รอยเตอร์ - เกิดเหตุระเบิดใหญ่บริเวณท่าเรือใกล้กรุงเบรุตของเลบานอนเมื่อวานนี้ (4 ส.ค.) โดยแรงระเบิดได้ก่อเกิดคลื่นช็อกเวฟทำกระจกหน้าต่างแตกกระจาย พื้นดินสั่นสะเทือนทั่วเมืองหลวง และอาคารบ้านเรือนพังเสียหายยับเยินเป็นวงกว้าง เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 78 ศพ บาดเจ็บอีกร่วม 4,000 คน
เจ้าหน้าที่เลบานอนคาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะพุ่งสูงขึ้นอีก ในขณะที่หน่วยกู้ภัยยังคงค้นหาตามซากปรักหักพังเพื่อช่วยเหลือผู้ที่รอดชีวิตและเก็บกู้ศพ
เหตุระเบิดคราวนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบหลายปีสำหรับกรุงเบรุต ซึ่งกำลังเผชิญทั้งวิกฤตเศรษฐกิจและตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่พุ่งสูงขึ้น
ประธานาธิบดี มิเชล อูน แห่งเลบานอน ระบุว่า สารแอมโมเนียมไนเตรตราว 2,750 ตันถูกเก็บเอาไว้ที่ท่าเรือแห่งนี้มานาน 6 ปี โดยปราศจากมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเห็นว่า “รับไม่ได้” พร้อมสั่งเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นการด่วนในวันนี้ (5) และเตรียมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 2 สัปดาห์
จอร์จ เก็ตตานี ประธานสภากาชาดเลบานอน ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็น “หายนะรุนแรง และมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายอยู่ทุกหนแห่ง”
หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นเมื่อเวลาหลัง 18.00 น.เล็กน้อย ไฟได้ลุกไหม้บริเวณท่าเรือต่อมาอีกหลายชั่วโมง ขณะที่เสียงเฮลิคอปเตอร์และไซเรนรถพยาบาลดังสนั่นทั่วทั้งเมือง
โรงพยาบาลในกรุงเบรุตเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บจากแรงระเบิด โดยเจ้าหน้าที่การแพทย์หญิงคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า แผนกฉุกเฉินในโรงพยาบาลของเธอมีคนบาดเจ็บถูกส่งมารักษา 200-300 คน ซึ่งเป็นสถานการณ์ขั้นเลวร้ายที่เธอ “ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน”
นายกรัฐมนตรี ฮัสซัน ดิอาบ ยืนยันผ่านสื่อโทรทัศน์ว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นกับโกดังสินค้าอันตราย “จะต้องมีคนรับผิดชอบ” พร้อมประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศในวันนี้ (5) ขณะที่สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเบรุตแถลงเตือนเรื่องก๊าซพิษจากการระเบิด พร้อมเตือนให้ประชาชนเก็บตัวอยู่ในอาคารและสวมใส่หน้ากากหากสามารถทำได้
จากคลิปเหตุการณ์ซึ่งถูกแชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เผยให้เห็นกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือท่าเรือ ตามหลังการระเบิดซึ่งก่อให้เกิดลูกไฟขนาดใหญ่และกลุ่มเมฆสีขาว ผู้ที่ถ่ายคลิปจากบนอาคารสูงซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 2 กิโลเมตรระบุว่าพวกเขาโดนแรงอัดจากคลื่นช็อกเวฟจนหงายหลังเลยทีเดียว
เจ้าหน้าที่เลบานอนยังไม่ระบุสาเหตุที่แน่ชัดของการระเบิดครั้งนี้ แต่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเผยกับสื่อท้องถิ่นว่าขณะเกิดเหตุมีคนงานกำลังเชื่อมโลหะอยู่ที่โกดังดังกล่าว
โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 3 วันก่อนที่ศาลพิเศษของสหประชาชาติจะนัดอ่านคำพิพากษาในคดีผู้ต้องหากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ 4 คนซึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดฆ่าตัวตายเมื่อปี 2005 ซึ่งทำให้อดีตนายกรัฐมนตรี ราฟิก อัล-ฮาริรี และเหยื่ออีก 21 คนเสียชีวิต