ผู้จัดการรายวัน360 - “อนุทิน” ย้ำจุดยืนสธ.ค้านใช้สารพิษทางการเกษตร ชี้ แค่มีผลกระทบกับเกษตร-ปชช.แค่คนเดียวก็เกินพอแล้ว "มนัญญา"ลั่นไม่ใช่คนซับซ้อน ชัดเจนแบนสารพิษอันตราย ระบุไปมาทุกพื้นที่ ไม่เคยได้ยินเกษตรบ่นว่าไม่ใช้แล้วจะมีผลกระทบ "หมอระวี" ย้ำต้องแบน 3 สารพิษ ซัด"เฉลิมชัย"อย่ากลับลำ นายกฯมั่นใจข่าวแบนสารพิษ ไม่กระทบสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีความกังวลว่าจะมีการนำสารเคมีอันตรายที่ถูกแบน กลับมาใช้ใหม่ว่า ขอไม่ต้องกังวล เพราะขณะนี้ยังไม่ได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงสารพาราควอต และสารคลอร์ไพริฟอส ถูกแบนไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว และเท่าที่ทราบ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประกาศเป็นกฎกระทรวงออกมาแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล ทั้งนี้ตนได้พบกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์แล้ว โดยนายเฉลิมชัย บอกว่า มีคนร้องเรียนมา เลยเสนอเรื่องให้เจ้าหน้าที่ในคณะกรรมการ พิจารณาเท่านั้น
"สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขแถลงจุดยืนไปเมื่อ วันที่ 31 ส.ค.ว่า เรายังคัดค้านการใช้สารเคมีเหล่านี้เพื่อการเกษตร แต่ก็ยังมีความพยายามของผู้ประกอบการ ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหา แต่คิดว่าคงไม่มีใครพิจารณาเข้าๆ ออกๆ เพราะของอันตรายก็คือของอันตราย ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงสุขภาพของประชาชน จึงต้องจัดเตรียมข้อมูลให้มากที่สุด " นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯ และเลขานุการว่า จะบรรจุเป็นวาระการประชุมหรือไม่ ซึ่งใครก็สามารถเสนอเรื่องได้ แต่จะโหวตหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯ ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข มีคณะกรรมการร่วมอยู่เพียง 2 คนจากทั้งหมด 27 คน และยืนยันว่า เราโหวตโนแน่นอน เพราะไม่เห็นด้วยกับการใช้สารดังกล่าว
ส่วนเรื่องที่ต้องหาสารอื่นมาทดแทน ก็เป็นเรื่องของกรมวิชาการการเกษตร ที่ต้องไปคิดค้น และหาสิ่งมาทดแทน แต่จะมาบอกว่าการใช้สารพิษจะทำให้ต้นทุนลดลง อย่าคิดเพียงต้นทุนการผลิตอย่างเดียว ให้คิดถึงต้นทุนทางสังคม และการรักษาพยาบาลด้วย
"ที่มีการบอกว่า มีคนเสียชีวิตจากสารดังกล่าวไม่กี่คนนั้น ผมถามว่า ถ้าเป็นญาติตนเอง คนเดียวก็ถือว่า มากแล้ว " นายอนุทิน กล่าว
"มนัญญา"ชัดเจนแบนสารพิษอันตราย
น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงความชัดเจนในการแบนสารพาราควอต ภายหลังนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เตรียมเสนอให้ คณะกรรมการวัตถุอันตรายทบทวนการแบนสารพาราควอต ว่า ตนชัดเจนเหมือนเดิมคือ แบน ในเมื่อยังไม่สามารถแบนทั้ง 3 ชนิดได้ เราจึงต้องจำกัดการใช้สารไกลโฟเซต ให้เด็ดขาด ผู้ที่ขายและได้ผลประโยชน์จะต้องกลับมาให้ความร่วมมือ นโยบายครั้งต่อไปควรกำหนดว่า หากบริษัทนั้นๆ ขายสารเคมีให้กับคนที่ไม่ได้ผ่านอบรมการใช้ หรือไม่มีใบอนุญาต เราจะไม่ให้บริษัทนั้นนำเข้าอีกต่อไป
ส่วนพาราควอต และสารคลอร์ไพริฟอส คิดว่าน่าจะจบแล้ว ใครที่คิดจะนำขึ้นกลับมาใหม่ ต้องกลับไปทบทวนว่ามีเหตุผลอะไร เพราะกระทรวงสาธารณสุขออกมายืนยันแล้วว่า มีสารตกค้าง เกษตรกรต้องการจริงหรือไม่
