ผู้จัดการรายวัน 360 - "ไมค์ ปลดแอก" เผารูป "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม-บิ๊กแดง" หน้า สน.นางเลิ้ง สาปส่งไปสู่ภพภูมิที่ดี ก่อนรับทราบข้อหาผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.จราจร พร้อมจับมือ "เพนกวิน" บุกหน้าทำเนียบ เผาพริก-เผาเกลือ ไล่คนกัดกินประเทศ ขณะที่ ลูกแฝดนายกฯ ส่งทนายแจ้งความเอาผิดคนเผยข้อความเท็จใส่ร้าย พร้อมแจงละเอียดยิบ 10 ข้อ ทั้ง ยืนยันไม่เคยเปลี่ยน"บิ๊กตู่"บอกลูกสาวแจ้งความ ถือเป็นสิทธิที่จะปกป้องชื่อเสียง เพราะบรรลุนิติภาวะแล้ว ด้าน ศาลรธน.ยังไม่รับพิจารณาสั่งหาข้อเท็จจริงเพิ่มปมม็อบปลดแอกคิดล้มล้างการปกครอง
วานนี้ (2 ก.ย.) ที่ สน.นางเลิ้ง นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ประธานกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย และเป็นหนึ่งในแกนนำประชาชนปลดแอก พร้อม นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกพนักงานสอบสวนในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน , ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาด้วยเครื่องขยายเสียง กรณีการปราศรัยตอบโต้ พ.อ.หญิง นุสรา วรภัทราทร อดีตรองโฆษกกองทัพบก ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยนายภาณุพงศ์ ได้นำภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงศ์ ผู้บัญชาการทหารบก มาจุดไฟเผา
นายภาณุพงศ์ กล่าวว่า แม้จะถูกออกหมายเรียกดำเนินคดี ยังคงยืนยันที่จะออกเคลื่อนไหว แสดงกิจกรรมทางการเมืองเช่นเดิม เพราะถือเป็นสิทธิของประชาชน การเผารูปนี้เป็นการสาปส่งบุคคลเหล่านี้ให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี และการรับทราบข้อกล่าวหาครั้งนี้ก็เพื่อยืนยันถึงการต่อสู้ของนักสู้เพื่อประชาธิปไตย หลังมีอำนาจมืดพยายามดำเนินคดีกับกลุ่มผู้เห็นต่าง ข้อเรียกร้องของนักศึกษาต่างๆควรได้รับการรับฟังและเปลี่ยนแปลง หวังว่าชัยชนะของกลุ่มนักศึกษาและประชาชนจะมาถึงโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (3 ก.ย.) ศาลอาญารัชดาได้นัดไต่สวนว่าจะกรณีนี้ผิดเงื่อนไขหรือไม่ และจะเพิกถอนประกันหรือไม่
ต่อมา เวลาประมาณ 13.00 น.นายภานุพงศ์ ได้ร่วมกับ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ตัวแทนสหภาพนักเรียน นิสิต แห่งประเทศไทย เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เผาพริก เผาเกลือ ขับไล่คนที่กัดกินประเทศไทย และกดขี่ประชาชน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ลูกแฝด "บิ๊กตู่" ส่งทนายเอาผิดคนโพสต์หมิ่น
ช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความประจำสำนักกฎหมาย อ.อัมพร ณ ตะกั่วทุ่ง และเพื่อน ได้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ธัญญา จันทร์โอชา และ น.ส.นิฏฐา จันทร์โอชา บุตรสาวฝาแฝด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลและกลุ่มบุคคล ที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง โดยมี พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.น.1 ร่วมสอบปากคำ
พร้อมกันนี้ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงใน 10 ประเด็น อาทิ 1. เปลี่ยนชื่อและนามสกุลกลับเป็นของมารดา เพื่อหลบหนีคดีฟอกเงินของบิดา ยืนยันว่า ไม่เคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุล โดยใช้ชื่อเดิมตั้งแต่เกิดจนปัจจุบัน 2. ไม่ได้อยู่ประเทศไทย ยืนยันว่า ทั้งคู่ใช้ชีวิตตามปกติอยู่ในประเทศไทย 3. เรียนอยู่ประเทศออสเตรเลีย ยืนยันว่า ไม่เคยเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย แต่เคยไปเที่ยวครั้งเดียวเมื่อยังเด็ก 4. เรียนอยู่ต่างประเทศ ยืนยันว่า เรียนชั้นประถมและมัธยมศึกษาที่ ร.ร.สาธิตจุฬาฯ ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 และ 3.96 จบปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับสอง ทั้งคู่ 5. สอบตกปริญญาโท ยืนยันว่า ไม่เคยเรียนต่อปริญญาโท และไม่เคยสอบตก เป็นต้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีบุตรสาวฝาแฝด ได้มอบอำนาจให้ทนาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลและกลุ่มบุคคล ที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง ที่ สน.นางเลิ้ง ว่า "ก็เรื่องของเขา ถือว่าเขาบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็เป็นสิทธิของเขา จะปกป้องชื่อเสียงก็เป็นเรื่องของเขา ผมก็ฟังคนรุ่นใหม่"
ศาลรธน.สั่งหาข้อมูลเพิ่มปมม็อบคิดล้มล้างการปกครอง
ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาพิจารณาคดี ที่นายสนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องขอให้ศาลรธน. วินิจฉัยตามรธน.มาตรา 49 โดยกล่าวอ้างว่า กลุ่มผู้ชุมนุมนักเรียน นิสิต นักศึกษา และกลุ่มประชาชนเยาวชนปลดแอก(Free Youth)ในฐานะผู้ถูกร้อง ว่าการจัดการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.ค.63 และ วันที่ 10 ส.ค.63 โดยไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 และผู้ถูกร้อง มีข้อเรียกร้องหลายประการ ซึ่งผู้ร้องเห็นว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรธน. มาตรา 49
