ผู้จัดการรายวัน360-“วิชา”ส่งรายงานผลการตรวจสอบกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้อง "บอส วรยุทธ" ให้นายกฯ แล้ว แฉหมดเปลือก ไม่มีกั๊ก ใครผิด ใครบกพร่อง ชงรื้อคดีสอบใหม่ ฟันวินัยอาญากราวรูด 8 กลุ่ม ขอแก้ระเบียบการมอบอำนาจ การร้องขอความเป็นธรรม และเว้นเรื่องอายุความกรณีผู้ต้องหาหลบหนี เผย “บิ๊กตู่” เตรียมแถลงเองวันนี้ หลังประชุม ครม. รับคดีหละหลวม พบพิรุธเป็นมหากาพย์ เตรียมตั้งคณะกรรมการดำเนินการต่อ ด้านอัยการรับสำนวนคดีบอสจากตำรวจแล้ว ยันมีคำตอบภายในเดือนหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (31 ส.ค.) นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน (คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา) นำรายงานฉบับสมบูรณ์ในการตรวจสอบกรณีนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง นายวรยุทธ มารายงานต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
นายวิชากล่าวภายหลังการเข้าพบนายกฯ ว่า รายงานที่ส่งไปมีประมาณ 100 หน้า แต่มีข้อสรุปประมาณ 10 หน้า มีรายละเอียดที่เขียนไว้ชัดเจนว่า เกิดความบกพร่องที่ใคร หน่วยงานไหน ซึ่งการเข้ารายงานต่อนายกฯ ครั้งนี้ มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีร่วมรับฟังด้วย โดยนายกฯ บอกว่า วันนี้ (1 ก.ย.) จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะมีหลายเรื่องเป็นข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย หลายหน่วยงานที่จะต้องนำไปปฏิบัติ และนายกฯ จะแถลงเรื่องดังกล่าวหลังการประชุม ครม. ด้วยตนเอง
โดยในเอกสารข้อสรุปที่นายกฯ จะเปิดเผย อ่านดูก็รู้ว่าใครผิด รายละเอียดอยู่ในนั้นทั้งหมด ขอให้ติดตาม ในนั้นจะรู้หมดเลย เขียนชัดเจน ไม่มีกั๊ก มีทั้งชื่อ ทั้งตำแหน่ง ทั้งหน่วยงาน อยู่ในนั้นทั้งหมด และจะแจกข้อมูลสำคัญที่เป็นเอกสาร ให้สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ เพราะถือว่าการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ เป็นการตรวจสอบโดยโปร่งใส ไม่มีลับลมคมใน และนายกฯ ต้องการนำเรื่องนี้ไปสู่การแก้ไข โดยเฉพาะข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ ที่จะต้องนำไปทำอย่างจริงจัง
“เมื่อนายกฯ แถลงแล้ว ต่อจากนั้น ผมจะเปิดการแถลงข่าวเรื่องดังกล่าวต่อ ที่ตึกสันติไมตรีในทำเนียบรัฐบาล บอกข้อมูลต้องนำไปสู่การดำเนินการต่อ ส่วนจะมีคนผิดทั้งทางวินัย อาญา และจริยธรรม จนนำไปสู่การดำเนินคดีได้หรือไม่นั้น ในรายงานมีรายละเอียดทั้งหมด และนายกฯ ตั้งใจอยู่แล้วว่า จะต้องส่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบต่อไป ขอให้รอฟังนายกฯ แถลง จากนั้นผม จะแถลงรายละเอียดต่อทันที”นายวิชากล่าว
นายวิชากล่าวว่า สำหรับกรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ.ตร. ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนแนะนำให้ พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ให้รู้จักกับ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม นักวิชาการ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงความเร็วรถนายวรยุทธ โดยมีหลักฐานว่า อยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในช่วงเวลาที่ ดร.สายประสิทธิ์ ไปพบตำรวจนั้น เราชัดเจนแล้ว ให้ไปอ่านในสำนวน จะรู้เลย ไม่มีแทงกั๊ก คณะกรรมการฯ ทำอะไรเราต้องโปร่งใส เปิดเผยตรวจสอบได้ ไม่มีคลุมเครือ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ คณะกรรมการฯ จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่ออีก 30 วัน เพื่อจัดทำข้อเสนอแนวทางการปฏิรูปกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมต่อไป
