ผู้จัดการรายวัน360-คณะทำงานอัยการชุดรื้อคดี “บอส กระทิงแดง” สั่งตำรวจสอบเพิ่ม 2 หลักฐานใหม่ “ความเร็วรถ-เสพโคเคน” ขีดเส้นให้เสร็จภายในวันที่ 20 ส.ค.นี้ “ศรีสุวรรณ”ยื่นคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เอาผิดวินัย-ไล่ออกราชการ “เนตร นาคสุข” มือสั่งไม่ฟ้องคดี สตช.แย้มกรณีตำรวจไม่แย้งคำสั่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง พบมีคนทำผิดกฎหมาย “อรรถพล” ยันไม่เคยมีใครติดต่อให้ถ้อยคำ แต่ถ้าเชิญมาพร้อมไป “วิษณุ”สบช่องใช้วิกฤตคดีบอสปฏิรูปกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (10 ส.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา , นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส กรณีขับรถเฟอรารี่พุ่งชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต
นายประยุทธกล่าวว่า หลังจากคณะทำงานได้ชี้แจงผลการตรวจการพิจารณาคดี เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2563 และอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานพิจารณาเพื่อพิจารณาคำสั่งคดีอาญา จำนวน 6 คน โดยมีนายอิทธิพร เป็นหัวหน้าคณะทำงาน มีนายชาญชัย เป็นรองคณะทำงาน มีหน้าที่เรียกสำนวนคดีดังกล่าวเพื่อพิจารณา สั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมหรือส่งพยานคนใดมาให้ซักถาม และหากปรากฏว่ามีพยานหลักฐานใหม่ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อพิจารณาสั่งคดีต่อไป
สั่งสอบ 2 ประเด็น “สปีดรถ-โคเคน”
นายอิทธิพรกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ และตำรวจไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้อง เป็นผลให้คดีห้ามมิให้ทำการสอบสวนในเรื่องเดียวกันอีก เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่ ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงในเรื่องความเร็วรถ และกรณีพบสารโคเคน สามารถทำให้ศาลลงโทษได้ จึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมโดยด่วน และให้จัดส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมภายในวันที่ 20 ส.ค.2563
ทั้งนี้ ในประเด็นความเร็วรถ ให้สอบสวน ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งคำนวณความเร็วรถได้ที่ 177 กม./ชม. และ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ความเร็ว 126 กม./ชม. และให้สอบสวนนายกสภาวิศวกรหรือผู้ได้รับมอบหมาย ในประเด็นว่าใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ขาดต่อใบอนุญาตจริงหรือไม่ การขาดต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรจะมีผลต่อการทำเอกสารรับรองการคำนวณความเร็วของรถยนต์ที่นายวรยุทธขับมากน้อยเพียงใด การคำนวณความเร็วของรถยนต์มีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด
ส่วนกรณีผลการตรวจร่างกายของนายวรยุทธพบสารโคเคน ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 คดีจึงมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีในความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคน) เข้าสู่ร่างกาย โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 แต่พนักงานยังไม่ได้ดำเนินคดีข้อหานี้กับนายวรยุทธ คณะทำงานจึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายวรยุทธ เป็นคดีใหม่ต่อไปตามกฎหมาย
ชงก.อ.สอบวินัย-ไล่ออก “เนตร นาคสุข”
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) สั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ในทุกข้อกล่าวหา และพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลเพิกถอนหมายจับในคดีขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตในปี 2555 โดยโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงฝ่ายอัยการแถลงยืนยันว่า อสส.มีคำสั่งไม่ฟ้องจริงนั้น ล่าสุดคณะทำงานตรวจสอบกรณีอัยการไม่สั่งฟ้องนายวรยุทธ ที่แต่งตั้งโดย อสส. ระบุคำสั่งไม่ฟ้องว่าเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด แต่พบพยานหลักฐานเพิ่มเติมใน 2 ประเด็น คือ ความเร็วรถและยาเสพติด ที่สามารถดำเนินคดีต่อได้ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมว่า เป็นการช่วยเหลือฝ่ายอัยการด้วยกันหรือไม่
