xs
xsm
sm
md
lg

ชาติต้องมาก่อนพรรค

เผยแพร่:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


พลเอกคอลิน พาวเวลล์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ
ท่ามกลางการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในสหรัฐฯ ซึ่งยังรักษาแชมป์ที่ยังแย่ที่สุดในโลก ทั้งยอดคนตายเกือบ 2 แสน และยอดคนติดเชื้อ (ป่วย) ถึง 5.5 ล้านคน แต่ทั้งสองพรรคใหญ่ (เดโมแครตและรีพับลิกัน) ก็ต้องเดินหน้าคัดเลือกผู้สมัครเข้าแข่งขันเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตามเวลาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

พรรคเดโมแครตลงมติจะจัดประชุมใหญ่ครั้งนี้ในรูปแบบประชุมทางออนไลน์ เพื่อหลีกเลี่ยงผู้แทนพรรคจำนวนเรือนหมื่นต้องมาอัดกันอยู่ในหอประชุมใหญ่ จะได้ไม่แพร่เชื้อจนต้องป่วยกันมากยิ่งขึ้น

ตรงข้าม-พรรครีพับลิกัน...จนถึงนาทีเกือบสุดท้าย...ยืนยันจะจัดประชุมแบบตัวเป็นๆ ร่วมประชุม (in-person) ถึงขนาดทะเลาะกับเมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา ที่ได้ไปตกลงจองหอประชุมใหญ่และโรงแรมไว้จัดงานช้าง เพราะทางผู้ว่าฯ เขายืนยันไม่ให้จัดงานแบบแออัดโดยให้ลดขนาดลง เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ...และทรัมป์ได้ตัดสินใจย้ายไปจัดสดๆ ที่เมืองแจ็กสันวิลล์ ที่รัฐฟลอริดาแทน...

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาฯ ทางเดโมแครตก็เปิดงาน โดยถ่ายทอดสดเป็นเวลา 2 ชม. และจะทำทุกคืนเป็นเวลา 4 คืนถึงพฤหัสฯ ที่ 20 สิงหานี้

ส่วนพรรครีพับลิกัน ตกลงจะจัดแบบไม่แออัดที่ฟลอริดา

คืนเปิดงานของเดโมแครต เขาตั้งชื่อธีมว่า “We the People-หรือพวกเราเหล่าประชาชน” ซึ่งเป็นการนำเอาคำพูดที่ย้ำมากๆ ในคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ เสมือนหนึ่งกำลังต่อสู้กับเผด็จการทรัมป์ (ที่ครองทำเนียบขาวอยู่ และบริหารแผ่นดินแบบเผด็จการทำตามใจชอบมากขึ้นทุกที ประหนึ่งเป็นมุสโสลินีหรือฮิตเลอร์ทีเดียว) เช่นที่คนอเมริกันกำลังสู้กับจักรวรรดิอังกฤษ ภายใต้การปกครองของกษัตริย์อังกฤษที่คุมขุมกำลังกองทัพให้มากดขี่และปราบประชาชนในอาณานิคมใหม่ที่ทวีปอเมริกา

คณะกรรมการพรรคเดโมแครต-ได้จัดให้เหล่าคู่แข่งของโจ ไบเดน ออกมาให้การสนับสนุนโจ ซึ่งก็มากันแทบทั้งหมด รวมทั้งคู่แข่งสำคัญคือ ส.ว.เบอร์นีย์ แซน เดอร์ส และ ส.ว.อลิซาเบธ วอร์เรน

แล้วยังนำเอาคู่แข่งของกมลา แฮร์ริส ในแผงรายชื่อที่คณะกรรมการคัดเลือกของโจ ไบเดน ได้ตั้งขึ้นได้มาพูดสนับสนุนทั้งโจ ไบเดน และกมลา แฮร์ริส อย่างน่าสนใจ

ยังมีการนำเอาตัวแทนเหล่าประชาชนคนเดินดินของอเมริกา มาพูดสนับสนุนให้ผู้ชมทางบ้านให้คะแนนเลือกไบเดน และแฮร์ริส เข้าทำเนียบขาว

