“เสี่ยธุรกิจน้ำยาขัดรถ” ก่อเหตุยิงยกครัวรวมตัวเอง 5 ศพ เพื่อนบ้านเผยได้ยินเสียงปืนนับสิบนัดก่อนโทร.แจ้งตำรวจ คาดกิจการขาดทุนจากพิษโควิด-19 เคยเปรยเตรียมรีไฟแนนซ์บ้านหมุนเงิน
วานนี้ (17 ก.ย.) เมื่อเวลา 06.20 น. ร.ต.อ.ณัฐกฤษณ์ มากจริง รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ทุ่งครุ ได้รับแจ้งเหตุยิงกันตายยกครัว ภายในบ้านเลขที่ 9/34 หมู่บ้านอลิชาเพลส 2 ถนนครุใน ซอย 3 แขวงและเขตทุ่งครุ กทม. จึงเดินทางพร้อมกองพิสูจน์หลักฐาน, แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เข้าไปตรวจสอบ
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น เปิดกิจการค้าน้ำยาเคมีและผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ ชื่อบริษัท เวล อินดัสเทรียล ซัพพลาย จำกัด บริเวณประตูกระจกหน้าบ้าน ตรงชั้นที่ 1 พบศพ นางอรสา คล้ายพยัฆ อายุ 65 ปี ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .38 มม.เข้าที่ศีรษะ 1 นัด ตามลำตัว 3 นัด และเอว 2 นัด รวมทั้งสิ้น 6 นัด นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด .38 ตกตามทางเดินในห้องโถงชั้นล่างขึ้นไปตามบันไดทางขึ้นชั้น 2 อีกรวม 6 ปลอกจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนชั้นบนมีห้องนอน 2 ห้อง และห้องพระ 1 ห้อง จากการตรวจสอบที่ห้องแรกพบศพ จ.ส.อ.ประวิทย์ คล้ายพยัฆ อายุ 72 ปี อดีตข้าราชการทหารบก สามีของนางอรสา สภาพศพถูกยิงเข้าที่ศีรษะด้านหน้า 1 นัด เลือดนองเต็มพื้น ถัดไปภายในห้องนอนห้องที่ 2 พบศพพ่อ แม่ ลูก รวม 3 ราย ประกอบด้วย น.ส.วิภางค์ พุ่มไพจิตร อายุ 39 ปี ถูกยิงที่ขมับขวาทะลุซ้าย 1 นัด นอนหงายจมกองเลือดบนเตียงนอน ด้านล่างเตียงฝั่งขวาพบศพ ด.ช.ภคิน หรือน้องคินจัง คล้ายพยัฆ อายุ 8 ปี ลูกชาย นักเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนบูรณะศึกษา หลักสูตรอินเตอร์ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะด้านหลัง 1 นัด นอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น รายสุดท้ายเป็นบิดาของน้องคินจัง และคาดว่าคือผู้ก่อเหตุชื่อ จ.ส.อ.อนุวัต หรือเอ็กซ์ คล้ายพยัฆ อายุ 39 ปี ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับขวาตัวเองทะลุออกด้านซ้าย 1 นัด เสียชีวิตสภาพนั่งพิงเตียงนอนข้างๆ ศพภรรยาและลูก โดยพบอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 พร้อมปลอกกระสุนที่ถูกยิงไปแล้ว 4 นัด ตกอยู่ที่มือข้างขวา เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
โดยเพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 06.00 น.ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด และได้ยินเสียงคนในบ้านร้องคล้ายคนเจ็บ จากนั้นประมาณ 07.00 น. รู้สึกผิดสังเกตที่คนในครอบครัวยังไม่ตื่นไปส่งน้องคินจังไปโรงเรียนจึงเดินไปดูที่บ้าน และเห็นว่าผู้หญิงสูงอายุนอนเสียชีวิตในบ้าน จึงแจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ ที่ผ่านมาครอบครัวนี้ที่มีผู้พักอาศัยอยู่ 5 คน คือผู้ตายทั้ง 5 ศพ ปู่ ย่า ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานชาย เป็นเพื่อนบ้านที่ดี ไม่มีความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน ไม่มีศัตรู ไม่เคยแสดงความเครียด หรือมีปัญหาธุรกิจอะไร ล่าสุดเพิ่งกลับจากวัดเจดีย์ไอ้ไข่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอเรื่องโชคลาภ