ทั้งนี้ ปรากฏว่านายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ได้ออกมาเปิดเผยพร้อมทำหนังสือบันทึกข้อความถึง อสส. 6 ข้อ ยืนยันคำสั่ง นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ไม่ฟ้องนายวรยุทธว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลังจากที่ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อดีต อสส. เคยมีคำสั่งยุติการร้องขอความเป็นธรรมไปเเล้ว ดังนั้น นายเนตร นาคสุข รองอสส.ที่ได้รับมอบหมาย หรือปฏิบัติราชการแทน ไม่มีอำนาจสั่งคดีดังกล่าว หาก อสส.ไม่ได้มีคำสั่งใด คำสั่งฟ้องของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ก็ยังคงใช้บังคับอยู่เช่นเดิม แต่ถ้า อสส.สั่งให้พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมอีกครั้งหนึ่ง อสส.ก็มีอำนาจสั่งยุติการพิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมหรือสั่งสอบสวนเพิ่มเติม หรือกลับคำสั่งฟ้องตามความเห็นเดิมเป็นสั่งไม่ฟ้องก็ได้ตามดุลพินิจที่เห็นว่าถูกต้องเหมาะสมและสอดคล้องกับพยานหลักฐานในสำนวน
ดังนั้น สมาคมฯ จะร้องเรียนต่อคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ที่จะมีการประชุมกันในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ 2553 ม.30(8) เพื่อดําเนินการทางวินัยนายเนตร นาคสุข และการสั่งให้ข้าราชการฝ่ายอัยการคนดังกล่าวออกจากราชการตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายข้างต้นจนถึงที่สุด หากกรณีนี้เป็นไปตามที่ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ได้ทำหนังสือท้วงติงถึง อสส. เพราะอาจขัดระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยจะไปยื่นคำร้องเรียนในวันที่ 11 ส.ค.63 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ อาคาร A ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่
สตช.ยันคดีนี้มีคนทำผิดกฎหมาย
พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่แย้งคำสั่งอัยการที่ไม่ฟ้องนายวรยุทธ ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต กล่าวว่า คณะกรรมการฯ อยู่ระหว่างเร่งพิจารณาสรุปผลการตรวจสอบ โดยเบื้องต้นพบว่ามีผู้กระทำผิดกฎหมาย จะผิดมากผิดน้อย ขอให้รอผลสรุป ส่วนรายงานชี้แจงกรณีไม่เห็นแย้งคำสั่งอัยการ จาก พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ลงนามคำสั่ง ยังไม่ส่งเอกสาร แต่เมื่อได้เอกสารต่างๆ ครบถ้วน จะเสนอผลการตรวจสอบต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณา คาดว่าไม่เกิน วันที่ 13 ส.ค.2563
“อรรถพล”ยันไม่เคยมีใครติดต่อให้ถ้อยคำ
นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา คดีนี้ ยังไม่เคยมีกรรมการชุดไหนเชิญไปให้ถ้อยคำหรือชี้เเจงในช่องทางการสื่อสารทางใด ไม่ว่าจะเป็นจดหมายหรือโทรศัพท์ เเละสื่อต่างๆ โดยที่มีข่าวออกมาว่ามีการเชิญเเล้ว ตนไม่ไปชี้เเจงนั้น ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่หลังจากนี้ หากคณะกรรมการ หรือ กมธ.ตรวจสอบคดีนายวรยุทธชุดใดที่ตั้งขึ้นเเละมีคำสั่งชอบด้วยกฎหมายเชิญมา ตนก็ยินดีที่จะเข้าไปให้ถ้อยคำ
“วิษณุ”ชี้ใช้วิกฤตคดีบอสปฏิรูปกฎหมาย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ระบุว่า การร้องขอความเป็นธรรมกับการอำนวยความยุติธรรมคดีนายวรยุทธ ถูกนำมาเป็นเหตุผลถ่วงคดี จึงเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ว่า หากกรรมการชุดใหญ่ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน เห็นชอบและส่งมาที่รัฐบาล ก็จะมีน้ำหนักในรัฐบาลเพื่อพิจารณา เพราะการพิจารณาเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ต้องฟังความเห็นคณะทำงานด้วย ไม่ใช่โหนกระแส แต่ถ้าไม่มีกรณีศึกษาเกิดขึ้นจะเหมือนตีตนไปก่อนไข้ พูดไปก็ยังไม่มีใครเชื่อ เมื่อมีกรณีเกิดขึ้นจะขับเคลื่อนง่าย การปฏิรูปทุกอย่างบนโลกนี้จะเกิดขึ้นยาก นอกจากจะมีตัวเร่ง โดยสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ที่พูดเรื่องปฏิรูประบบราชการเกิดขึ้น เพราะประเทศไทยเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ จึงรู้สึกว่ามีแรงกดดัน วันนี้พูดถึงการปฏิรูปเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถือว่าวิกฤติเป็นโอกาส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (10 ส.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา , นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส กรณีขับรถเฟอรารี่พุ่งชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต
นายประยุทธกล่าวว่า หลังจากคณะทำงานได้ชี้แจงผลการตรวจการพิจารณาคดี เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2563 และอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานพิจารณาเพื่อพิจารณาคำสั่งคดีอาญา จำนวน 6 คน โดยมีนายอิทธิพร เป็นหัวหน้าคณะทำงาน มีนายชาญชัย เป็นรองคณะทำงาน มีหน้าที่เรียกสำนวนคดีดังกล่าวเพื่อพิจารณา สั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมหรือส่งพยานคนใดมาให้ซักถาม และหากปรากฏว่ามีพยานหลักฐานใหม่ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อพิจารณาสั่งคดีต่อไป
สั่งสอบ 2 ประเด็น “สปีดรถ-โคเคน”
นายอิทธิพรกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ และตำรวจไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้อง เป็นผลให้คดีห้ามมิให้ทำการสอบสวนในเรื่องเดียวกันอีก เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่ ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงในเรื่องความเร็วรถ และกรณีพบสารโคเคน สามารถทำให้ศาลลงโทษได้ จึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมโดยด่วน และให้จัดส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมภายในวันที่ 20 ส.ค.2563
ทั้งนี้ ในประเด็นความเร็วรถ ให้สอบสวน ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งคำนวณความเร็วรถได้ที่ 177 กม./ชม. และ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ความเร็ว 126 กม./ชม. และให้สอบสวนนายกสภาวิศวกรหรือผู้ได้รับมอบหมาย ในประเด็นว่าใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ขาดต่อใบอนุญาตจริงหรือไม่ การขาดต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรจะมีผลต่อการทำเอกสารรับรองการคำนวณความเร็วของรถยนต์ที่นายวรยุทธขับมากน้อยเพียงใด การคำนวณความเร็วของรถยนต์มีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด
ส่วนกรณีผลการตรวจร่างกายของนายวรยุทธพบสารโคเคน ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 คดีจึงมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีในความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคน) เข้าสู่ร่างกาย โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 แต่พนักงานยังไม่ได้ดำเนินคดีข้อหานี้กับนายวรยุทธ คณะทำงานจึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายวรยุทธ เป็นคดีใหม่ต่อไปตามกฎหมาย
ชงก.อ.สอบวินัย-ไล่ออก “เนตร นาคสุข”
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) สั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ในทุกข้อกล่าวหา และพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลเพิกถอนหมายจับในคดีขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตในปี 2555 โดยโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงฝ่ายอัยการแถลงยืนยันว่า อสส.มีคำสั่งไม่ฟ้องจริงนั้น ล่าสุดคณะทำงานตรวจสอบกรณีอัยการไม่สั่งฟ้องนายวรยุทธ ที่แต่งตั้งโดย อสส. ระบุคำสั่งไม่ฟ้องว่าเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด แต่พบพยานหลักฐานเพิ่มเติมใน 2 ประเด็น คือ ความเร็วรถและยาเสพติด ที่สามารถดำเนินคดีต่อได้ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมว่า เป็นการช่วยเหลือฝ่ายอัยการด้วยกันหรือไม่