มีผู้หญิงคนหนึ่งออกมาบรรยายถึงการตายพ่อของเธอที่เป็นคนสูงอายุผิวขาว ต้องตายด้วยโควิดอย่างที่ทำให้เธอเจ็บใจมาก เพราะเธอบอกว่า พ่อตายเพราะมีโรคประจำตัวที่น่ากลัวยิ่งก่อนติดเชื้อโควิด แต่ไม่ใช่โรคความดันโลหิตสูง, โรคอ้วน, โรคหัวใจ, โรคทางเดินหายใจ, โรคเบาหวาน แต่พ่อเป็นโรครักทรัมป์แบบสุดจิตสุดใจ และเชื่อในทุกๆ คำพูดของทรัมป์ โดยเฉพาะคือ การไม่ต้องระมัดระวังการติดเชื้อโควิด พ่อเชื่ออย่างนั้นจริงๆ จึงปล่อยปละละเลยอย่างที่ทรัมป์ได้โกหกไว้ว่า โรคนี้มันไม่ร้ายแรง...ซึ่งพ่อของเธอก็เลยติดเชื้ออย่างรุนแรงในเมื่อไม่ได้ป้องกันตัวเองเลย และเพิ่งตายไป ซึ่งเธอเน้นว่าพ่อตายเพราะเชื่อคำโกหกของทรัมป์นั่นเอง หลงคารมทรัมป์จนภัยมาถึงตนเอง

คนเดินดินอีกคน คือ เกษตรกรอเมริกันที่เพาะปลูกอยู่กลางประเทศ และต้องสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะหนี้ที่ไปกู้กับธนาคารสูงเกินกว่าจะชดใช้ให้ธนาคาร สาเหตุคือ ธัญพืชที่เขาปลูกเพื่อส่งไปขายให้ประเทศจีน ถูกจีนขึ้นกำแพงภาษีตอบโต้ที่ทรัมป์ไปเริ่มประกาศสงครามการค้ากับจีน เมื่อ 3 ปีก่อน และขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจำนวนมหาศาลที่ผลิตมาจากจีน ทำให้เกษตรกรเดินดินผู้นี้ ที่เคยขายธัญพืชส่งออกไปจีน เจอปัญหาขายพืชผลของตนไม่ได้เลย ปริมาณผลิตที่กำลังขยายตัวก็โดนพิษกำแพงภาษีสูงของจีน และทำให้กิจการของเขาล้มละลาย เขาเจ็บปวดมากกับการบริหารการค้าของทรัมป์ ถึงแม้ตอนหลังรัฐบาลทรัมป์ยอมเจ็บเนื้อโดยเจียดงบประมาณเป็นแสนล้าน เพื่อเข้าอุดหนุนพืชผลเกษตรกรฐานเสียงของตน แต่ก็ไม่ทันการณ์ หรืองบนั้นยังน้อยกว่าเงินที่พวกเกษตรกรอเมริกันได้รับจากการขายสินค้าเกษตร ด้วยราคางามไปยังจีน

เกษตรกรผู้นี้บอกว่า เขาและเพื่อนๆ ได้ลงคะแนนให้ทรัมป์เมื่อปี 2016 แต่จะไม่ยอมเด็ดขาดที่จะทำผิดอีกเป็นครั้งที่ 2 คือวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ เขาจะลงคะแนนให้โจ ไบเดน

และนับเป็นครั้งแรกที่บนเวทีการประชุมใหญ่คัดเลือกผู้สมัครพรรคไปแข่งเลือกตั้งปธน. ของพรรคเดโมแครตได้เชิญเอา... คนสำคัญของพรรครีพับลิกัน ทั้งที่เคยเป็นผู้สมัครของรีพับลิกัน, ผู้บริหารพรรค, หรือผู้สนับสนุนการเงินแก่รีพับลิกัน... มาเปิดใจพูดสนับสนุนโจ ไบเดน

คืนแรกนี้มี 4 คนนำโดย อดีต ส.ส., ส.ว.ของพรรครีพับลิกัน และตำแหน่งล่าสุดคือ อดีตผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ ซึ่งเป็นรีพับลิกันที่เป็นขวา-กลางที่มีชื่อเสียงมาก คือ John Kasich ซึ่งได้ออกมาวิจารณ์การบริหารของทรัมป์อยู่เนืองๆ เพราะแม้เขาเป็นรีพับลิกัน แต่เขาเห็นว่า “ชาติต้องมาก่อนพรรค” คือ ถ้าคนของพรรคเองบริหารบ้านเมืองจนเกิดการแตกแยก, เกลียดชัง และมีผลประโยชน์ทับซ้อนมากมาย รวมทั้งการบริหารที่ผิดพลาดมากเรื่องโรคระบาดโควิด เขาจึงตัดสินใจมาขึ้นเวทีประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต เพื่อประกาศว่า ทุกคนต้องไปลงคะแนนเพื่อเปลี่ยนผู้นำไม่ให้ทรัมป์กลับมาในรอบ 2 ซึ่งจะเกิดความเสียหายมากต่อชาติ...นับเป็นยุทธวิธีที่แหลมคมมากของพรรคเดโมแครต ที่ย้อนเกล็ดรีพับลิกันได้อย่างสาสมในครั้งนี้

