ผู้จัดการรายวัน 360 - ตำรวจยอมรับ ผลตรวจสอบ "คดีบอส" ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุด "วิชา มหาคุณ" เตรียมฟันวินัยตำรวจบกพร่องทำสำนวน 21 นาย ล่าสุดส่งกองวินัยพิจารณาตั้งกรรมการสอบ "เพิ่มพูน ชิดชอบ" ไม่เห็นแย้งอัยการ พร้อมยืนยันไม่มีการช่วยเหลือพวกพ้อง
วานนี้ (2 ก.ย.) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงความคืบหน้าการดำเนินการในส่วนของตำรวจ หลังนายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้ต้องหาขับรถชนตำรวจเสียชีวิต สรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีขบวนการสมคบคิดเพื่อช่วยเหลือนายวรยุทธ ให้พ้นผิด ว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้ส่งสำนวน พร้อมความเห็นสั่งฟ้องนายวรยุทธ 3 ข้อหา ขับรถประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ได้รับความเสียหาย และไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานในทันที, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) โดยผิดกฎหมาย ให้กับพนักงานอัยการไปเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินการทางวินัยกับตำรวจ 11 คนแรก ได้ส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อปี 2559 ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องกลับมาว่าเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ให้ ตร. ลงโทษ ส่วน 10 คนหลังที่เจอ จะตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย หากพบเป็นคดีอาญา จะต้องส่งไป ป.ป.ช. ขณะที่ 11 คนแรก หากพบมีความผิดใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง ก็จะส่งให้กองวินัย พิจารณาลงทัณฑ์ และหากพบความผิดเกี่ยวกับมาตรา 157 ก็ต้องส่ง ป.ป.ช. ตามขั้นตอนต่อไป
โดยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เห็นควรให้จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการสอบสวน เนื่องจากผู้กระทำความผิดอยู่ในหลายสังกัด ส่วนพิจารณาความบกพร่องของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้ส่งเรื่องให้กองวินัยตั้งกรรมการสอบวินัย ซึ่งไม่ได้หมายความว่า พล.ต.ท.เพิ่มพูน เกี่ยวข้องหรือมีความผิด แต่เพื่อพิจารณาในข้อเท็จจริงส่วนที่เกี่ยวข้อง
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการมอบอำนาจในการสั่งคดีนั้น หลัง ผบ.ตร. ไปพบคณะทำงานของนายวิชา ได้ออกคำสั่งจะลงมากำกับดูแลการสั่งคดีด้วยตนเอง ขณะที่เรื่องการออกหมายแดง ต้องรอให้ทางอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดีต่อศาล จากนั้นจะส่งมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นเรื่องต่ออินเตอร์โพล หรือตำรวจสากล เพื่อขอให้ออกหมายแดง ส่งเข้าระบบอินเตอร์โพล ประกาศหาถิ่นที่อยู่นายวรยุทธ ไปที่ประเทศสมาชิกทั้งหมด 150 ประเทศ หากมีประเทศใดแจ้งกลับมา ก็ต้องไปพิจารณาเรื่องสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนของประเทศนั้นๆ ต่อไป
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยอมรับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของนายวิชา มหาคุณ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ลงมาดูแลการสั่งคดีด้วยตนเอง ส่วนเรื่องการลงโทษทางวินัยกับตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการทำคดี เรามีการลงโทษมากกว่าที่คณะกรรมการฯ ชุดนายวิชา แถลง ส่วนจะมีการสั่งตำรวจที่ถูกดำเนินการทางวินัยทั้ง 21 นาย ให้ช่วยราชการ ถ้าพบว่าตำรวจนายใดหากยังปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้วทำให้พยานหลักฐานและการสอบสวนเสียหาย ตนก็จะเสนอ ผบ.ตร.ให้มีคำสั่งให้ตำรวจนายดังกล่าวมาช่วยราชการ
ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนกรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร.ที่ถูกพาดพิงว่าเป็นคนพานายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม มาพบพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ (สบ4) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.สมยศ ไม่ได้เป็นข้าราชการตำรวจ ไม่สามารถเรียก พล.ต.อ.สมยศ มาให้การได้ ซึ่งในเอกสารแถลงข่าวของนายวิชา ไม่ได้ระบุชื่อ พล.ต.อ.สมยศ ระบุเพียงว่านายตำรวจระดับสูง เรื่องนี้ก็ต้องมีสืบค้นหาข้อเท็จจริงต่อไป อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ธนสิทธิ ให้การกับคณะกรรมการฯ ของตำรวจว่า พล.ต.อ.สมยศ เป็นผู้พานายสายประสิทธิ์ มาพบ
