ตำรวจจับกุม “เบนซ์ เรซซิ่ง” กับพวกรวม 7 คน รวมกลุ่มซิ่ง จยย.กลางดึก ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เจ้าตัวอ้างแค่ไปกินข้าวกับเพื่อนในกลุ่มย่านดอนเมือง ปฏิเสธข้อหาฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่รับผิดอว้นในช่องทางด่วน ก่อน ตร.อนุญาตให้ประกันตัว
วานนี้ (25 มิ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า เมื่อ 02.00 น. วันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วิภาวดี จับกุม นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง อายุ 30 ปี กับพวกรวม 7 คน ยึดจักรยานยนต์ จำนวน 7 คัน โดย 1 ใน 7 คันนั้น ติดสติกเกอร์ว่า “BENZ Racing” และมีอีก 1 คันที่ไม่มีป้ายทะเบียน สืบเนื่องจากตำรวจพบพฤติกรรมกลุ่มจักรยานยนต์ทั้ง 7 คัน ขับขี่แข่งกันมาด้วยความเร็ว ในช่องทางด่วน ถ.วิภาวดีรังสิต โดยจับกุมได้บริเวณโรงแรมรามาการ์เด้นส์
เบื้องต้นได้ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, มั่วสุมกระทำกิจกรรมให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค และความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร ฐานขับรถโดยประมาทหวาดเสียว ก่อนส่งให้ พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง รับไปดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาที่มีเยาวชนอายุ 14 ปี รวมอยู่ด้วย ได้แยกดำเนินคดีต่างหากแล้ว ซึ่งกรณีนี้จะต้องประสานผู้ปกครองมาสอบสวนด้วยว่า ได้ปล่อยปละละเลยให้ร่วมกระทำความผิดด้วยหรือไม่ เบื้องต้นนายอัครกิตติ์ให้การปฏิเสธ อ้างว่าขับตามกันมาเฉยๆ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ขณะถูกจับกุมนายอัครกิตติ์สวมใส่กำไลอิเล็กทรอนิคส์ (กำไล EM) ที่ข้อเท้า พร้อมคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ยกเว้นว่าศาลจะอนุญาต หลังถูกตัดสินให้มีความผิดในคดีฟอกเงินจากขบวนการยาเสพติดต้องโทษจกคุก 8 ปี ต่อมาได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวระหว่างสู้คดีทำให้ได้รับการประกันตัวออกมา แต่ต้องใส่กำไลดังกล่าวไว้ตลอดเวลา
ด้าน พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ รอง ผกก.สน.วิภาวดี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. พบกลุ่มรถจักรยานยนต์ดังกล่าว ออกจาก ถ.เทวฤทธิ์พันลึก ใกล้คลังสินค้า ดอนเมือง ก่อนจะไปใช้ช่องทางหลัก หรือช่องทางด่วน ถ.วิภาวดีรังสิต โดยขับขี่ด้วยความเร็วสูง จึงประสานตำรวจที่ออกตรวจอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว ขับรถไล่ตามเข้าสกัดจับกุม โดยใช้การขับบีบเส้นทางจากแยกหลักสี่ ไปถึงที่หน้าโรงแรมรามาการ์เด้นส์ จึงสามารถควบคุมตัวได้ทั้งหมด
ต่อมา เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ สน.ทุ่งสองห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายอัครกิตติ์ ทำประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือ เพื่อทำเรื่องขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน โดยได้นายอัครกิตติ์เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ยืนยันไม่ได้รวมตัวเพื่อแข่งรถซิ่ง แต่อยู่ระหว่างจะเดินทางกลับบ้าน หลังจากไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อน ที่ย่านดอนเมือง โดยยืนยันว่า ทั้งหมดกลับบ้านเส้นทางเดียวกัน และขับรถความเร็วปกติ จึงปฏิเสธข้อกล่าวหาฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ตนเองได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในช่องทางหลัก หรือ ช่องทางด่วนถนนวิภาวดีรังสิตจริง จึงยอมรับผิดในส่วนนี้ และระหว่างถูกจับกุม ก็ให้ความร่วมมือตำรวจเป็นอย่างดี
จากนั้น น.ส.สุพรเพ็ญ วรโรจน์เจริญเดช มารดาของนายอัครกิตติ์ ได้เดินทางมาที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อขอประกันตัวนายอัครกิตติ์ กับพวก พร้อมกล่าวแสดงความไม่พอใจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ยอมให้ประกันตัวตั้งแต่ตั้งแต่ต้น ต้องรอจนถึงเช้า อ้างว่าความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีอำนาจ รอกระทั่งช่วงบ่ายทราบว่า จะให้ประกันตัว ต้องใช้หลักทรัพย์คนละ 4 หมื่นบาท จึงเดินทางกลับไปบ้านเอาเงินสดประกันตัวบุตรชาย และเพื่อนอีก 6 คน รวมเป็นเงิน 2.8 แสนบาท จึงได้ประกันตัวออกมาได้ทุกคน