" พี่ยังไม่เห็นเกษตรกรพูดว่าเดือดร้อน หากรัฐมนตรีแบนสารเคมี ถ้าจะบอกว่าเรื่องของสารเคมีเป็นเรื่องของความซับซ้อน ก็ไปคิดกันเอาเองว่า เรื่องของความซับซ้อนมันเป็นอย่างไร " น.ส.มมัญญา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ใช่หรือไม่ น.ส.มนัญญา กล่าวว่า ส่วนผลประโยชน์ในเรื่องนี้ยังมีอยู่หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะไม่เคยยุ่งเกี่ยวหรือมีผลประโยชน์เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่อยู่ที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการแจ้งว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไร ยังไม่มีใครยื่นไปที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย เพื่อให้มีการทบทวน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากใครมีพาราควอต กับคลอร์ไพริฟอส จะผิดกฎหมาย เพราะถือว่า มีการผ่อนผันให้แล้ว กฎหมายต้องดำเนินตามกฎหมาย
เมื่อถามว่าจะต้องไปพูดคุยกับคณะกรรมการวัตถุอันตรายอีกหรือไม่ น.ส.นมัญญา กล่าวว่า การที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายจะต้องประชุมใหม่ จะต้องมีข้อโต้แย้งอันเก่า หากมีใครขอ หรือทำหนังสือเข้าไปถึงจะเปิดประชุม ต้องมีข้อหักล้าง
ด้านนพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะ กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคการเกษตร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากการศึกษาของกมธ.วิสามัญเรื่องแบน 3 สารพิษ ซึ่งมีตัวแทนจากทุกพรรคการเมือง ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 62 เห็นด้วยกับการให้แบนสารเคมี 3 ชนิด คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ทันที และกำหนดให้เกษตรอินทรีย์เป็นวาระแห่งชาติ และที่สำคัญคือ มติของกมธ. ได้ผ่านการเห็นชอบของสภาฯ ด้วยแล้ว แสดงให้เห็นว่า สภาเห็นชอบการแบน 3 สารพิษนี้ ชัดเจนแล้ว
"นายเฉลิมชัย และคณะกรรมการวัตถุอันตราย ควรจะต้องยืนยันการแบน 3 สารพิษ โดยกระทรวงเกษตรฯ ต้องดูแล เยียวยา และให้คำแนะนำในการปรับตัวกับเกษตรกรที่คุ้นเคยกับการใช้ 3 สารพิษนี้ " นพ.ระวี กล่าว
นายกฯมั่นใจ ไม่กระทบพรรคร่วม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงจุดยืนของรัฐบาลในเรื่องของการแบนสารพิษทางการเกษตร ที่มีข่าวว่าทาง รมว.เกษตรฯ จะลงนามให้มีการทบทวนการแบนสารพิษดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้กระทบต่อความสัมพันธ์ในพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แสดงจุดยืนชัดเจนให้แบนสารพิษนี้ ว่า ไม่กระทบกับพรรคร่วมรัฐบาล เพราะการทำงานย่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ เราต้องพยายามเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ก็ต้องฟังเหตุฟังผลซึ่งกันและกันเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้อง
"รัฐบาลเองก็ต้องเลือกหนทางที่ดีที่สุด เพื่อชีวิตที่ดีของเกษตรกร ความปลอดภัยของผู้บริโภค และประชาชนซึ่งถือเป็นความสำคัญในอันดับต้นๆ แต่หลักการใหญ่ๆของเราก็คือยึดสวัสดิภาพของประชาชนเป็นที่ตั้ง การเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนผ่าน มันไม่สามารถทำได้ทันที ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ทุกฝ่ายถ้าขัดแย้งกันทั้งหมด มันก็ทำอะไรไม่ได้ "