ศาลรธน.พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ยังไม่เพียงพอเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณา ให้แสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาของศาลรธน.ว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่
วานนี้ (2 ก.ย.) ที่ สน.นางเลิ้ง นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ประธานกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย และเป็นหนึ่งในแกนนำประชาชนปลดแอก พร้อม นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกพนักงานสอบสวนในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน , ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาด้วยเครื่องขยายเสียง กรณีการปราศรัยตอบโต้ พ.อ.หญิง นุสรา วรภัทราทร อดีตรองโฆษกกองทัพบก ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยนายภาณุพงศ์ ได้นำภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงศ์ ผู้บัญชาการทหารบก มาจุดไฟเผา
นายภาณุพงศ์ กล่าวว่า แม้จะถูกออกหมายเรียกดำเนินคดี ยังคงยืนยันที่จะออกเคลื่อนไหว แสดงกิจกรรมทางการเมืองเช่นเดิม เพราะถือเป็นสิทธิของประชาชน การเผารูปนี้เป็นการสาปส่งบุคคลเหล่านี้ให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี และการรับทราบข้อกล่าวหาครั้งนี้ก็เพื่อยืนยันถึงการต่อสู้ของนักสู้เพื่อประชาธิปไตย หลังมีอำนาจมืดพยายามดำเนินคดีกับกลุ่มผู้เห็นต่าง ข้อเรียกร้องของนักศึกษาต่างๆควรได้รับการรับฟังและเปลี่ยนแปลง หวังว่าชัยชนะของกลุ่มนักศึกษาและประชาชนจะมาถึงโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (3 ก.ย.) ศาลอาญารัชดาได้นัดไต่สวนว่าจะกรณีนี้ผิดเงื่อนไขหรือไม่ และจะเพิกถอนประกันหรือไม่
ต่อมา เวลาประมาณ 13.00 น.นายภานุพงศ์ ได้ร่วมกับ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ตัวแทนสหภาพนักเรียน นิสิต แห่งประเทศไทย เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เผาพริก เผาเกลือ ขับไล่คนที่กัดกินประเทศไทย และกดขี่ประชาชน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ลูกแฝด "บิ๊กตู่" ส่งทนายเอาผิดคนโพสต์หมิ่น
ช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความประจำสำนักกฎหมาย อ.อัมพร ณ ตะกั่วทุ่ง และเพื่อน ได้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ธัญญา จันทร์โอชา และ น.ส.นิฏฐา จันทร์โอชา บุตรสาวฝาแฝด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลและกลุ่มบุคคล ที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง โดยมี พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.น.1 ร่วมสอบปากคำ
พร้อมกันนี้ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงใน 10 ประเด็น อาทิ 1. เปลี่ยนชื่อและนามสกุลกลับเป็นของมารดา เพื่อหลบหนีคดีฟอกเงินของบิดา ยืนยันว่า ไม่เคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุล โดยใช้ชื่อเดิมตั้งแต่เกิดจนปัจจุบัน 2. ไม่ได้อยู่ประเทศไทย ยืนยันว่า ทั้งคู่ใช้ชีวิตตามปกติอยู่ในประเทศไทย 3. เรียนอยู่ประเทศออสเตรเลีย ยืนยันว่า ไม่เคยเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย แต่เคยไปเที่ยวครั้งเดียวเมื่อยังเด็ก 4. เรียนอยู่ต่างประเทศ ยืนยันว่า เรียนชั้นประถมและมัธยมศึกษาที่ ร.ร.สาธิตจุฬาฯ ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 และ 3.96 จบปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับสอง ทั้งคู่ 5. สอบตกปริญญาโท ยืนยันว่า ไม่เคยเรียนต่อปริญญาโท และไม่เคยสอบตก เป็นต้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีบุตรสาวฝาแฝด ได้มอบอำนาจให้ทนาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลและกลุ่มบุคคล ที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง ที่ สน.นางเลิ้ง ว่า "ก็เรื่องของเขา ถือว่าเขาบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็เป็นสิทธิของเขา จะปกป้องชื่อเสียงก็เป็นเรื่องของเขา ผมก็ฟังคนรุ่นใหม่"
ศาลรธน.สั่งหาข้อมูลเพิ่มปมม็อบคิดล้มล้างการปกครอง
ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาพิจารณาคดี ที่นายสนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องขอให้ศาลรธน. วินิจฉัยตามรธน.มาตรา 49 โดยกล่าวอ้างว่า กลุ่มผู้ชุมนุมนักเรียน นิสิต นักศึกษา และกลุ่มประชาชนเยาวชนปลดแอก(Free Youth)ในฐานะผู้ถูกร้อง ว่าการจัดการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.ค.63 และ วันที่ 10 ส.ค.63 โดยไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 และผู้ถูกร้อง มีข้อเรียกร้องหลายประการ ซึ่งผู้ร้องเห็นว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรธน. มาตรา 49
ศาลรธน.พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ยังไม่เพียงพอเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณา ให้แสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาของศาลรธน.ว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่