ทั้งนี้ ปรากฏว่านายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ได้ออกมาเปิดเผยพร้อมทำหนังสือบันทึกข้อความถึง อสส. 6 ข้อ ยืนยันคำสั่ง นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ไม่ฟ้องนายวรยุทธว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลังจากที่ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อดีต อสส. เคยมีคำสั่งยุติการร้องขอความเป็นธรรมไปเเล้ว ดังนั้น นายเนตร นาคสุข รองอสส.ที่ได้รับมอบหมาย หรือปฏิบัติราชการแทน ไม่มีอำนาจสั่งคดีดังกล่าว หาก อสส.ไม่ได้มีคำสั่งใด คำสั่งฟ้องของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ก็ยังคงใช้บังคับอยู่เช่นเดิม แต่ถ้า อสส.สั่งให้พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมอีกครั้งหนึ่ง อสส.ก็มีอำนาจสั่งยุติการพิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมหรือสั่งสอบสวนเพิ่มเติม หรือกลับคำสั่งฟ้องตามความเห็นเดิมเป็นสั่งไม่ฟ้องก็ได้ตามดุลพินิจที่เห็นว่าถูกต้องเหมาะสมและสอดคล้องกับพยานหลักฐานในสำนวน
ดังนั้น สมาคมฯ จะร้องเรียนต่อคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ที่จะมีการประชุมกันในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ 2553 ม.30(8) เพื่อดําเนินการทางวินัยนายเนตร นาคสุข และการสั่งให้ข้าราชการฝ่ายอัยการคนดังกล่าวออกจากราชการตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายข้างต้นจนถึงที่สุด หากกรณีนี้เป็นไปตามที่ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ได้ทำหนังสือท้วงติงถึง อสส. เพราะอาจขัดระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยจะไปยื่นคำร้องเรียนในวันที่ 11 ส.ค.63 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ อาคาร A ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่
สตช.ยันคดีนี้มีคนทำผิดกฎหมาย
พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่แย้งคำสั่งอัยการที่ไม่ฟ้องนายวรยุทธ ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต กล่าวว่า คณะกรรมการฯ อยู่ระหว่างเร่งพิจารณาสรุปผลการตรวจสอบ โดยเบื้องต้นพบว่ามีผู้กระทำผิดกฎหมาย จะผิดมากผิดน้อย ขอให้รอผลสรุป ส่วนรายงานชี้แจงกรณีไม่เห็นแย้งคำสั่งอัยการ จาก พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ลงนามคำสั่ง ยังไม่ส่งเอกสาร แต่เมื่อได้เอกสารต่างๆ ครบถ้วน จะเสนอผลการตรวจสอบต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณา คาดว่าไม่เกิน วันที่ 13 ส.ค.2563
“อรรถพล”ยันไม่เคยมีใครติดต่อให้ถ้อยคำ
นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา คดีนี้ ยังไม่เคยมีกรรมการชุดไหนเชิญไปให้ถ้อยคำหรือชี้เเจงในช่องทางการสื่อสารทางใด ไม่ว่าจะเป็นจดหมายหรือโทรศัพท์ เเละสื่อต่างๆ โดยที่มีข่าวออกมาว่ามีการเชิญเเล้ว ตนไม่ไปชี้เเจงนั้น ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่หลังจากนี้ หากคณะกรรมการ หรือ กมธ.ตรวจสอบคดีนายวรยุทธชุดใดที่ตั้งขึ้นเเละมีคำสั่งชอบด้วยกฎหมายเชิญมา ตนก็ยินดีที่จะเข้าไปให้ถ้อยคำ
“วิษณุ”ชี้ใช้วิกฤตคดีบอสปฏิรูปกฎหมาย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ระบุว่า การร้องขอความเป็นธรรมกับการอำนวยความยุติธรรมคดีนายวรยุทธ ถูกนำมาเป็นเหตุผลถ่วงคดี จึงเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ว่า หากกรรมการชุดใหญ่ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน เห็นชอบและส่งมาที่รัฐบาล ก็จะมีน้ำหนักในรัฐบาลเพื่อพิจารณา เพราะการพิจารณาเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ต้องฟังความเห็นคณะทำงานด้วย ไม่ใช่โหนกระแส แต่ถ้าไม่มีกรณีศึกษาเกิดขึ้นจะเหมือนตีตนไปก่อนไข้ พูดไปก็ยังไม่มีใครเชื่อ เมื่อมีกรณีเกิดขึ้นจะขับเคลื่อนง่าย การปฏิรูปทุกอย่างบนโลกนี้จะเกิดขึ้นยาก นอกจากจะมีตัวเร่ง โดยสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ที่พูดเรื่องปฏิรูประบบราชการเกิดขึ้น เพราะประเทศไทยเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ จึงรู้สึกว่ามีแรงกดดัน วันนี้พูดถึงการปฏิรูปเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถือว่าวิกฤติเป็นโอกาส