ผู้จัดการรายวัน360-ศบค.รายงานพบผู้ป่วยโควิด 0 ราย ต้อนรับเฟส 4 ไม่มีติดเชื้อในประเทศ 3 สัปดาห์ติดต่อกัน แต่ยังต้องระวังกิจการสีแดงอย่าให้มีติดเชื้อ ย้ำแม้ยกเลิกเคอร์ฟิวแล้ว ต้องใส่หน้ากากป้องกัน ยันปลาแซลมอนกินได้ ส่วนการติดเชื้อในจีน อาจมาจากอุปกรณ์สัมผัสไม่สะอาด “บิ๊กตู่”ขู่ประกาศเคอร์ฟิวอีกรอบ หลังแว๊นป่วนเมือง วอนผู้ปกครอง สังคมร่วมมือ แย้มเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบ “travel bubble” เหตุคุมง่าย “หมอยง” เตือนระวังโควิด-19 กลับมาระบาดช่วงหน้าฝน
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์ประจำวัน ว่า แม้จะยกเลิกเคอร์ฟิวแล้ว แต่การใช้ชีวิตด้วยความปกติแบบใหม่ของเรายังอยู่ภายใต้หน้ากากตลอดเวลา เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งตัวเลขสถิติก็งดงามมาตลอด โดยวานนี้ (15 มิ.ย.) ตัวเลขผู้ป่วยเป็น 0 ราย ทั้งในประเทศและกลับจากต่างประเทศหรือในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ตัวเลขสะสมยืนยัน 3,135 ราย หายกลับบ้าน 2,987 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย รักษาตัวใน รพ. 90 ราย
ทั้งนี้ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อเข้ามาจาก 10 ประเทศสูงสด คือ คูเวต ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย ปากีสถาน ตุรกี รัสเซีย กาตาร์ สหรัฐฯ และเนเธอร์แลนด์ ส่วนตัวเลขเป็น 0 ขณะนี้ครบ 21 วัน หรือ 3 สัปดาห์ ต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันทำมา จนสามารถเปิดกิจการสีขาว สีเขียว สีเหลือง และจะเปิดกิจการกิจกรรมสีแดง ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สูงที่สุด ก็เป็นห่วงกังวลว่าเราจะรักษาสถานภาพปลอดเชื้อนี้ได้ต่อไปหรือไม่ ซึ่งเรามีบทเรียนจากต่างประเทศ เราจะเรียนรู้อย่างไร
ขณะที่สถานการณ์ระดับโลก ป่วยแล้ว 7,988,615 ราย ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1.27 แสนราย สถานการณ์ของโลกตอนนี้ยังเป็นกราฟพุ่งขึ้นตลอด เสียชีวิต 4.35 แสนราย คิดเป็น 5.5%
ทางด้านกรณีการพบผู้ป่วยติดโควิด-19 จากเขียงปลาแซลมอน ในจีน ยืนยันว่า ปลาแซลมอนสามารถกินได้ แต่ขอให้ปรุงสุก และขอให้กินอาหารที่สุก ส่วนการติดเชื้อ เป็นไปได้ ทั้งจากการสัมผัสมือ มีด เขียง อุปกรณ์อื่น แม้ว่าตัวปลาจะสะอาด ถ้ามาอยู่ภาชนะที่ไม่สะอาด ก็มีความเสี่ยงได้ แต่ในไทยยังไม่มีรายงานการติดเชื้อจากกรณีดังกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า หลังจากเลิกเคอร์ฟิว ก็เห็นมีเด็กแว้นออกมาอีกแล้ว นี่คือคนที่ไม่ร่วมมือ ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมดำเนินคดีแล้ว เพราะฉะนั้น สังคมและผู้ปกครองต้องร่วมมือกัน ถ้าขืนทำอย่างนี้ เดี๋ยวก็กลับมาเคอร์ฟิวใหม่ หากทุกคนยังไม่รู้จักควบคุมตนเอง อีกทั้งสถานประกอบการทั้งหมดต้องช่วยกันดูแลตามมาตรการของรัฐ ซึ่งตนขอขอบคุณที่บางแห่งที่มีมาตรการออกมาเพิ่มเติมเอง ถือว่าช่วยชาติ ประชาชน และธุรกิจของตนเอง รัฐบาลดูแลระดับนโยบายในการผ่อนปรนที่ดำเนินการมาตามลำดับจนสถานการณ์ดีกว่าหลายประเทศ แต่ทั้งหมดก็เพราะความร่วมมือของประชาชน