ส่วนกรณีพล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา อดีตผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ที่ไปให้การกับคณะกรรมการฯ ชุดนายวิชา ว่า ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการขอหมายแดงในคดีนี้ ถูกกลั่นแกล้งในการแต่งตั้งโยกย้าย พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า การให้ข้อมูลกับคณะกรรมการฯ เป็นอิสระของบุคคลที่ไปให้ถ้อยคำ สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายในแต่ละปียึดถือพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และกฎก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้ง ซึ่งก็มีเหตุมีผลมีความจำเป็นในแต่ละช่วงในแต่ละปีอยู่แล้ว ไม่อยากให้เหมารวมว่าเป็นการกลั่นแกล้ง การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับชั้น ส่วนจะมีการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือไม่ ตรงนี้ตนไม่สามารถตอบได้ โดยขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหน้าที่หาความบกพร่องในเรื่องของการทำคดี หาตัวคนรับผิดชอบ ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ
ถามต่อว่าจะสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ว่าขณะนี้ทางนายวิทยาถือพาสปอร์ตของประเทศใด พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ก็มีการดำเนินการทาง สตม. เท่าที่ทราบล่าสุดคือทราบในส่วนของการเดินทางออกไป ซึ่งก่อนหน้านี้สตม.ได้ตอบไปแล้ว
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวเสริมว่า เรื่องพาสปอร์ตอย่าลืมเวลาที่ไปออกพาสปอร์ตไม่ได้ออกที่รัฐบาลไทย จะไปออกที่รัฐบาลปลายทางหรือที่อื่น หลายๆ คน ในตอนนี้เป็นผู้ต้องหาที่หนีไปต่างประเทศก็มีชื่อใหม่ มีพาสปอร์ตใหม่ เพราะฉะนั้นจะตอบว่าเราตอบได้ไหม ถือว่าเราตอบลำบากตอบยาก
วานนี้ (2 ก.ย.) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงความคืบหน้าการดำเนินการในส่วนของตำรวจ หลังนายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้ต้องหาขับรถชนตำรวจเสียชีวิต สรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีขบวนการสมคบคิดเพื่อช่วยเหลือนายวรยุทธ ให้พ้นผิด ว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้ส่งสำนวน พร้อมความเห็นสั่งฟ้องนายวรยุทธ 3 ข้อหา ขับรถประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ได้รับความเสียหาย และไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานในทันที, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) โดยผิดกฎหมาย ให้กับพนักงานอัยการไปเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินการทางวินัยกับตำรวจ 11 คนแรก ได้ส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อปี 2559 ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องกลับมาว่าเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ให้ ตร. ลงโทษ ส่วน 10 คนหลังที่เจอ จะตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย หากพบเป็นคดีอาญา จะต้องส่งไป ป.ป.ช. ขณะที่ 11 คนแรก หากพบมีความผิดใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง ก็จะส่งให้กองวินัย พิจารณาลงทัณฑ์ และหากพบความผิดเกี่ยวกับมาตรา 157 ก็ต้องส่ง ป.ป.ช. ตามขั้นตอนต่อไป
โดยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เห็นควรให้จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการสอบสวน เนื่องจากผู้กระทำความผิดอยู่ในหลายสังกัด ส่วนพิจารณาความบกพร่องของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้ส่งเรื่องให้กองวินัยตั้งกรรมการสอบวินัย ซึ่งไม่ได้หมายความว่า พล.ต.ท.เพิ่มพูน เกี่ยวข้องหรือมีความผิด แต่เพื่อพิจารณาในข้อเท็จจริงส่วนที่เกี่ยวข้อง