อย่างไรก็ตาม เพื่อนบ้านอีกราย ระบุว่า ทราบว่า จ.ส.อ.อนุวัต เคยเป็นทหารบก ออกจากราชการมาทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำยาในวงการประดับยนต์ จนซื้อบ้านให้พ่อแม่ ลูก และภรรยา อยู่ได้ราวๆ 5-6 ปี บ้านนี้มีรถยนต์ 2 คัน เป็นรถเก๋งอีโคคาร์ 1 คัน กับรถฮอนด้า 7 ที่นั่งอีก 1 คัน แต่ระยะหลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จ.ส.อ.อนุวัต เคยเปรยให้ฟังว่าจะนำบ้านไปรีไฟแนนซ์รอบที่ 2 เพื่อนำเงินมาหมุน เพราะกำลังประสบปัญหาการเงินจากผลพวงของวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา
ด้าน พ.ต.อ.สุนัน อ้นหนองปรง ผู้กำกับการ (สอบสวน) บก.น.8 กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่าปืนที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ใกล้ จ.ส.อ.อนุวัติ มากที่สุด แต่ยังไม่ยืนยันว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุหรือลำดับเหตุการณ์เป็นอย่างไร โดยตำรวจได้ตั้งสมมติฐานเบื้องต้นไว้ แต่ยังไม่สามารถสรุปเหตุการณ์ได้ ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานทั้งจากกล้องวงจรปิดในบ้าน และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ต้องติดตามญาติๆ ผู้ตายซึ่งมีพื้นเพอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา มาถามแรงจูงใจในการก่อเหตุ เนื่องจากไม่พบจดหมายลาตาย และยังไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาในบ้าน
วานนี้ (17 ก.ย.) เมื่อเวลา 06.20 น. ร.ต.อ.ณัฐกฤษณ์ มากจริง รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ทุ่งครุ ได้รับแจ้งเหตุยิงกันตายยกครัว ภายในบ้านเลขที่ 9/34 หมู่บ้านอลิชาเพลส 2 ถนนครุใน ซอย 3 แขวงและเขตทุ่งครุ กทม. จึงเดินทางพร้อมกองพิสูจน์หลักฐาน, แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เข้าไปตรวจสอบ
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น เปิดกิจการค้าน้ำยาเคมีและผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ ชื่อบริษัท เวล อินดัสเทรียล ซัพพลาย จำกัด บริเวณประตูกระจกหน้าบ้าน ตรงชั้นที่ 1 พบศพ นางอรสา คล้ายพยัฆ อายุ 65 ปี ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .38 มม.เข้าที่ศีรษะ 1 นัด ตามลำตัว 3 นัด และเอว 2 นัด รวมทั้งสิ้น 6 นัด นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด .38 ตกตามทางเดินในห้องโถงชั้นล่างขึ้นไปตามบันไดทางขึ้นชั้น 2 อีกรวม 6 ปลอกจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนชั้นบนมีห้องนอน 2 ห้อง และห้องพระ 1 ห้อง จากการตรวจสอบที่ห้องแรกพบศพ จ.ส.อ.ประวิทย์ คล้ายพยัฆ อายุ 72 ปี อดีตข้าราชการทหารบก สามีของนางอรสา สภาพศพถูกยิงเข้าที่ศีรษะด้านหน้า 1 นัด เลือดนองเต็มพื้น ถัดไปภายในห้องนอนห้องที่ 2 พบศพพ่อ แม่ ลูก รวม 3 ราย ประกอบด้วย น.ส.วิภางค์ พุ่มไพจิตร อายุ 39 ปี ถูกยิงที่ขมับขวาทะลุซ้าย 1 นัด นอนหงายจมกองเลือดบนเตียงนอน ด้านล่างเตียงฝั่งขวาพบศพ ด.