คนไทยคุ้นเคยและนิยมใช้ “ไลน์” เป็นเครื่องมือสื่อสาร ทักทาย พูดคุย ส่งรูปให้กันผ่านอินเทอร์เน็ต
คนจีนบนแผ่นดินใหญ่ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีนใช้ WeChat นอกจากใช้ส่งข้อความให้กันและกันแล้ว ยังใช้จ่ายเงินซื้อของตามห้าง จ่ายค่าอาหาร จองตั๋วรถไฟ จองตั๋วเครื่องบิน เรียกแท็กซี่ ทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าไลน์
WeChat ยังเป็นสะพานเชื่อม คนจีน 1 พันกว่าล้านคนกับโลกภายนอก เพราะจีน สร้างกำแพงเมือง-The Great Firewall of Chinal-ล้อมรอบโลกโซเชียลในประเทศ ปิดกั้นคนจีนไม่ให้ใช้เฟซบุ๊ก, วอทแอพ, กูเกิล ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นของบริษัทอเมริกา คนจีนในต่างประเทศ จะติดต่อสื่อสารกับญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงที่บ้านเกิดต้องใช้ WeChat เท่านั้น
ดังนั้น เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ห้ามคนที่อยู่ในสหรัฐฯ และบริษัทองค์กรต่างๆ “ทำธุรกรรม” กับ เทนเซ็นต์ บริษัทจีนเจ้าของแอพพลิเคชั่น WeCahat และ TikTok ซึ่งเป็นแอพคลิปวิดีโอสั้นของจีนเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ห้ามทันที โดยกำหนดว่า เมื่อครบ 45 วันหลังจากนี้ คือประมาณปลายเดือนกันยายนจึงจะแบน จึงทำให้คนจีนทั้งในและที่อยู่ต่างประเทศ ตกใจกับข่าวนี้มาก
ไม่ได้ตกใจกับการแบน TikTok เพราะข่าวการแบน TikTok ในสหรัฐฯ ทรัมป์ พูดมาก่อนหน้านี้แล้ว และ TikTok เป็นแอพสำหรับการโพสต์คลิปท่าเต้น ร้องเพลงสั้นๆ ที่นิยมกันเฉพาะคนรุ่นใหม่ เด็กวัยรุ่นเท่านั้น แต่ตื่นตระหนกเป็นกังวลกับการแบน WeChat ในสหรัฐฯ เพราะมันหมายถึงช่องทางการสื่อสารของคนจีนในอเมริกา ทั้งที่มาเรียน มาทำงาน มาตั้งถิ่นฐานกับญาติพี่น้อง เพื่อนที่บ้านเกิดจะถูกตัดขาด ชุมชน สังคมออนไลน์ที่ทุกคนเชื่อมโยงกันด้วย WeChat ถึงคราวล่มสลาย ถึงแม้ว่า ทรัมป์ยังไม่ได้เจาะจงชัดเจนว่า “การทำธุรกรรม” กับ WeChat ที่จะโดนแบนนั้นหมายถึงอะไร ถอดแอพพลิเคชั่น WeChat ออกจากร้านออนไลน์ แอปเปิล สโตร์ และกูเกิล เพลย์ ห้ามอัพเกรดเวอร์ชันใหม่ๆ หรือไปไกลถึงปิดกั้นการเข้าถึง เหมือนที่จีนบล็อกเฟซบุ๊ก กูเกิลฯ ยังไม่มีใครรู้
โจว หยิน เฟง ผู้สื่อข่าวบีบีซีภาษาจีนที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เขียนบทความลงในเว็บไซต์บีบีซี ถึงเรื่องนี้ เขากล่าวในตอนหนึ่งว่า
“ทันทีหลังจากคำสั่งประธานาธิบดีทรัมป์ถูกประกาศออกไป ข้อความจำนวนมาก หลั่งไหลเข้ามาใน WeChat ของผม เพื่อนๆ ที่อเมริกา และคนอันเป็นที่รักของพวกเขา รู้สึกตื่นตกใจมาก พวกเขาอยู่ห่างกันหลายพันไมล์ แต่มีคำถามเดียวกันว่า แล้วเราจะติดต่อกันได้อย่างไร หลังจาก WeChat ถูกแบนในอเมริกา
สำหรับคนที่มีความสัมพันธ์ในทางใดทางหนึ่งกับจีน เป็นเรื่องที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ใช้ WeChat
การบล็อก WeChat ของอเมริกา จะถูกมองว่า เป็นการโจมตีวัฒนธรรมประชาชน และรัฐจีน ถ้ามีการบล็อกอย่างเต็มรูปแบบ ก็จะเป็นหายนะของคนที่มีครอบครัว เพื่อน หรือธุรกิจในจีน
