xs
xsm
sm
md
lg

ประเทศไทยกับขีปนาวุธพิสัยกลางสหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


ขีปนาวุธพิสัยกลางของสหรัฐฯ
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องลองหันไปว่ากันเรื่องอาวุธ หรือขีปนาวุธ น่าจะเหมาะกว่า โดยเฉพาะขีปนาวุธประเภท “พิสัยกลาง” หรือ “Intermediate-range missiles” อะไรประมาณนั้น ที่มีข่าวมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่าคุณพ่ออเมริกาท่านกำลังคิดเอามาติดตั้งไว้แถวๆ ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และกำลังมองหา สอดส่ายสายตา ว่าจะมีประเทศใด “ใจถึง” หรือไม่ ประการใด???...

คือไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่ออกจะลึกลับซับซ้อน ถึงขั้นที่ทำให้กลุ่มก้อน องค์กร บางกลุ่ม บางรายในบ้านเรา ซึ่งจะใช้ชื่อว่าอะไร? ก็จำไม่ได้ซะแล้ว ถึงกับต้องออกมารวมตัว รวมตีน แม้อาจมีอยู่แค่ไม่กี่ตีนก็ตาม เพื่อแสดงการปฏิเสธและคัดค้าน ไม่ต้องการให้นำ“อาวุธมหาประลัย” เหล่านี้ มาติดตั้งไว้ในเมืองไทยโดยเด็ดขาด ส่วนจะเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร หนักไปทางคิดมาก หรือคิดเล็ก-คิดน้อย หรือไม่ ประการใด อันนั้น...คงต้องไปวินิจฉัย ใคร่ครวญพิจารณากันเอาเอง แต่อย่างน้อย...น่าจะเป็นอะไรที่ “เก๋” กว่า “ม็อบปลดแอก” ของพวกเด็กๆ อยู่ตามสมควร คือไม่ต้องเสียเวลาไปประชาธิปตง ประชาธิปไตย อะไรมาก ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่าง...ทำท่าอาจใกล้ถึงเวลา “ฉิบหาย” หรือใกล้ช่วงเวลาแห่งการ “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” อีกไม่ใกล้-ไม่ไกล...

เพราะนอกเหนือไปจากนั้น...คือช่วงวันศุกร์ (21 ส.ค.) ที่ผ่านมานี่เอง ถึงขั้นที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน “นายZhao Lijian” ยังอดไม่ได้ต้องออกมาป่าวประกาศแบบเสียงดัง-ฟังชัด ไปถึง “ใครก็ตาม” หรือ “ประเทศใดก็ตาม” ที่คิดเปิดพื้นที่ เปิดดินแดนให้กับการติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ไม่ว่าด้วยความโง่มาก โง่น้อย ความไม่ฉลาดใดๆ ก็แล้วแต่ อันเป็นสิ่งที่กระทรวงกลาโหมอเมริกา ได้แสดงความปรารถนาและความต้องการเอามากๆ ระดับ “กระเหี้ยนกระหือรือ” ก็ว่าได้ มาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว หรือหลังจากสหรัฐฯ ได้ถอนตัว ได้ฉีกพันธสัญญาการจำกัดขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate Nuclear Forces Treaty-INF) ลงไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว การสอดส่ายสายตาเพื่อหาสถานที่ตั้ง “ฐานขีปนาวุธพิสัยกลาง” ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จึงเริ่มเป็นจริง-เป็นจัง เป็นเรื่อง-เป็นราว มาตั้งแต่บัดนั้น ถึงขั้นรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ “นายมาร์ค เอสเปอร์” ต้องออกเดินสายเยือนประเทศโน้น ประเทศนี้ ไม่ว่าญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย ฯลฯ พร้อมคำป่าวประกาศว่า พยายามติดตั้งฐานขีปนาวุธดังกล่าวภายในช่วงระยะเวลาอันรวดเร็วให้จงได้ และนั่นยังไม่รวมไปถึงการเดินทางมาเยือนประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ไม่ว่าโดยผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ ไปจนถึงทหารอเมริกันกว่าร้อยนาย ที่เข้ามาโต๋ๆ เต๋ๆ อยู่ในบ้านเราช่วงนี้...