"หากรัฐบาลผ่อนปรนไปแล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ผมถามว่าจะให้ทำอย่างไร หรือให้ทุกอย่างกลับไปอยู่ที่เดิม"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการท่องเที่ยวว่า มี 2 แบบ คือ การท่องเที่ยวในประเทศ และการท่องเที่ยวต่างประเทศ ตอนนี้ที่เรากำลังจะดำเนินการ คือ พื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ โดยให้แนวทาง travel bubble ที่มีกรอบของพื้นที่ว่าพื้นที่ใดสามารถท่องเที่ยวได้บ้าง คนในประเทศไปท่องเที่ยวพื้นที่ตรงนั้น ก็สามารถควบคุมได้ มีความพร้อมหรือไม่ ไม่ว่าจะเมืองหลักหรือเมืองรองก็ต้องมีมาตรการ เพราะมีการเปิดการสัญจรไปมา และต้องมีการดูแลตนเองตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หากเปิดแล้วมีปัญหาขึ้นก็ต้องหยุดไม่ให้ท่องเที่ยวอีก โดยการไปเที่ยวจะต้องไม่สะเปะสะปะไปเรื่อย แต่ต้องไปเที่ยวในจุดที่อนุญาต และสามารถควบคุมได้
เมื่อถามว่า นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเมืองไทยจะต้องกำหนดจำนวนคนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องกำหนดจำนวนคน จำนวนเที่ยวบิน จำนวนเมืองต่อเมืองที่ปลอดภัย ต้องมีกติกาตรงนี้ออกมาเพื่อกำหนดก่อนให้มีการเปิดให้ท่องเที่ยว เราทำลักษณะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ต้องดูว่าต่างประเทศกับประเทศเรามีความร่วมมือกันในเรื่องของความปลอดภัยแบบเมืองต่อเมืองหรือไม่ รัฐบาลคิดละเอียด และนักท่องเที่ยวต้องมีใบรับรองแพทย์ด้วย ถ้าใครรับกติกาได้ก็เที่ยวได้
ส่วนที่มีประชาชนบางส่วนไม่สบายใจที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามานั้น นายกฯ กล่าวว่า ขอให้สื่ออย่าเพิ่งไปขยายความ เพราะตอนนี้ยังไม่ได้อนุญาตให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงการเข้าออกตามด่านชายแดนยังมีความเข้มงวดเหมือนเดิม
วันเดียวกันนี้ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงฤดูฝน ว่า หากระบาดในช่วงนี้ จะทำให้ควบคุมได้ยากกว่าในช่วงฤดูร้อน และเน้นย้ำขอให้ทุกคนยังต้องช่วยกันดูแลตัวเองและคนรอบข้าง พร้อมกับเสนอให้มีการตรวจสอบเชิงลึก ทั้งแรงงานที่กลับประเทศ ชาวประมงที่ออกไปหาปลาไกลถึงอินเดียและอินโดนีเซีย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์ประจำวัน ว่า แม้จะยกเลิกเคอร์ฟิวแล้ว แต่การใช้ชีวิตด้วยความปกติแบบใหม่ของเรายังอยู่ภายใต้หน้ากากตลอดเวลา เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งตัวเลขสถิติก็งดงามมาตลอด โดยวานนี้ (15 มิ.ย.) ตัวเลขผู้ป่วยเป็น 0 ราย ทั้งในประเทศและกลับจากต่างประเทศหรือในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ตัวเลขสะสมยืนยัน 3,135 ราย หายกลับบ้าน 2,987 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย รักษาตัวใน รพ. 90 ราย
ทั้งนี้ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อเข้ามาจาก 10 ประเทศสูงสด คือ คูเวต ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย ปากีสถาน ตุรกี รัสเซีย กาตาร์ สหรัฐฯ และเนเธอร์แลนด์ ส่วนตัวเลขเป็น 0 ขณะนี้ครบ 21 วัน หรือ 3 สัปดาห์ ต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันทำมา จนสามารถเปิดกิจการสีขาว สีเขียว สีเหลือง และจะเปิดกิจการกิจกรรมสีแดง ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สูงที่สุด ก็เป็นห่วงกังวลว่าเราจะรักษาสถานภาพปลอดเชื้อนี้ได้ต่อไปหรือไม่ ซึ่งเรามีบทเรียนจากต่างประเทศ เราจะเรียนรู้อย่างไร
ขณะที่สถานการณ์ระดับโลก ป่วยแล้ว 7,988,615 ราย ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1.27 แสนราย สถานการณ์ของโลกตอนนี้ยังเป็นกราฟพุ่งขึ้นตลอด เสียชีวิต 4.35 แสนราย คิดเป็น 5.5%
