xs
xsm
sm
md
lg

นัดถกEIAดอนเมืองเฟส3 รองรับผู้โดยสาร40ล้าน/ปี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

กพท.นัด16 ก.ย.ถกข้อมูล EIA ขยายดอนเมืองเฟส 3 คาดไม่ต้องทำใหม่ หลังทอท. ยันเที่ยวบินไม่เกิน 60 เที่ยวบิน/ชม. รับที่ 40 ล้านคน ไม่กระทบสาระสำคัญ พร้อมเพิ่มมาตรการดูแล สวล. หวั่นโควิดอยู่ยาวอาจต้องทบทวนผังการใช้พื้นที่ใหม่

นายจุฬา สุขมานพ ผอ.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. เปิดเผยว่าจากที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้จัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)โครงการพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ให้รองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคนต่อปี ซึ่งกทพ.ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาโดยมีผู้แทนจาก สนง.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.) ร่วมด้วยโดยในวันที่16 ก.ย.นี้ จะมีการประชุม และให้ทอท.ชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้คณะทำงานฯกทพ. เคยมีการพิจารณาถึงการพัฒนาขยายสนามบินดอนเมืองระยะที่ 3 เป็นการเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลง รายงาน EIA เดิมหรือไม่ โดยพิจารณาจากตัวเลขที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง ทอท.ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่าตามรายงาน EIA เดิมสามารถรองรับเที่ยวบินสูงสุดในชั่วโมงคับคั่งได้ 60 เที่ยวบินต่อชม. ซึ่งอยู่ในแผนดอนเมืองเฟส 3 โดยจะไม่ทำให้เกิดผลเปลี่ยนแปลงรายงาน EIAเดิม

ทั้งนี้ หากข้อมูลของ ทอท. ยืนยันได้ว่าการขยายดอนเมืองเฟส 3 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญต่อกรอบ EIAเดิม รวมถึงทอท. จะต้องมีมาตรการดูแลผลกระทบที่จะเกิดขึ้น คาดว่าจะสามารสรุปผลการพิจารณาEIAได้ในวันที่16 ก.ย. นี้ และมีแนวโน้มว่าทอท. ไม่ต้องรายงาน EIAใหม่

แหล่งข่าวจาก ทอท.เปิดเผยว่า การพัฒนาสนามบินดอนเมืองเฟส 3 ครั้งนี้ ไม่มีการขยายรันเวย์ จึงอยู่ในขอบเขต EIAเดิม ทั้งนี้ ตามแผนมีเป้าหมายรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูง แต่หลังจากเกิดโควิด-19 ทำให้การเปิดบินระหว่างประเทศทำไม่ได้ ขณะที่สนามบิน จะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการพื้นที่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น จัดเพิ่มพื้นที่บริเวณผู้โดยสารขาเข้า สำหรับเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข และโถงและที่นั่งพักรอสำหรับผู้โดยสาร เพื่อรองรับกระบวนคัดกรอง และการตรวจเอกสารที่เกี่ยวข้องต่างๆ

ดังนั้น ทอท.จึงต้องปรับปรุงแผน เพื่อกำหนดการใช้พื้นที่ใหม่ให้เหมาะสมกับสถาณการณ์ ที่คาดว่า โรคโควิด-19 จะยังคงอยู่ไปอีกนาน รวมถึงควรพิจารณาปรับเลื่อนแผนการลงทุนออกไปเพื่อให้สอดคล้องกับความจำเป็นจริงๆ ซึ่งคาดว่าในปี 64 ปริมาณการเดินทางจะยังไม่กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ และสถานะการเงินของทอท.แน่นอน

จากข้อมูลพบว่า หลังเกิดโควิด-19 ผู้โดยสารลดลงไปอย่างมาก โดยหลังผ่อนปรนให้สามารถเดินทางภายในประเทศได้ ผู้โดยสารค่อยๆ เพิ่มขึ้นจาก 5,000 คน/วัน จนล่าสุดช่วงวันหยุดชดเชยสงกรานต์ วันที่ 4-7 ก.ย. มีผู้โดยสารเฉลี่ย 55,000 คน/วัน แต่ยังต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด ที่มีผู้โดยสารรวมกว่า 1.2 แสนคน/วัน แบ่งเป็นในปท. 70,000 คน/วัน ระหว่างปท. 50,000 คน/วัน

สำหรับแผนพัฒนาสนามบินดอนเมืองเฟส 3 วงเงินลงทุน 38,000 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จเปิดบริการในปี2568 โดย ทอท.จะใช้เงินรายได้ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภค เช่น อาคารผู้โดยสาร และให้เอกชนร่วมลงทุน PPPกิจกรรมเชิงพาณิชย์ เช่น ร้านค้า ที่จอดรถ โดยมีการก่อสร้างสำคัญ เช่น อาคารผู้โดยสารแห่งที่ 3 ที่รองรับผู้โดยสารได้ 18 ล้านคนต่อปี วงเงินลงทุน 30,000 ล้านบาท (รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศเป็นหลัก) เริ่มก่อสร้างปี 64 แล้วเสร็จ ปี 66 , ปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 1 เพื่อปรับเปลี่ยนให้รองรับผู้โดยสารภายในประเทศ ร่วมกับอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 ,โครงการก่อสร้าง อาคาร JUNCTION BUILDING,ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM)วงเงิน 10,000 ล้านบาท เป็นต้น

ทั้งนี้ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.เคยยืนยันว่า ทอท.จะไม่ชะลอแผนการลงทุนขยายสนามบิน แม้โควิด ระบาด เนื่องจาก ตามแผนการขยายจะเสร็จปี 65 ซึ่งเชื่อว่าจะพอดีกับที่สถานการณ์เดินทาง และจำนวนผู้โดยสารกลับสู่ปกติ หากไม่เร่งลงทุนไว้รอ จะไม่ทันเวลา


กำลังโหลดความคิดเห็น