ส่วนถ้าจะถามว่าทำไม? หรือเพราะเหตุใด? ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐฯ ถึงได้ “กระเหี้ยนกระหือรือ” เอามากๆ ในการคิดจะติดตั้งฐานขีปนาวุธดังกล่าวไว้ในเอเชีย-แปซิฟิก โดยคำตอบง่ายๆ แต่ต้องถือเป็นคำตอบแบบ “พูดอีก-ก็ถูกอีก” อะไรทำนองนั้น ก็คือเอาไว้รับมือ กดดัน หรือเผชิญหน้ากับประเทศคุณพี่จีนนั่นเอง เพราะว่ากันว่า...นับจากประเทศพญามังกรเขาได้ประดิษฐ์คิดค้น ติดตั้งขีปนาวุธระดับร้ายกาจและร้ายแรงเอามากๆ คือจรวด “DF-21” และ “DF-26” เข้าประจำการในกองทัพเป็นที่เรียบร้อย เฉพาะแค่ “สมญานาม” ของขีปนาวุธชนิดนี้ ก็ต้องเรียกว่า...ฟังแล้ว “หนาวว์ว์ว์” เอามากๆ คือถูกเรียกขานกันในนาม “นักฆ่าเรือบรรทุกเครื่องบิน” (Carrier Killers) อะไรประมาณนั้น ชนิดไม่ว่าเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ ในทะเลญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไปจนเกาะกวม ฯลฯ โน่นเลย เมื่อไหร่ที่ต้องเจอกับอาวุธชนิดนี้ ย่อมมีสิทธิเป็นไปตามที่หน่วยงานวิจัยด้านอาวุธของออสเตรเลีย เขาเคยให้ข้อสรุปไว้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ว่าอาจถึงขั้น “หายเกลี้ยง” ไปจากน่านน้ำ หรือจากทุกหน่วยบัญชาการ ภายในช่วงเวลาแค่ไม่กี่นาที หรือไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง...

การเร่งพัฒนาขีปนาวุธพิสัยกลาง หรือขีปนาวุธที่มีรัศมีทำการประมาณ 500-5,000 กิโลเมตร หลังฉีกสนธิสัญญา “INF” ลงไปเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ถือแต่เป็นเพียงการ “กดดัน” ประเทศคู่แข่งมหาอำนาจอย่างคุณพี่จีน ที่ผงาดขึ้นมาหายใจรดต้นคอตัวเองในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณีเท่านั้น แต่ยังถือเป็นการ “ปกป้องและคุ้มครอง” แสนยานุภาพของอเมริกา ที่จำเป็นต้องออกมาแสดง “บัตรสมาชิกสมาคมเสือก” ไปตลอดทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ ด้วยเหตุเพราะอานุภาพของขีปนาวุธดังกล่าว ออกจะมี “ข้อได้เปรียบ” กว่าขีปนาวุธประเภทข้ามฟ้า ข้ามทวีป หรือประเภท “พิสัยไกล” ทั้งหลาย ที่หนักไปทางเอาไว้ “ขู่” หรือไว้อวดโชว์บารมีเป็นแท่งๆ ด้ามๆ แต่แทบไม่ต่างไปจากสากกะเบือด้ามยาว เทียบไม่ได้กับขีปนาวุธพิสัยกลางที่มีคุณลักษณะอันประกอบไปด้วย 1. มีระยะการเดินทางสั้นกว่า 2. ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสเตรียมตัวรับมือลำบาก 3. การขจัดกวาดล้าง (intercept) ทำได้ยากกว่า 4. อาจติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ด้วย และ 5. ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าขีปนาวุธประเภทข้ามทวีปทั้งหลาย ฯลฯ เป็นต้น...

แต่ “ปัญหา” ก็มีอยู่ว่า...จะเอาไปติดตั้ง หรือไปประจำการไว้ ณ พื้นที่ หรือ ณ ดินแดน แห่งใด ที่มีรัศมีทำการใกล้กับ “เป้าหมาย” ของฝ่ายตรงกันข้ามได้แบบเป็นจริง เป็นจัง โดยถ้าว่ากันตามข้อสรุปของ “Zhao Weibin” นักวิจัยด้านการทหารขององค์กรอย่าง “PLA Academy of Military Science” พื้นที่ที่ออกจะมีความเหมาะสม สอดคล้อง เป็นอันดับต้นๆ คงประกอบไปด้วยพื้นที่ในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ มาเป็นอันดับหนึ่ง รองไปจากนั้น หรือพื้นที่อันดับสอง น่าจะได้แก่เกาะมาเรียนา เกาะกวม หมู่เกาะปาเลา ไปจนถึงออสเตรเลีย ส่วนอันดับสุดท้าย...อาจต้องถอยไปไกลถึงแถวๆ เกาะฮาวาย ไม่ก็อะแลสกา ไปโน่นเลย...

แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ประเภทดีหนึ่ง ประเภทหนึ่ง หรือดีสอง ประเภทสอง ไม่ว่าญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ไปจนถึงออสเตรเลีย ฯลฯ ต่างออกอาการ “ปากไม่กล้าและขาสั่น” ไปด้วยกันทั้งสิ้น หรือแทบไม่มีประเทศใดที่คิดจะตอบสนองความต้องการของคุณพ่ออเมริกาเอาเลยแม้แต่นิด ขณะรัฐบาลญี่ปุ่นออกอาการอ้ำๆ อึ้งๆ บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ชื่อดังอย่าง “Mainichi Shimbun” กลับออกมาระบุไว้ชัด ว่าไม่เพียงแต่ก่อให้เกิด “อันตรายร้ายแรง” ต่อประเทศญี่ปุ่น ยังอาจส่งผลให้ให้เกิด “การแข่งขันทางอาวุธ” ขึ้นในภูมิภาค อันเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นไม่ปรารถนาโดยเด็ดขาด ขณะที่โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ “นายChoi Hyun-soo” ก็ออกมาปฏิเสธเช่นเดียวกัน รวมทั้งหนังสือพิมพ์ “JoongAng Daily” ถึงกับระบุว่าการติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางสหรัฐฯ อาจก่อให้เกิดการเผชิญหน้ากับจีนหนักซะยิ่งกว่าการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธที่เรียกว่า“THADD” หลายต่อหลายเท่า ส่วนผู้นำฟิลิปปินส์ ออกมา “ฟันธง” แบบเต็มผืน เต็มด้ามช่วงปลายปีที่แล้ว ว่าสิ่งเหล่านี้ “จะไม่มีทางเกิดขึ้น” ในฟิลิปปินส์โดยเด็ดขาด หรือแม้กระทั่งประเทศผู้ช่วยนายอำเภออย่างออสเตรเลีย ยังหนีไม่พ้นต้อง “อมสากกะเบือ” ไว้ประมาณ 2 ด้าม 3 ด้าม เป็นอย่างน้อย ฯลฯ...

คือสรุปว่า...แทบไม่มีประเทศใดๆ เอาเลย ที่คิดตอบสนองความปรารถนาทางยุทธศาสตร์ของคุณพ่ออเมริกา เพราะไม่เพียงต้องทวนกระแสกระบวนการควบคุมอาวุธระดับนานาชาติ ต้องบั่นทอน ทำลาย “ความไว้วางใจ” ตลอดทั่วทั้งภูมิภาค แต่ยังถือเป็นการ “ยั่วส้นตีน” โดยตรงต่อประเทศจีน อย่างชนิดหนักหนาสาหัสเอามากๆ โดยเฉพาะเมื่อโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมาระบุไว้ล่วงหน้าเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า... “เราขอเตือนไปยังชาติแปซิฟิกทั้งหลาย ให้สุขุมไตร่ตรอง และรับรู้ถึงเจตนาเบื้องหลังของความเคลื่อนไหวเหล่านี้ หยุดที่จะกระทำตัวเป็นเจ้าจำนำให้กับสหรัฐฯ เพราะความพยายามใดๆ ในการวางแผนติดตั้งขีปนาวุธดังกล่าว จะต้องถูกตอบโต้จากจีนในระดับที่เหมาะสมตามความจำเป็น” นี่...เจอเข้ากับคำเตือนระดับนี้ ยังไงๆ คงต้อง “แฉลบออกข้าง” เอาไว้ก่อนนั่นแหละ ถึงจะเข้าท่าที่สุด โดยเฉพาะประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา เพราะออกจะน่าขนลุก ขนพอง ซะยิ่งกว่าการ “ชู 3 นิ้ว” ของพวกเด็กๆ ประมาณร้อยเท่า พันเท่า เห็นจะได้...




กำลังโหลดความคิดเห็น