ทางด้านกรณีการพบผู้ป่วยติดโควิด-19 จากเขียงปลาแซลมอน ในจีน ยืนยันว่า ปลาแซลมอนสามารถกินได้ แต่ขอให้ปรุงสุก และขอให้กินอาหารที่สุก ส่วนการติดเชื้อ เป็นไปได้ ทั้งจากการสัมผัสมือ มีด เขียง อุปกรณ์อื่น แม้ว่าตัวปลาจะสะอาด ถ้ามาอยู่ภาชนะที่ไม่สะอาด ก็มีความเสี่ยงได้ แต่ในไทยยังไม่มีรายงานการติดเชื้อจากกรณีดังกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า หลังจากเลิกเคอร์ฟิว ก็เห็นมีเด็กแว้นออกมาอีกแล้ว นี่คือคนที่ไม่ร่วมมือ ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมดำเนินคดีแล้ว เพราะฉะนั้น สังคมและผู้ปกครองต้องร่วมมือกัน ถ้าขืนทำอย่างนี้ เดี๋ยวก็กลับมาเคอร์ฟิวใหม่ หากทุกคนยังไม่รู้จักควบคุมตนเอง อีกทั้งสถานประกอบการทั้งหมดต้องช่วยกันดูแลตามมาตรการของรัฐ ซึ่งตนขอขอบคุณที่บางแห่งที่มีมาตรการออกมาเพิ่มเติมเอง ถือว่าช่วยชาติ ประชาชน และธุรกิจของตนเอง รัฐบาลดูแลระดับนโยบายในการผ่อนปรนที่ดำเนินการมาตามลำดับจนสถานการณ์ดีกว่าหลายประเทศ แต่ทั้งหมดก็เพราะความร่วมมือของประชาชน
"หากรัฐบาลผ่อนปรนไปแล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ผมถามว่าจะให้ทำอย่างไร หรือให้ทุกอย่างกลับไปอยู่ที่เดิม"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการท่องเที่ยวว่า มี 2 แบบ คือ การท่องเที่ยวในประเทศ และการท่องเที่ยวต่างประเทศ ตอนนี้ที่เรากำลังจะดำเนินการ คือ พื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ โดยให้แนวทาง travel bubble ที่มีกรอบของพื้นที่ว่าพื้นที่ใดสามารถท่องเที่ยวได้บ้าง คนในประเทศไปท่องเที่ยวพื้นที่ตรงนั้น ก็สามารถควบคุมได้ มีความพร้อมหรือไม่ ไม่ว่าจะเมืองหลักหรือเมืองรองก็ต้องมีมาตรการ เพราะมีการเปิดการสัญจรไปมา และต้องมีการดูแลตนเองตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หากเปิดแล้วมีปัญหาขึ้นก็ต้องหยุดไม่ให้ท่องเที่ยวอีก โดยการไปเที่ยวจะต้องไม่สะเปะสะปะไปเรื่อย แต่ต้องไปเที่ยวในจุดที่อนุญาต และสามารถควบคุมได้
เมื่อถามว่า นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเมืองไทยจะต้องกำหนดจำนวนคนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องกำหนดจำนวนคน จำนวนเที่ยวบิน จำนวนเมืองต่อเมืองที่ปลอดภัย ต้องมีกติกาตรงนี้ออกมาเพื่อกำหนดก่อนให้มีการเปิดให้ท่องเที่ยว เราทำลักษณะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ต้องดูว่าต่างประเทศกับประเทศเรามีความร่วมมือกันในเรื่องของความปลอดภัยแบบเมืองต่อเมืองหรือไม่ รัฐบาลคิดละเอียด และนักท่องเที่ยวต้องมีใบรับรองแพทย์ด้วย ถ้าใครรับกติกาได้ก็เที่ยวได้
ส่วนที่มีประชาชนบางส่วนไม่สบายใจที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามานั้น นายกฯ กล่าวว่า ขอให้สื่ออย่าเพิ่งไปขยายความ เพราะตอนนี้ยังไม่ได้อนุญาตให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงการเข้าออกตามด่านชายแดนยังมีความเข้มงวดเหมือนเดิม
วันเดียวกันนี้ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงฤดูฝน ว่า หากระบาดในช่วงนี้ จะทำให้ควบคุมได้ยากกว่าในช่วงฤดูร้อน และเน้นย้ำขอให้ทุกคนยังต้องช่วยกันดูแลตัวเองและคนรอบข้าง พร้อมกับเสนอให้มีการตรวจสอบเชิงลึก ทั้งแรงงานที่กลับประเทศ ชาวประมงที่ออกไปหาปลาไกลถึงอินเดียและอินโดนีเซีย