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า เนื้อหาในรายงานตรวจสอบดังกล่าว แบ่งเป็น 6 ส่วนหลัก คือ 1.กระบวนการสอบสวนคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เห็นควรให้มีการรื้อคดีสอบสวนใหม่ทั้งหมด เช่น การให้นายตำรวจที่ถูกชนเสียชีวิตตกเป็นผู้ต้องหา , การสร้างพยานหลักฐานเท็จ โดยเฉพาะเรื่องความเร็วของรถเฟอร์รารี
2.เห็นควรให้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยและอาญากับผู้เกี่ยวข้องจำนวน 8 กลุ่ม โดยส่งเรื่องให้หน่วยงานสอบสวน อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) , สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) , สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
3.ให้สอบสวนจริยธรรมของผู้เกี่ยวข้องที่มีส่วนทำให้การสอบสวนมีความบกพร่อง และให้เผยแพร่รายงานการสอบสวนต่อสาธารณชนทั้งหมด
4.ให้แก้ไขระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ การมอบอำนาจ เมื่อผู้บังคับบัญชามอบอำนาจให้ระดับรองไปแล้ว ต้องเข้าไปติดตามกำกับดูแล ไม่ใช่เป็นการมอบอำนาจให้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนทำให้เกิดปัญหาเหมือนกรณีตำรวจและอัยการ ในคดีนายวรยุทธ ดังนั้น หากไม่ติดตามกำกับดูแล ให้ถือว่าผู้บังคับบัญชามีความผิด
5.การร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการของผู้ต้องหา ควรพิจารณาดำเนินการได้เพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น ถ้าหากจะมีการร้องขอความเป็นธรรมเพิ่มเติม ต้องมีพยานหลักฐานใหม่เท่านั้น นอกจากนั้น เมื่ออัยการสูงสุด (อสส.) มอบให้รอง อสส. ไปดูแลงานเหล่านี้ จะต้องแยกการร้องขอความเป็นธรรมกับการสั่งคดีออกจากกัน จะให้อยู่ที่ รอง อสส.เพียงคนเดียวไม่ได้ เพื่อให้มีการถ่วงดุลซึ่งกันและกัน
6.ควรมีการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) กรณีผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนี ให้ไม่มีอายุความเหมือนกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังนายวิชาเข้ามารายงานผลว่า คดีนี้มีความคืบหน้ามาโดยตลอด ตนได้พูดคุยกับนายวิชาที่เข้ามาชี้แจง 5 ประเด็น ซึ่งพบว่ามีปัญหาในข้อกฎหมายมาก ทั้งในเรื่องของสำนวนและการเรียกพยานมาสอบปากคำ ซึ่งที่จริงแล้วควรจะจบไปตั้งนานแล้ว แต่ต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาต่อไปให้เกิดความชัดเจน เพราะท้ายที่สุด ต้องไปดูในเรื่องของกฎหมาย ระเบียบ และการร้องให้ทำคดีใหม่ ส่วนตัวคิดว่ายังสามารถที่จะดำเนินคดีได้
เมื่อถามว่านายวิชาย้ำว่าพบพิรุธในคดีจนกลายเป็นมหากาพย์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าจะพูดอย่างนั้น ก็พูดได้ ก็คงใช่ ถ้าไปโยงกันอย่างนั้น และถ้ามองในภาพใหญ่ คำว่ามหากาพย์คงไม่ใช่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งต้องไปดูเรื่องของกฎหมายและระเบียบการ วันนี้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานอนุกรรมการชุดพิจารณาข้อกฎหมายคดีนี้ ก็มารายงานขั้นตอนในคดีความ และการร้องเรียนด้วย
"มีอะไรที่หละหลวมอยู่พอสมควร เมื่อได้ความจริงมาแล้ว ก็ต้องสั่งตั้งคณะกรรมการทำงานในส่วนนี้ทั้ง 5 ประเด็น เพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่ให้เสียกฎหมาย เพราะอย่าลืมว่าคดีนี้เป็นเพียงหนึ่ง โดยในหลายแสนคดีที่เขาไม่มีปัญหาอะไร ก็ตั้งมากมาย ไม่ใช่ระบบเราล้มเหลวทั้งหมด ผมว่าบกพร่องด้วยคนนั่นแหละ"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้นำแฟ้มเอกสารสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมประเด็นความเร็วรถ และแจ้งข้อหาเพิ่มฐานเสพยาเสพติด คดีนายวรยุทธ มาส่งมอบให้นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา , นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และนายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดี
นายอิทธพรกล่าวว่า จะขออ่านสำนวนที่พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ส่งมาก่อนว่ามีการสอบสวนเพิ่มเติม ครบถ้วนตามที่ได้มีคำสั่งไปหรือไม่ และจะสามารถมีความเห็นทางคดีหรือจะต้องสอบสวนเพิ่มอีกหรือไม่ ซึ่งคณะทำงานฯ จะพิจารณาอย่างละเอียด ไม่มีกรอบระยะเวลา แต่คณะทำงานจะทำงานโดยเร็ว ทำโดยละเอียดรอบคอบ และจะมีคำตอบให้ได้ภายในเดือนหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (31 ส.ค.) นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน (คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา) นำรายงานฉบับสมบูรณ์ในการตรวจสอบกรณีนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง นายวรยุทธ มารายงานต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
นายวิชากล่าวภายหลังการเข้าพบนายกฯ ว่า รายงานที่ส่งไปมีประมาณ 100 หน้า แต่มีข้อสรุปประมาณ 10 หน้า มีรายละเอียดที่เขียนไว้ชัดเจนว่า เกิดความบกพร่องที่ใคร หน่วยงานไหน ซึ่งการเข้ารายงานต่อนายกฯ ครั้งนี้ มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีร่วมรับฟังด้วย โดยนายกฯ บอกว่า วันนี้ (1 ก.ย.) จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะมีหลายเรื่องเป็นข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย หลายหน่วยงานที่จะต้องนำไปปฏิบัติ และนายกฯ จะแถลงเรื่องดังกล่าวหลังการประชุม ครม. ด้วยตนเอง
โดยในเอกสารข้อสรุปที่นายกฯ จะเปิดเผย อ่านดูก็รู้ว่าใครผิด รายละเอียดอยู่ในนั้นทั้งหมด ขอให้ติดตาม ในนั้นจะรู้หมดเลย เขียนชัดเจน ไม่มีกั๊ก มีทั้งชื่อ ทั้งตำแหน่ง ทั้งหน่วยงาน อยู่ในนั้นทั้งหมด และจะแจกข้อมูลสำคัญที่เป็นเอกสาร ให้สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ เพราะถือว่าการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ เป็นการตรวจสอบโดยโปร่งใส ไม่มีลับลมคมใน และนายกฯ ต้องการนำเรื่องนี้ไปสู่การแก้ไข โดยเฉพาะข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ ที่จะต้องนำไปทำอย่างจริงจัง
“เมื่อนายกฯ แถลงแล้ว ต่อจากนั้น ผมจะเปิดการแถลงข่าวเรื่องดังกล่าวต่อ ที่ตึกสันติไมตรีในทำเนียบรัฐบาล บอกข้อมูลต้องนำไปสู่การดำเนินการต่อ ส่วนจะมีคนผิดทั้งทางวินัย อาญา และจริยธรรม จนนำไปสู่การดำเนินคดีได้หรือไม่นั้น ในรายงานมีรายละเอียดทั้งหมด และนายกฯ ตั้งใจอยู่แล้วว่า จะต้องส่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบต่อไป ขอให้รอฟังนายกฯ แถลง จากนั้นผม จะแถลงรายละเอียดต่อทันที”นายวิชากล่าว
นายวิชากล่าวว่า สำหรับกรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ.ตร. ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนแนะนำให้ พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ให้รู้จักกับ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม นักวิชาการ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงความเร็วรถนายวรยุทธ โดยมีหลักฐานว่า อยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในช่วงเวลาที่ ดร.สายประสิทธิ์ ไปพบตำรวจนั้น เราชัดเจนแล้ว ให้ไปอ่านในสำนวน จะรู้เลย ไม่มีแทงกั๊ก คณะกรรมการฯ ทำอะไรเราต้องโปร่งใส เปิดเผยตรวจสอบได้ ไม่มีคลุมเครือ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ คณะกรรมการฯ จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่ออีก 30 วัน เพื่อจัดทำข้อเสนอแนวทางการปฏิรูปกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมต่อไป
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า เนื้อหาในรายงานตรวจสอบดังกล่าว แบ่งเป็น 6 ส่วนหลัก คือ 1.กระบวนการสอบสวนคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เห็นควรให้มีการรื้อคดีสอบสวนใหม่ทั้งหมด เช่น การให้นายตำรวจที่ถูกชนเสียชีวิตตกเป็นผู้ต้องหา , การสร้างพยานหลักฐานเท็จ โดยเฉพาะเรื่องความเร็วของรถเฟอร์รารี
