"ศรีสุวรรณ" จ่อร้องนายกฯ ขอเปิดทางรื้อฟื้นคดีทุจริตบ่อบบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ให้ "วัฒนา อัศวเหม" ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ตัวแทนชาวคลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ได้เดินทางมายื่นหนังสือ พร้อมรายชื่อชาวบ้านกว่า 1,000 คน เมื่อกลางเดือนเม.ย.63 ที่ผ่านมา เพื่อร้องขอให้สมาคมฯ ช่วยเป็นธุระเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย ที่ถูกกล่าวหาร่วมกับ อดีตประธานสภา อบต. และสมาชิก อบต.คลองด่าน ว่าใช้อำนาจในทางมิชอบเพื่อให้สภา อบต.คลองด่าน ประชุมให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ซึ่งต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ และมีหนังสือยืนยันแล้วว่าไม่ปรากฏข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไปนั้น
กรณีดังกล่าวเป็นปฐมบทที่นำไปสู่การฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับโครงการบำบัดน้ำเสียรวม จ.สมุทรปราการในหลายๆคดี และมีผู้ถูกฟ้องคดีเป็นจำนวนมาก ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน แต่มีการพุ่งเป้าไปที่การได้มาซึ่งที่ดินในโครงการฯ ทั้งๆ ที่นายวัฒนา มิได้มีชื่อปรากฏในที่ดินเลยแต่อย่างใด แต่เนื่องจากนายวัฒนา เป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียง จึงมีการขยายเรื่องให้เป็นประเด็นทางการเมือง ทั้งๆ ที่ตามข้อเท็จจริง นายวัฒนา มิได้มีส่วนรู้เห็นต่อนิติกรรมใดๆ ที่เกิดขึ้นในกรณีดังกล่าวเลยแต่อย่างใด
ล่าสุด นายวัฒนา ได้ให้คนใกล้ชิดจัดทำหนังสือ “เปิดหัวใจ ลูกผู้ชายที่ชื่อวัฒนา อัศวเหม" แจกจ่ายทั่วไป มีทั้งสิ้น 32 หน้า มีเนื้อหาหาชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับคดีฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน คลองด่าน โดยยืนยันว่า ไม่เคยนำที่ดินไปขายให้กรมควบคุมมลพิษ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน และไม่เคยได้รับเงิน “ค่าโง่”ใดๆ ที่รัฐบาลจ่ายให้กับโครงการนี้ และว่า“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาข้อมูลต่างๆ ถูกปิดบังถูกบิดเบือน ถูกชี้นำจากอำนาจการเมืองในอดีต ทำให้บิดเบี้ยวไปจากความเป็นจริง ทำให้ผมถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ผมจึงอยากขอโอกาสกลับไปแสดงความบริสุทธิ์ ขอให้ผมได้ประกันตัว ผมจะกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง เอาข้อมูลข้อเท็จจริงมาว่ากัน ถ้าผมผิด ผมพร้อมให้ถูกดำเนินคดี ผมจะไม่หนีอีกต่อไป" ซึ่งนายวัฒนา ได้ขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า “ผมหวังเพียงว่านายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประชาชนรัก และเชื่อมั่นในตัวท่าน ว่าท่านเป็นลูกผู้ชาย เป็นคนเที่ยงตรง และมีความยุติธรรมจะเปิดโอกาสให้คนแก่อย่างผมได้กลับบ้าน และเข้าต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง”
ทั้งนี้ สมาคมฯ จึงจะนำความและหลักฐานไปยื่นให้นายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาสั่งการไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อดำเนินการตั้งเรื่องเพื่อเปิดทางให้มีการรื้อฟื้นคดีของนายวัฒนา กลับมาสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง ในวันจันทร์ที่ 22 มิ.ย.63 เวลา 10.30 น. ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ฯ (ตึก กพร.เดิม) ทำเนียบรัฐบาล
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ตัวแทนชาวคลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ได้เดินทางมายื่นหนังสือ พร้อมรายชื่อชาวบ้านกว่า 1,000 คน เมื่อกลางเดือนเม.ย.63 ที่ผ่านมา เพื่อร้องขอให้สมาคมฯ ช่วยเป็นธุระเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย ที่ถูกกล่าวหาร่วมกับ อดีตประธานสภา อบต. และสมาชิก อบต.คลองด่าน ว่าใช้อำนาจในทางมิชอบเพื่อให้สภา อบต.คลองด่าน ประชุมให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ซึ่งต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ และมีหนังสือยืนยันแล้วว่าไม่ปรากฏข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไปนั้น
กรณีดังกล่าวเป็นปฐมบทที่นำไปสู่การฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับโครงการบำบัดน้ำเสียรวม จ.สมุทรปราการในหลายๆคดี และมีผู้ถูกฟ้องคดีเป็นจำนวนมาก ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน แต่มีการพุ่งเป้าไปที่การได้มาซึ่งที่ดินในโครงการฯ ทั้งๆ ที่นายวัฒนา มิได้มีชื่อปรากฏในที่ดินเลยแต่อย่างใด แต่เนื่องจากนายวัฒนา เป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียง จึงมีการขยายเรื่องให้เป็นประเด็นทางการเมือง ทั้งๆ ที่ตามข้อเท็จจริง นายวัฒนา มิได้มีส่วนรู้เห็นต่อนิติกรรมใดๆ ที่เกิดขึ้นในกรณีดังกล่าวเลยแต่อย่างใด
ล่าสุด นายวัฒนา ได้ให้คนใกล้ชิดจัดทำหนังสือ “เปิดหัวใจ ลูกผู้ชายที่ชื่อวัฒนา อัศวเหม" แจกจ่ายทั่วไป มีทั้งสิ้น 32 หน้า มีเนื้อหาหาชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับคดีฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน คลองด่าน โดยยืนยันว่า ไม่เคยนำที่ดินไปขายให้กรมควบคุมมลพิษ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน และไม่เคยได้รับเงิน “ค่าโง่”ใดๆ ที่รัฐบาลจ่ายให้กับโครงการนี้ และว่า“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาข้อมูลต่างๆ ถูกปิดบังถูกบิดเบือน ถูกชี้นำจากอำนาจการเมืองในอดีต ทำให้บิดเบี้ยวไปจากความเป็นจริง ทำให้ผมถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ผมจึงอยากขอโอกาสกลับไปแสดงความบริสุทธิ์ ขอให้ผมได้ประกันตัว ผมจะกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง เอาข้อมูลข้อเท็จจริงมาว่ากัน ถ้าผมผิด ผมพร้อมให้ถูกดำเนินคดี ผมจะไม่หนีอีกต่อไป" ซึ่งนายวัฒนา ได้ขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า “ผมหวังเพียงว่านายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประชาชนรัก และเชื่อมั่นในตัวท่าน ว่าท่านเป็นลูกผู้ชาย เป็นคนเที่ยงตรง และมีความยุติธรรมจะเปิดโอกาสให้คนแก่อย่างผมได้กลับบ้าน และเข้าต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง”
ทั้งนี้ สมาคมฯ จึงจะนำความและหลักฐานไปยื่นให้นายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาสั่งการไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อดำเนินการตั้งเรื่องเพื่อเปิดทางให้มีการรื้อฟื้นคดีของนายวัฒนา กลับมาสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง ในวันจันทร์ที่ 22 มิ.ย.63 เวลา 10.30 น. ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ฯ (ตึก กพร.เดิม) ทำเนียบรัฐบาล