ในขณะที่การโต้ตอบแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ได้กลายเป็น “นิว นอร์มัล” ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนไปแล้ว แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้ จะตัดขาดการติดต่อสื่อสารระดับประชาชนถึงประชาชนของประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดสองประเทศ
ทรัมป์อ้างว่า แอพพลิเคชั่นจีนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในสหรัฐฯ คุกคามต่อความมั่นคง นโยบายต่างประเทศ และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
คำสั่งแบน TikTok และ WeChat ของทรัมป์ เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุด ในความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ระอุขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากทรัมป์ใช้เวลาไปพักใหญ่กับการแก้ตัวให้กับความล้มเหลวในการรับมือกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอเมริกา ซึ่งจนถึงวันนี้ ดูเหมือนว่า สถานการณ์จะอยู่ในขั้น “เอาไม่อยู่” แล้ว
ในขณะที่เหลือเวลาอีกราวๆ 100 วันเท่านั้นเอง ที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน การสำรวจคะแนนนิยมของสำนักต่างๆ ทรัมป์ เป็นรอง โจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงต้องทำทุกอย่าง เพื่อเรียกคะแนนกลับคืนมา
จีน คือ เหยื่อที่เขาเลือกการตอบโต้อย่างรุนแรง ทั้งด้วยวาทกรรม และการเล่นงานบริษัทเทคโนโลยีของจีน เป็นกลยุทธ์ที่ทีมงานของทรัมป์ใช้ เพื่อทำให้คนอเมริกันเห็นว่า มีแต่โดนัลด์ ทรัมป์คนเดียวเท่านั้น ที่ต่อกรกับจีนอย่างไม่ลดราวาศอก และเป็นฝ่ายรุกก่อน
เป้าหมายเร่งด่วนเฉพาะหน้า คือ การชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี กับเป้าหมายสกัดกั้นจีนไม่ให้เป็นผู้ชนะการแข่งขันชิงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 5 จี ถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อนหน้านี้ หัวเว่ยถูกขึ้นบัญชีดำห้ามบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ขายสินค้าให้ สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด หัวเว่ยไม่สามารถใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ของกูเกิลได้ ทำให้หัวเว่ยต้องเร่งพัฒนาระบบปฏิบัติการของตนเองขึ้นมา
การแบน WeChat หากเกิดขึ้นจริงในอีก 45 วันข้างหน้า คือ จุดเริ่มต้นของการแบ่งแยกโลกอินเทอร์เน็ตออกเป็นค่ายตะวันตก ที่มีเฟซบุ๊ก, กูเกิล, ทวิตเตอร์ ฯลฯ เป็นแอพพลิเคชั่นหลัก กับโลกหลังม่านไม้ไผ่ที่ใช้ WeChat ก่อนหน้านี้ ถึงแม้จีนจะบล็อกเฟซบุ๊ก, กูเกิล, ทวิตเตอร์มานานแล้ว แต่ในอเมริกาและที่อื่นๆ ทั่วโลก ยังมี WeChat เป็นสะพานเชื่อม แต่ถ้าสหรัฐฯ ทำแบบจีนบล็อก WeChat บ้าง โลกอินเทอร์เน็ตก็จะถูกแบ่งแยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด