลิเคชันใดก็ตามในโลก ที่จะทำให้ลูกน้องรู้สึกว่า เราดูแลเอาใจใส่เขา ได้เท่ากับที่เราลงไปทำจริงๆ
“ที่ผ่านมาจะเห็นว่าการให้ข่าวของ ผบ.ทบ. แต่ละท่าน ต้องพิจารณาถึงความสอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ส่วนตัวผม เมื่อให้ข่าว มีทั้งคนชมและคนด่าอยู่เสมอ แต่ก็ชินแล้ว เพราะผมโดนมาเยอะตั้งแต่เป็นผู้การ ผู้พัน โดนพาดหัวในสื่อหลายๆ ฉบับมาตลอด หลายอย่างที่พูดออกมาก็เป็นวาทกรรม แต่ทุกอย่างนั้นหากนำไปคิดก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในชาติบ้านเมือง”
พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า หลังจากเกษียณราชการไป ตนคงไม่มีโอกาสมาให้ข่าวสื่อ แต่ขอให้สื่อรักษาจรรยาบรรณ จริยธรรม เป็นสิ่งที่เรายังต้องดำรงอยู่ไว้ ไม่ว่าจะเป็นสื่อชนิดใดก็ตาม การรักใครชอบใครต้องคำนึงถึงมนุษยธรรมและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในประเทศชาติบ้านเมืองที่มีอัตลักษณ์ของประเทศชาติ ที่ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองจะเชียร์หรือด่า ตนไม่เคยรู้สึกอะไร ไม่ได้โกรธหรือน้อยใจ
นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ แนะนำสื่อไปดูหนัง The social dilemma มีเนื้อหาเกี่ยวกับผลของการที่มนุษย์ใช้ social media ทุกวันด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า social dilemma เป็นหนังสารคดีที่ออกอากาศทาง Netflix เป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ในการใช้โซเชียลมีเดียเป็นประจำจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จนถูกครอบงำจากเอไอโดยไม่รู้ตัว