เอเจนซีส์ – กรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน ได้รับความเสียหายหนักหน่วง พื้นที่บริเวณกว้างขวางราบเป็นหน้ากลอง หลังโกดังเก็บสารแอมโมเนียมไนเตรทเกือบ 3,000 ตันระเบิดสยอง ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน และบาดเจ็บราว 4,000 คน คาดตัวเลขการสูญเสียยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ขณะที่ผู้ไร้ที่อยู่ชั่วคราวอาจสูงถึง 3 แสนคน ด้านทรัมป์ยังเมาสงครามก่อการร้าย อ้างลอยๆ เหตุคราวนี้เป็นการถูกโจมตี
เหตุระเบิดที่โกดังจัดเก็บวัตถุระเบิดแรงสูงในท่าเรือเมื่อวันอังคาร (4 ส.ค.) ครั้งนี้ ถือเป็นการระเบิดรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีที่เกิดขึ้นในกรุงเบรุต ขณะที่เลบานอนกำลังเผชิญทั้งวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้คนครึ่งค่อนประเทศต้องลำบากยากจน และทั้งวิกฤตโรคโควิด-19 ระบาด
ประธานาธิบดีมิเชล อูน แถลงว่า สารแอมโมเนียมไนเตรทที่ใช้ผลิตปุ๋ยและระเบิดจำนวน 2,750 ตันถูกจัดเก็บไว้ที่ท่าเรือมานาน 6 ปีโดยไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และสำทับว่า จะเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินในวันพุธ (5)
อูนยังประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศนาน 3 วัน และเตรียมอนุมัติกองทุนฉุกเฉิน 100,000 ล้านลีรา (66 ล้านดอลลาร์)
แม้เจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดการระเบิด แต่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงและสื่อรายงานว่า สาเหตุมาจากการที่คนงานเข้าไปเชื่อมช่องโหว่ในโกดังแห่งนั้น
จามาล อิตานิ นายกเทศมนตรีเบรุต กล่าวระหว่างเดินทางไปตรวจสอบความเสียหายที่คาดว่า มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ว่า “สภาพเหมือนพื้นที่สงคราม นี่คือหายนะสำหรับเบรุตและเลบานอน”
ขณะที่ มาระวัน อับบุด ผู้ว่าการเบรุตบอกว่า “สถานการณ์โลกาวินาศ” ซึ่งเกิดขึ้นครั้งนี้อาจทำให้ประชาชนถึง 300,000 คนกลายเป็นคนไร้ที่อยู่ชั่วคราว และจะทำให้ประเทศต้องมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์
จอร์จ เคตตานิ ผู้อำนวยการสภากาชาดเลบานอน คาดว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 100 คน โดยก่อนหน้านี้เขาให้สัมภาษณ์ว่า สภากาชาดกำลังประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อสร้างห้องเก็บศพเนื่องจากโรงพยาบาลต่างๆ ขณะนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 ล้นอยู่แล้ว นอกจากนั้นสภากาชาดยังเรียกร้องให้ประชาชนรีบไปบริจาคโลหิต
การระเบิดที่เกิดขึ้นหลังเวลา 18.00 น. เล็กน้อย ยังทำให้เกิดไฟไหม้ในย่านท่าเรือ เปลวไฟสีส้มสว่างไสวท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืน และเสียงไซเรนรถพยาบาลดังระงมทั่วกรุงเบรุต ขณะที่เสียงระเบิดได้ยินไปทั่วไซปรัสที่อยู่ห่างออกไปถึง 160 กิโลเมตร
ผู้บาดเจ็บที่ยังงุนงงเดินร้องไห้ไปตามถนนที่คละคลุ้งด้วยฝุ่นและควัน ท่ามกลางซากปรักหักพังของตึกราม รถยนต์ และเฟอร์นิเจอร์ เพื่อขอความช่วยเหลือและค้นหาญาติ บางคนเล่าว่า ถูกแรงระเบิดกระเด็นไปไกลหลายเมตร ทำให้นึกถึงเหตุระเบิดสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันเมื่อปี 1983
ทางด้านนายกรัฐมนตรีฮัสซัน ดิอาบ ให้สัญญาว่า จะติดตามตัวผู้รับผิดชอบเหตุระเบิดโกดังวัตถุอันตรายนี้มาลงโทษ