โดย พ.ต.อ.อำนาจ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาทุกคนถูกสอบสวนและทำประวัติเสร็จแล้วและยื่นเอกสารใช้หลักทรัพย์ประกันตัว คนละ 4 หมื่นบาท จึงได้เซ็นอนุญาตให้ประกันตัวออกไป และนัดนำตัวทั้งหมดฟ้องศาลพร้อมกันที่ศาลแขวงดอนเมือง เวลา 10.00 น.วันที่ 26 มิ.ย.นี้
วานนี้ (25 มิ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า เมื่อ 02.00 น. วันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วิภาวดี จับกุม นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง อายุ 30 ปี กับพวกรวม 7 คน ยึดจักรยานยนต์ จำนวน 7 คัน โดย 1 ใน 7 คันนั้น ติดสติกเกอร์ว่า “BENZ Racing” และมีอีก 1 คันที่ไม่มีป้ายทะเบียน สืบเนื่องจากตำรวจพบพฤติกรรมกลุ่มจักรยานยนต์ทั้ง 7 คัน ขับขี่แข่งกันมาด้วยความเร็ว ในช่องทางด่วน ถ.วิภาวดีรังสิต โดยจับกุมได้บริเวณโรงแรมรามาการ์เด้นส์
เบื้องต้นได้ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, มั่วสุมกระทำกิจกรรมให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค และความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร ฐานขับรถโดยประมาทหวาดเสียว ก่อนส่งให้ พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง รับไปดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาที่มีเยาวชนอายุ 14 ปี รวมอยู่ด้วย ได้แยกดำเนินคดีต่างหากแล้ว ซึ่งกรณีนี้จะต้องประสานผู้ปกครองมาสอบสวนด้วยว่า ได้ปล่อยปละละเลยให้ร่วมกระทำความผิดด้วยหรือไม่ เบื้องต้นนายอัครกิตติ์ให้การปฏิเสธ อ้างว่าขับตามกันมาเฉยๆ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ขณะถูกจับกุมนายอัครกิตติ์สวมใส่กำไลอิเล็กทรอนิคส์ (กำไล EM) ที่ข้อเท้า พร้อมคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ยกเว้นว่าศาลจะอนุญาต หลังถูกตัดสินให้มีความผิดในคดีฟอกเงินจากขบวนการยาเสพติดต้องโทษจกคุก 8 ปี ต่อมาได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวระหว่างสู้คดีทำให้ได้รับการประกันตัวออกมา แต่ต้องใส่กำไลดังกล่าวไว้ตลอดเวลา
ด้าน พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ รอง ผกก.สน.วิภาวดี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. พบกลุ่มรถจักรยานยนต์ดังกล่าว ออกจาก ถ.เทวฤทธิ์พันลึก ใกล้คลังสินค้า ดอนเมือง ก่อนจะไปใช้ช่องทางหลัก หรือช่องทางด่วน ถ.วิภาวดีรังสิต โดยขับขี่ด้วยความเร็วสูง จึงประสานตำรวจที่ออกตรวจอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว ขับรถไล่ตามเข้าสกัดจับกุม โดยใช้การขับบีบเส้นทางจากแยกหลักสี่ ไปถึงที่หน้าโรงแรมรามาการ์เด้นส์ จึงสามารถควบคุมตัวได้ทั้งหมด
ต่อมา เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ สน.ทุ่งสองห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายอัครกิตติ์ ทำประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือ เพื่อทำเรื่องขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน โดยได้นายอัครกิตติ์เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ยืนยันไม่ได้รวมตัวเพื่อแข่งรถซิ่ง แต่อยู่ระหว่างจะเดินทางกลับบ้าน หลังจากไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อน ที่ย่านดอนเมือง โดยยืนยันว่า ทั้งหมดกลับบ้านเส้นทางเดียวกัน และขับรถความเร็วปกติ จึงปฏิเสธข้อกล่าวหาฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ตนเองได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในช่องทางหลัก หรือ ช่องทางด่วนถนนวิภาวดีรังสิตจริง จึงยอมรับผิดในส่วนนี้ และระหว่างถูกจับกุม ก็ให้ความร่วมมือตำรวจเป็นอย่างดี
จากนั้น น.ส.สุพรเพ็ญ วรโรจน์เจริญเดช มารดาของนายอัครกิตติ์ ได้เดินทางมาที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อขอประกันตัวนายอัครกิตติ์ กับพวก พร้อมกล่าวแสดงความไม่พอใจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ยอมให้ประกันตัวตั้งแต่ตั้งแต่ต้น ต้องรอจนถึงเช้า อ้างว่าความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีอำนาจ รอกระทั่งช่วงบ่ายทราบว่า จะให้ประกันตัว ต้องใช้หลักทรัพย์คนละ 4 หมื่นบาท จึงเดินทางกลับไปบ้านเอาเงินสดประกันตัวบุตรชาย และเพื่อนอีก 6 คน รวมเป็นเงิน 2.8 แสนบาท จึงได้ประกันตัวออกมาได้ทุกคน
โดย พ.ต.อ.อำนาจ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาทุกคนถูกสอบสวนและทำประวัติเสร็จแล้วและยื่นเอกสารใช้หลักทรัพย์ประกันตัว คนละ 4 หมื่นบาท จึงได้เซ็นอนุญาตให้ประกันตัวออกไป และนัดนำตัวทั้งหมดฟ้องศาลพร้อมกันที่ศาลแขวงดอนเมือง เวลา 10.00 น.วันที่ 26 มิ.ย.นี้