2.เห็นควรให้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยและอาญากับผู้เกี่ยวข้องจำนวน 8 กลุ่ม โดยส่งเรื่องให้หน่วยงานสอบสวน อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) , สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) , สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
3.ให้สอบสวนจริยธรรมของผู้เกี่ยวข้องที่มีส่วนทำให้การสอบสวนมีความบกพร่อง และให้เผยแพร่รายงานการสอบสวนต่อสาธารณชนทั้งหมด
4.ให้แก้ไขระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ การมอบอำนาจ เมื่อผู้บังคับบัญชามอบอำนาจให้ระดับรองไปแล้ว ต้องเข้าไปติดตามกำกับดูแล ไม่ใช่เป็นการมอบอำนาจให้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนทำให้เกิดปัญหาเหมือนกรณีตำรวจและอัยการ ในคดีนายวรยุทธ ดังนั้น หากไม่ติดตามกำกับดูแล ให้ถือว่าผู้บังคับบัญชามีความผิด
5.การร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการของผู้ต้องหา ควรพิจารณาดำเนินการได้เพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น ถ้าหากจะมีการร้องขอความเป็นธรรมเพิ่มเติม ต้องมีพยานหลักฐานใหม่เท่านั้น นอกจากนั้น เมื่ออัยการสูงสุด (อสส.) มอบให้รอง อสส. ไปดูแลงานเหล่านี้ จะต้องแยกการร้องขอความเป็นธรรมกับการสั่งคดีออกจากกัน จะให้อยู่ที่ รอง อสส.เพียงคนเดียวไม่ได้ เพื่อให้มีการถ่วงดุลซึ่งกันและกัน
6.ควรมีการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) กรณีผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนี ให้ไม่มีอายุความเหมือนกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังนายวิชาเข้ามารายงานผลว่า คดีนี้มีความคืบหน้ามาโดยตลอด ตนได้พูดคุยกับนายวิชาที่เข้ามาชี้แจง 5 ประเด็น ซึ่งพบว่ามีปัญหาในข้อกฎหมายมาก ทั้งในเรื่องของสำนวนและการเรียกพยานมาสอบปากคำ ซึ่งที่จริงแล้วควรจะจบไปตั้งนานแล้ว แต่ต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาต่อไปให้เกิดความชัดเจน เพราะท้ายที่สุด ต้องไปดูในเรื่องของกฎหมาย ระเบียบ และการร้องให้ทำคดีใหม่ ส่วนตัวคิดว่ายังสามารถที่จะดำเนินคดีได้
เมื่อถามว่านายวิชาย้ำว่าพบพิรุธในคดีจนกลายเป็นมหากาพย์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าจะพูดอย่างนั้น ก็พูดได้ ก็คงใช่ ถ้าไปโยงกันอย่างนั้น และถ้ามองในภาพใหญ่ คำว่ามหากาพย์คงไม่ใช่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งต้องไปดูเรื่องของกฎหมายและระเบียบการ วันนี้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานอนุกรรมการชุดพิจารณาข้อกฎหมายคดีนี้ ก็มารายงานขั้นตอนในคดีความ และการร้องเรียนด้วย
"มีอะไรที่หละหลวมอยู่พอสมควร เมื่อได้ความจริงมาแล้ว ก็ต้องสั่งตั้งคณะกรรมการทำงานในส่วนนี้ทั้ง 5 ประเด็น เพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่ให้เสียกฎหมาย เพราะอย่าลืมว่าคดีนี้เป็นเพียงหนึ่ง โดยในหลายแสนคดีที่เขาไม่มีปัญหาอะไร ก็ตั้งมากมาย ไม่ใช่ระบบเราล้มเหลวทั้งหมด ผมว่าบกพร่องด้วยคนนั่นแหละ"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้นำแฟ้มเอกสารสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมประเด็นความเร็วรถ และแจ้งข้อหาเพิ่มฐานเสพยาเสพติด คดีนายวรยุทธ มาส่งมอบให้นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา , นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และนายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดี
นายอิทธพรกล่าวว่า จะขออ่านสำนวนที่พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ส่งมาก่อนว่ามีการสอบสวนเพิ่มเติม ครบถ้วนตามที่ได้มีคำสั่งไปหรือไม่ และจะสามารถมีความเห็นทางคดีหรือจะต้องสอบสวนเพิ่มอีกหรือไม่ ซึ่งคณะทำงานฯ จะพิจารณาอย่างละเอียด ไม่มีกรอบระยะเวลา แต่คณะทำงานจะทำงานโดยเร็ว ทำโดยละเอียดรอบคอบ และจะมีคำตอบให้ได้ภายในเดือนหน้า