อับบาส อิบราฮิม ผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า วัตถุอันตรายดังกล่าวถูกยึดมาเมื่อหลายปีก่อนและจัดเก็บไว้ในโกดังแห่งนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลจากย่านช้อปปิ้งและแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนของเบรุต
ทางด้านสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันในกรุงเบรุตเตือนพลเมืองให้ระมัดระวังสารพิษที่ฟุ้งกระจายจากการระเบิด โดยขอให้อยู่ภายในอาคารและสวมหน้ากากป้องกัน
คลิปเหตุการณ์การระเบิดที่เผยแพร่บนโลกโซเชียลเผยให้เห็นกลุ่มควันขนาดใหญ่ลอยขึ้นเหนือบริเวณท่าเรือตามด้วยการระเบิดรุนแรงที่ปล่อยลูกไฟและควันสีขาวพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า รวมทั้งแรงสั่นสะเทือนที่ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหววัดความแรงได้ 3.3 ซึ่งทำให้กระจกหน้าต่างอาคารทั่วเมืองแตกเสียหาย โดยคลิปดังกล่าวถ่ายจากตึกสูงที่อยู่ห่างจากท่าเรือราว 2 กิโลเมตร
สภากลาโหมแห่งชาติประกาศให้เบรุตเป็นเขตภัยพิบัติ และนายกฯดิอาบขอให้บรรดาพันธมิตรอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือเลบานอน
นานาชาติ ทั้งประเทศในอ่าวเปอร์เซีย ฝรั่งเศส อเมริกา หรือแม้แต่ศัตรูของเลบานอนอย่างอิสราเอล ต่างแสดงความเสียใจและหยิบยื่นความช่วยเหลือ
ที่ทำเนียบขาว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า อเมริกาพร้อมให้ความช่วยเหลือเลบานอน และเสริมว่า เหตุระเบิดดังกล่าวอาจเป็นการโจมตีที่ร้ายแรง ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวซักถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเวลาต่อมา ผู้นำสหรัฐฯ ตอบว่า ทหารระดับนายพลบางคนบอกตนแบบนั้น
อย่างไรก็ดี ทางด้านกระทรวงกลาโหมบอกให้ผู้สื่อข่าวนำคำถามนี้ไปถามทำเนียบขาวแทน ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สองคนที่ไม่ประสงค์เผยชื่อบอกว่า ไม่แน่ใจว่า ทรัมป์ได้รับข้อมูลมาจากไหน แต่ข้อมูลเบื้องต้นไม่บ่งชี้ว่า เป็นการโจมตีแต่อย่างใด ก่อนสำทับว่า เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
เหตุระเบิดที่โกดังจัดเก็บวัตถุระเบิดแรงสูงในท่าเรือเมื่อวันอังคาร (4 ส.ค.) ครั้งนี้ ถือเป็นการระเบิดรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีที่เกิดขึ้นในกรุงเบรุต ขณะที่เลบานอนกำลังเผชิญทั้งวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้คนครึ่งค่อนประเทศต้องลำบากยากจน และทั้งวิกฤตโรคโควิด-19 ระบาด
ประธานาธิบดีมิเชล อูน แถลงว่า สารแอมโมเนียมไนเตรทที่ใช้ผลิตปุ๋ยและระเบิดจำนวน 2,750 ตันถูกจัดเก็บไว้ที่ท่าเรือมานาน 6 ปีโดยไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และสำทับว่า จะเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินในวันพุธ (5)
อูนยังประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศนาน 3 วัน และเตรียมอนุมัติกองทุนฉุกเฉิน 100,000 ล้านลีรา (66 ล้านดอลลาร์)
แม้เจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดการระเบิด แต่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงและสื่อรายงานว่า สาเหตุมาจากการที่คนงานเข้าไปเชื่อมช่องโหว่ในโกดังแห่งนั้น
จามาล อิตานิ นายกเทศมนตรีเบรุต กล่าวระหว่างเดินทางไปตรวจสอบความเสียหายที่คาดว่า มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ว่า “สภาพเหมือนพื้นที่สงคราม นี่คือหายนะสำหรับเบรุตและเลบานอน”
ขณะที่ มาระวัน อับบุด ผู้ว่าการเบรุตบอกว่า “สถานการณ์โลกาวินาศ” ซึ่งเกิดขึ้นครั้งนี้อาจทำให้ประชาชนถึง 300,000 คนกลายเป็นคนไร้ที่อยู่ชั่วคราว และจะทำให้ประเทศต้องมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์