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการมอบอำนาจในการสั่งคดีนั้น หลัง ผบ.ตร. ไปพบคณะทำงานของนายวิชา ได้ออกคำสั่งจะลงมากำกับดูแลการสั่งคดีด้วยตนเอง ขณะที่เรื่องการออกหมายแดง ต้องรอให้ทางอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดีต่อศาล จากนั้นจะส่งมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นเรื่องต่ออินเตอร์โพล หรือตำรวจสากล เพื่อขอให้ออกหมายแดง ส่งเข้าระบบอินเตอร์โพล ประกาศหาถิ่นที่อยู่นายวรยุทธ ไปที่ประเทศสมาชิกทั้งหมด 150 ประเทศ หากมีประเทศใดแจ้งกลับมา ก็ต้องไปพิจารณาเรื่องสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนของประเทศนั้นๆ ต่อไป
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยอมรับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของนายวิชา มหาคุณ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ลงมาดูแลการสั่งคดีด้วยตนเอง ส่วนเรื่องการลงโทษทางวินัยกับตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการทำคดี เรามีการลงโทษมากกว่าที่คณะกรรมการฯ ชุดนายวิชา แถลง ส่วนจะมีการสั่งตำรวจที่ถูกดำเนินการทางวินัยทั้ง 21 นาย ให้ช่วยราชการ ถ้าพบว่าตำรวจนายใดหากยังปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้วทำให้พยานหลักฐานและการสอบสวนเสียหาย ตนก็จะเสนอ ผบ.ตร.ให้มีคำสั่งให้ตำรวจนายดังกล่าวมาช่วยราชการ
ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนกรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร.ที่ถูกพาดพิงว่าเป็นคนพานายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม มาพบพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ (สบ4) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.สมยศ ไม่ได้เป็นข้าราชการตำรวจ ไม่สามารถเรียก พล.ต.อ.สมยศ มาให้การได้ ซึ่งในเอกสารแถลงข่าวของนายวิชา ไม่ได้ระบุชื่อ พล.ต.อ.สมยศ ระบุเพียงว่านายตำรวจระดับสูง เรื่องนี้ก็ต้องมีสืบค้นหาข้อเท็จจริงต่อไป อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ธนสิทธิ ให้การกับคณะกรรมการฯ ของตำรวจว่า พล.ต.อ.สมยศ เป็นผู้พานายสายประสิทธิ์ มาพบ
ส่วนกรณีพล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา อดีตผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ที่ไปให้การกับคณะกรรมการฯ ชุดนายวิชา ว่า ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการขอหมายแดงในคดีนี้ ถูกกลั่นแกล้งในการแต่งตั้งโยกย้าย พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า การให้ข้อมูลกับคณะกรรมการฯ เป็นอิสระของบุคคลที่ไปให้ถ้อยคำ สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายในแต่ละปียึดถือพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และกฎก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้ง ซึ่งก็มีเหตุมีผลมีความจำเป็นในแต่ละช่วงในแต่ละปีอยู่แล้ว ไม่อยากให้เหมารวมว่าเป็นการกลั่นแกล้ง การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับชั้น ส่วนจะมีการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือไม่ ตรงนี้ตนไม่สามารถตอบได้ โดยขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหน้าที่หาความบกพร่องในเรื่องของการทำคดี หาตัวคนรับผิดชอบ ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ
ถามต่อว่าจะสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ว่าขณะนี้ทางนายวิทยาถือพาสปอร์ตของประเทศใด พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ก็มีการดำเนินการทาง สตม. เท่าที่ทราบล่าสุดคือทราบในส่วนของการเดินทางออกไป ซึ่งก่อนหน้านี้สตม.ได้ตอบไปแล้ว
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวเสริมว่า เรื่องพาสปอร์ตอย่าลืมเวลาที่ไปออกพาสปอร์ตไม่ได้ออกที่รัฐบาลไทย จะไปออกที่รัฐบาลปลายทางหรือที่อื่น หลายๆ คน ในตอนนี้เป็นผู้ต้องหาที่หนีไปต่างประเทศก็มีชื่อใหม่ มีพาสปอร์ตใหม่ เพราะฉะนั้นจะตอบว่าเราตอบได้ไหม ถือว่าเราตอบลำบากตอบยาก