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีความกังวลว่าจะมีการนำสารเคมีอันตรายที่ถูกแบน กลับมาใช้ใหม่ว่า ขอไม่ต้องกังวล เพราะขณะนี้ยังไม่ได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงสารพาราควอต และสารคลอร์ไพริฟอส ถูกแบนไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว และเท่าที่ทราบ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประกาศเป็นกฎกระทรวงออกมาแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล ทั้งนี้ตนได้พบกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์แล้ว โดยนายเฉลิมชัย บอกว่า มีคนร้องเรียนมา เลยเสนอเรื่องให้เจ้าหน้าที่ในคณะกรรมการ พิจารณาเท่านั้น
"สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขแถลงจุดยืนไปเมื่อ วันที่ 31 ส.ค.ว่า เรายังคัดค้านการใช้สารเคมีเหล่านี้เพื่อการเกษตร แต่ก็ยังมีความพยายามของผู้ประกอบการ ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหา แต่คิดว่าคงไม่มีใครพิจารณาเข้าๆ ออกๆ เพราะของอันตรายก็คือของอันตราย ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงสุขภาพของประชาชน จึงต้องจัดเตรียมข้อมูลให้มากที่สุด " นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯ และเลขานุการว่า จะบรรจุเป็นวาระการประชุมหรือไม่ ซึ่งใครก็สามารถเสนอเรื่องได้ แต่จะโหวตหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯ ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข มีคณะกรรมการร่วมอยู่เพียง 2 คนจากทั้งหมด 27 คน และยืนยันว่า เราโหวตโนแน่นอน เพราะไม่เห็นด้วยกับการใช้สารดังกล่าว
ส่วนเรื่องที่ต้องหาสารอื่นมาทดแทน ก็เป็นเรื่องของกรมวิชาการการเกษตร ที่ต้องไปคิดค้น และหาสิ่งมาทดแทน แต่จะมาบอกว่าการใช้สารพิษจะทำให้ต้นทุนลดลง อย่าคิดเพียงต้นทุนการผลิตอย่างเดียว ให้คิดถึงต้นทุนทางสังคม และการรักษาพยาบาลด้วย
"ที่มีการบอกว่า มีคนเสียชีวิตจากสารดังกล่าวไม่กี่คนนั้น ผมถามว่า ถ้าเป็นญาติตนเอง คนเดียวก็ถือว่า มากแล้ว " นายอนุทิน กล่าว
"มนัญญา"ชัดเจนแบนสารพิษอันตราย
น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงความชัดเจนในการแบนสารพาราควอต ภายหลังนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เตรียมเสนอให้ คณะกรรมการวัตถุอันตรายทบทวนการแบนสารพาราควอต ว่า ตนชัดเจนเหมือนเดิมคือ แบน ในเมื่อยังไม่สามารถแบนทั้ง 3 ชนิดได้ เราจึงต้องจำกัดการใช้สารไกลโฟเซต ให้เด็ดขาด ผู้ที่ขายและได้ผลประโยชน์จะต้องกลับมาให้ความร่วมมือ นโยบายครั้งต่อไปควรกำหนดว่า หากบริษัทนั้นๆ ขายสารเคมีให้กับคนที่ไม่ได้ผ่านอบรมการใช้ หรือไม่มีใบอนุญาต เราจะไม่ให้บริษัทนั้นนำเข้าอีกต่อไป
ส่วนพาราควอต และสารคลอร์ไพริฟอส คิดว่าน่าจะจบแล้ว ใครที่คิดจะนำขึ้นกลับมาใหม่ ต้องกลับไปทบทวนว่ามีเหตุผลอะไร เพราะกระทรวงสาธารณสุขออกมายืนยันแล้วว่า มีสารตกค้าง เกษตรกรต้องการจริงหรือไม่
" พี่ยังไม่เห็นเกษตรกรพูดว่าเดือดร้อน หากรัฐมนตรีแบนสารเคมี ถ้าจะบอกว่าเรื่องของสารเคมีเป็นเรื่องของความซับซ้อน ก็ไปคิดกันเอาเองว่า เรื่องของความซับซ้อนมันเป็นอย่างไร " น.ส.มมัญญา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ใช่หรือไม่ น.ส.มนัญญา กล่าวว่า ส่วนผลประโยชน์ในเรื่องนี้ยังมีอยู่หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะไม่เคยยุ่งเกี่ยวหรือมีผลประโยชน์เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่อยู่ที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการแจ้งว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไร ยังไม่มีใครยื่นไปที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย เพื่อให้มีการทบทวน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากใครมีพาราควอต กับคลอร์ไพริฟอส จะผิดกฎหมาย เพราะถือว่า มีการผ่อนผันให้แล้ว กฎหมายต้องดำเนินตามกฎหมาย
เมื่อถามว่าจะต้องไปพูดคุยกับคณะกรรมการวัตถุอันตรายอีกหรือไม่ น.ส.นมัญญา กล่าวว่า การที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายจะต้องประชุมใหม่ จะต้องมีข้อโต้แย้งอันเก่า หากมีใครขอ หรือทำหนังสือเข้าไปถึงจะเปิดประชุม ต้องมีข้อหักล้าง
ด้านนพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะ กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคการเกษตร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากการศึกษาของกมธ.วิสามัญเรื่องแบน 3 สารพิษ ซึ่งมีตัวแทนจากทุกพรรคการเมือง ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 62 เห็นด้วยกับการให้แบนสารเคมี 3 ชนิด คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ทันที และกำหนดให้เกษตรอินทรีย์เป็นวาระแห่งชาติ และที่สำคัญคือ มติของกมธ. ได้ผ่านการเห็นชอบของสภาฯ ด้วยแล้ว แสดงให้เห็นว่า สภาเห็นชอบการแบน 3 สารพิษนี้ ชัดเจนแล้ว
"นายเฉลิมชัย และคณะกรรมการวัตถุอันตราย ควรจะต้องยืนยันการแบน 3 สารพิษ โดยกระทรวงเกษตรฯ ต้องดูแล เยียวยา และให้คำแนะนำในการปรับตัวกับเกษตรกรที่คุ้นเคยกับการใช้ 3 สารพิษนี้ " นพ.ระวี กล่าว
นายกฯมั่นใจ ไม่กระทบพรรคร่วม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงจุดยืนของรัฐบาลในเรื่องของการแบนสารพิษทางการเกษตร ที่มีข่าวว่าทาง รมว.เกษตรฯ จะลงนามให้มีการทบทวนการแบนสารพิษดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้กระทบต่อความสัมพันธ์ในพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แสดงจุดยืนชัดเจนให้แบนสารพิษนี้ ว่า ไม่กระทบกับพรรคร่วมรัฐบาล เพราะการทำงานย่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ เราต้องพยายามเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ก็ต้องฟังเหตุฟังผลซึ่งกันและกันเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้อง
"รัฐบาลเองก็ต้องเลือกหนทางที่ดีที่สุด เพื่อชีวิตที่ดีของเกษตรกร ความปลอดภัยของผู้บริโภค และประชาชนซึ่งถือเป็นความสำคัญในอันดับต้นๆ แต่หลักการใหญ่ๆของเราก็คือยึดสวัสดิภาพของประชาชนเป็นที่ตั้ง การเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนผ่าน มันไม่สามารถทำได้ทันที ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ทุกฝ่ายถ้าขัดแย้งกันทั้งหมด มันก็ทำอะไรไม่ได้ "