จอร์จ เคตตานิ ผู้อำนวยการสภากาชาดเลบานอน คาดว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 100 คน โดยก่อนหน้านี้เขาให้สัมภาษณ์ว่า สภากาชาดกำลังประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อสร้างห้องเก็บศพเนื่องจากโรงพยาบาลต่างๆ ขณะนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 ล้นอยู่แล้ว นอกจากนั้นสภากาชาดยังเรียกร้องให้ประชาชนรีบไปบริจาคโลหิต
การระเบิดที่เกิดขึ้นหลังเวลา 18.00 น. เล็กน้อย ยังทำให้เกิดไฟไหม้ในย่านท่าเรือ เปลวไฟสีส้มสว่างไสวท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืน และเสียงไซเรนรถพยาบาลดังระงมทั่วกรุงเบรุต ขณะที่เสียงระเบิดได้ยินไปทั่วไซปรัสที่อยู่ห่างออกไปถึง 160 กิโลเมตร
ผู้บาดเจ็บที่ยังงุนงงเดินร้องไห้ไปตามถนนที่คละคลุ้งด้วยฝุ่นและควัน ท่ามกลางซากปรักหักพังของตึกราม รถยนต์ และเฟอร์นิเจอร์ เพื่อขอความช่วยเหลือและค้นหาญาติ บางคนเล่าว่า ถูกแรงระเบิดกระเด็นไปไกลหลายเมตร ทำให้นึกถึงเหตุระเบิดสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันเมื่อปี 1983
ทางด้านนายกรัฐมนตรีฮัสซัน ดิอาบ ให้สัญญาว่า จะติดตามตัวผู้รับผิดชอบเหตุระเบิดโกดังวัตถุอันตรายนี้มาลงโทษ
อับบาส อิบราฮิม ผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า วัตถุอันตรายดังกล่าวถูกยึดมาเมื่อหลายปีก่อนและจัดเก็บไว้ในโกดังแห่งนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลจากย่านช้อปปิ้งและแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนของเบรุต
ทางด้านสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันในกรุงเบรุตเตือนพลเมืองให้ระมัดระวังสารพิษที่ฟุ้งกระจายจากการระเบิด โดยขอให้อยู่ภายในอาคารและสวมหน้ากากป้องกัน
คลิปเหตุการณ์การระเบิดที่เผยแพร่บนโลกโซเชียลเผยให้เห็นกลุ่มควันขนาดใหญ่ลอยขึ้นเหนือบริเวณท่าเรือตามด้วยการระเบิดรุนแรงที่ปล่อยลูกไฟและควันสีขาวพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า รวมทั้งแรงสั่นสะเทือนที่ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหววัดความแรงได้ 3.3 ซึ่งทำให้กระจกหน้าต่างอาคารทั่วเมืองแตกเสียหาย โดยคลิปดังกล่าวถ่ายจากตึกสูงที่อยู่ห่างจากท่าเรือราว 2 กิโลเมตร
สภากลาโหมแห่งชาติประกาศให้เบรุตเป็นเขตภัยพิบัติ และนายกฯดิอาบขอให้บรรดาพันธมิตรอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือเลบานอน
นานาชาติ ทั้งประเทศในอ่าวเปอร์เซีย ฝรั่งเศส อเมริกา หรือแม้แต่ศัตรูของเลบานอนอย่างอิสราเอล ต่างแสดงความเสียใจและหยิบยื่นความช่วยเหลือ
ที่ทำเนียบขาว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า อเมริกาพร้อมให้ความช่วยเหลือเลบานอน และเสริมว่า เหตุระเบิดดังกล่าวอาจเป็นการโจมตีที่ร้ายแรง ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวซักถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเวลาต่อมา ผู้นำสหรัฐฯ ตอบว่า ทหารระดับนายพลบางคนบอกตนแบบนั้น
อย่างไรก็ดี ทางด้านกระทรวงกลาโหมบอกให้ผู้สื่อข่าวนำคำถามนี้ไปถามทำเนียบขาวแทน ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สองคนที่ไม่ประสงค์เผยชื่อบอกว่า ไม่แน่ใจว่า ทรัมป์ได้รับข้อมูลมาจากไหน แต่ข้อมูลเบื้องต้นไม่บ่งชี้ว่า เป็นการโจมตีแต่อย่างใด ก่อนสำทับว่า เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้