ช.ภคิน หรือน้องคินจัง คล้ายพยัฆ อายุ 8 ปี ลูกชาย นักเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนบูรณะศึกษา หลักสูตรอินเตอร์ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะด้านหลัง 1 นัด นอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น รายสุดท้ายเป็นบิดาของน้องคินจัง และคาดว่าคือผู้ก่อเหตุชื่อ จ.ส.อ.อนุวัต หรือเอ็กซ์ คล้ายพยัฆ อายุ 39 ปี ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับขวาตัวเองทะลุออกด้านซ้าย 1 นัด เสียชีวิตสภาพนั่งพิงเตียงนอนข้างๆ ศพภรรยาและลูก โดยพบอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 พร้อมปลอกกระสุนที่ถูกยิงไปแล้ว 4 นัด ตกอยู่ที่มือข้างขวา เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
โดยเพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 06.00 น.ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด และได้ยินเสียงคนในบ้านร้องคล้ายคนเจ็บ จากนั้นประมาณ 07.00 น. รู้สึกผิดสังเกตที่คนในครอบครัวยังไม่ตื่นไปส่งน้องคินจังไปโรงเรียนจึงเดินไปดูที่บ้าน และเห็นว่าผู้หญิงสูงอายุนอนเสียชีวิตในบ้าน จึงแจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ ที่ผ่านมาครอบครัวนี้ที่มีผู้พักอาศัยอยู่ 5 คน คือผู้ตายทั้ง 5 ศพ ปู่ ย่า ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานชาย เป็นเพื่อนบ้านที่ดี ไม่มีความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน ไม่มีศัตรู ไม่เคยแสดงความเครียด หรือมีปัญหาธุรกิจอะไร ล่าสุดเพิ่งกลับจากวัดเจดีย์ไอ้ไข่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอเรื่องโชคลาภ
อย่างไรก็ตาม เพื่อนบ้านอีกราย ระบุว่า ทราบว่า จ.ส.อ.อนุวัต เคยเป็นทหารบก ออกจากราชการมาทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำยาในวงการประดับยนต์ จนซื้อบ้านให้พ่อแม่ ลูก และภรรยา อยู่ได้ราวๆ 5-6 ปี บ้านนี้มีรถยนต์ 2 คัน เป็นรถเก๋งอีโคคาร์ 1 คัน กับรถฮอนด้า 7 ที่นั่งอีก 1 คัน แต่ระยะหลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จ.ส.อ.อนุวัต เคยเปรยให้ฟังว่าจะนำบ้านไปรีไฟแนนซ์รอบที่ 2 เพื่อนำเงินมาหมุน เพราะกำลังประสบปัญหาการเงินจากผลพวงของวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา
ด้าน พ.ต.อ.สุนัน อ้นหนองปรง ผู้กำกับการ (สอบสวน) บก.น.8 กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่าปืนที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ใกล้ จ.ส.อ.อนุวัติ มากที่สุด แต่ยังไม่ยืนยันว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุหรือลำดับเหตุการณ์เป็นอย่างไร โดยตำรวจได้ตั้งสมมติฐานเบื้องต้นไว้ แต่ยังไม่สามารถสรุปเหตุการณ์ได้ ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานทั้งจากกล้องวงจรปิดในบ้าน และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ต้องติดตามญาติๆ ผู้ตายซึ่งมีพื้นเพอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา มาถามแรงจูงใจในการก่อเหตุ เนื่องจากไม่พบจดหมายลาตาย และยังไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาในบ้าน