John Kasich ไม่ได้มาคนเดียวจากรีพับลิกันในเวทีสำคัญครั้งนี้ แต่ยังมีอดีต ส.ส.และผู้สมัครสำคัญๆ ของรีพับลิกันอีก 3 คน เป็นผู้หญิงเก่งๆ ทั้งนั้น หนึ่งในนั้นคือ Meg Whitman อดีตซีอีโอหญิงคนเก่งและแกร่งของฮิวเลตต์-แพคการ์ด ซึ่งเคยลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ ของรัฐแคลิฟอร์เนียในนามพรรครีพับลิกัน และยังมีอดีตผู้ว่ารัฐนิวเจอร์ซีย์ และ ผอ.สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ Christine Todd Whitman และอดีต ส.ส.พรรครีพับลิกันแห่งรัฐนิวยอร์ก คือ Susan Molinari

พวกเขาคือ ผู้นำรีพับลิกันที่หันหลังให้แก่ทรัมป์ เพราะได้เห็นฝีมือและพฤติกรรมของทรัมป์ในขณะบริหารประเทศมา 4 ปี ซึ่งรับไม่ไหวทนไม่ได้อีกต่อไป แม้พวกเขายังเชื่อมั่นในแนวทางรีพับลิกันที่ว่า ขนาดรัฐบาลต้องไม่ใหญ่ (ให้เอกชนบริหารได้ดีกว่าให้รัฐเข้ามาควบคุม) แต่เขาไม่ต้องการทรัมป์ให้อยู่ต่ออีก 4 ปี เพราะบ้านเมืองจะยิ่งพังพินาศมากเกินแก้นั่นเอง

ในคืนที่ 2 (วันอังคาร) ก็ยังมีผู้นำรีพับลิกันมาร่วมเวทีสนับสนุนโจ ไบเดน อีกหลายคน เช่น อดีต ผบ.ส.ส.ของกองกำลังร่วมสหรัฐฯ และอดีตรมต.ต่างประเทศผิวดำคนแรกของสหรัฐฯ คือ พลเอกคอลิน พาวเวลล์ ซึ่งพูดอย่างเต็มปากว่าจะไปลงคะแนนให้โจ ไบเดน เพื่อให้ชาติอเมริกันกลับมาสมานสามัคคีกันอีกครั้ง รวมทั้งเพื่อร่วมกลุ่มกับพันธมิตรของอเมริกัน ที่ได้เคยร่วมกันมาตลอด (มาขาดกันก็สมัยทรัมป์ นี่แหละ) คือ สหภาพยุโรป เป็นต้น

และยังมีอดีตรมต.กลาโหม เป็นอดีต ส.ส.รีพับลิกันชั้นนำ คือ Chuck Hagel ก็ขึ้นเวทีสนับสนุนโจ ไบเดน

ชาวรีพับลิกันชั้นนำเหล่านี้ เห็นการบริหารชาติที่เหลวแหลก ท้าตีท้าต่อย, สร้างความแตกแยกในชาติ, รับมือกับโควิดอย่างผิดหลักรุนแรง รวมทั้งแตกแยกกับพันธมิตรนานาชาติของสหรัฐฯ ชนิดแทบจะมองหน้ากันไม่ติด และยังหันไปคบกับชาติศัตรู (รัสเซีย) อย่างไม่ลืมหูลืมตา, สร้างสงครามการค้ากับจีนแทนการเจรจาไปสู่การรอมชอม เป็นต้น

พวกเขามองเห็นผลประโยชน์ของชาติมีความสำคัญมากกว่าการหลับหูหลับตาสนับสนุนตัวแทนของพรรคที่กำลังนำพาชาติไปสู่หายนะ


กำลังโหลดความคิดเห็น