ผู้จัดการรายวัน 360 - กองปราบ เผยซุ่มททำคดี "ลุงบุญช่วย" ฮุบที่ธรณีสงฆ์ 3,800 ไร่ ตั้งแต่ปี 61 ก่อนเกิดเหตุยิงกันในศาลจังหวัดจันทบุรี สอบพยานแล้วกว่า 100 ปาก ให้การมัดแน่น เตรียมนำตัวผู้ต้องหาฝากขังผัดแรก วันนี้ (11 มิ.ย.) พร้อมคัดค้านประกันตัว แม้ญาติเตรียมหลักทรัพย์คนละล้านยื่นขอประกันตัว
วานนี้ ( 10 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยถึง ความคืบหน้าคดีนายบุญช่วย เจริญสถาพร อายุ 80 ปี น้องชายของพระกิตติวุฑโฒ ภิกขุ อดีตประธานมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุ และ นายกิตติพงษ์ เจริญสถาพร อายุ 43 ปี บุตรชาย ฮุบที่ดินวัด ว่า ขณะนี้สำนวนคดีมีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 95 เตรียมส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องคดีได้เร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้สอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปแล้วกว่า 100 ปาก ซึ่งส่วนใหญ่ต่างให้การสอดคล้องกันว่า ที่ดินทั้งหมดกว่า 3.8 พันไร่ เป็นของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุที่ชาวบ้านได้ร่วมกันบริจาคเงินซื้อมาจากนายสมพล โกศลานันท์ เจ้าของเดิม ประกอบกับมีเอกสารหลักฐานราชการ รวมถึงหลักฐานเอกสารที่ถูกปลอมแปลงขึ้นมา จึงมั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้มากพอที่จะเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ แม้เบื้องต้นผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ
พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า คดีดังกล่าวทางกองปราบปรามได้เริ่มทำคดีต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 ก่อนจะมีเหตุยิงในศาลจันทบุรี ระหว่างนั้น พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ ยังคงนำหลักฐานต่างๆ เข้ามาให้พนักงานสอบสวนกองปราบอยู่ตลอด ส่วนข้อสงสัยว่าที่ดินว่า 3.8 พันไร่นั้น เป็นที่ดิน สปก.หรือไม่ จากการตรวจสอบพบว่ามีบางส่วนเป็นที่ดินมีโฉนด และบางส่วนก็เป็นที่ว่างเปล่าไม่มีเอกสิทธิ์ แต่อยู่ในที่ดินที่มีการซื้อขายระหว่างนายสมพล กับมูลนิธิฯ ในราคา 12 ล้านบาท
ส่วนที่ดินใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี กว่า 1.3 พันไร่ และที่ดินอีก 600 ไร่ ที่ จ.สงขลา พบว่าพระกิตติวุฒโฑ ได้ทำพินัยกรรมส่งมอบให้น้องสาว ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินพระกิตติ ไม่ใช่ของมูลนิธิฯ โดยตามกฎหมายแล้ว หากสงฆ์ได้ทรัพย์สินมาขณะมีชีวิต เมื่อมรณภาพทรัพย์เหล่านั้นก็จะตกเป็นของรัฐ หากวัดต้องการกลับคืนต้องไปฟ้องร้องเอง อย่างไรก็ตาม ภายหลังจับกุมผู้ต้องหาก็ได้มีบุคคลในครอบครัวผู้ต้องหาติดต่อเข้ามาเพื่อขอยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวคนละล้านบาท แต่พนักงานสอบสวนได้คัดค้านประกันตัว เนื่องจากความเสียหายในคดีนี้สูงถึง 3.5 พันล้านบาท และเกรงผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน โดยภายในวันที่ 11 มิ.ย. นี้จะส่งตัวผู้ต้องหาฝากขังต่อไป
วานนี้ ( 10 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยถึง ความคืบหน้าคดีนายบุญช่วย เจริญสถาพร อายุ 80 ปี น้องชายของพระกิตติวุฑโฒ ภิกขุ อดีตประธานมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุ และ นายกิตติพงษ์ เจริญสถาพร อายุ 43 ปี บุตรชาย ฮุบที่ดินวัด ว่า ขณะนี้สำนวนคดีมีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 95 เตรียมส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องคดีได้เร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้สอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปแล้วกว่า 100 ปาก ซึ่งส่วนใหญ่ต่างให้การสอดคล้องกันว่า ที่ดินทั้งหมดกว่า 3.8 พันไร่ เป็นของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุที่ชาวบ้านได้ร่วมกันบริจาคเงินซื้อมาจากนายสมพล โกศลานันท์ เจ้าของเดิม ประกอบกับมีเอกสารหลักฐานราชการ รวมถึงหลักฐานเอกสารที่ถูกปลอมแปลงขึ้นมา จึงมั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้มากพอที่จะเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ แม้เบื้องต้นผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ
พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า คดีดังกล่าวทางกองปราบปรามได้เริ่มทำคดีต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 ก่อนจะมีเหตุยิงในศาลจันทบุรี ระหว่างนั้น พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ ยังคงนำหลักฐานต่างๆ เข้ามาให้พนักงานสอบสวนกองปราบอยู่ตลอด ส่วนข้อสงสัยว่าที่ดินว่า 3.8 พันไร่นั้น เป็นที่ดิน สปก.หรือไม่ จากการตรวจสอบพบว่ามีบางส่วนเป็นที่ดินมีโฉนด และบางส่วนก็เป็นที่ว่างเปล่าไม่มีเอกสิทธิ์ แต่อยู่ในที่ดินที่มีการซื้อขายระหว่างนายสมพล กับมูลนิธิฯ ในราคา 12 ล้านบาท
ส่วนที่ดินใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี กว่า 1.3 พันไร่ และที่ดินอีก 600 ไร่ ที่ จ.สงขลา พบว่าพระกิตติวุฒโฑ ได้ทำพินัยกรรมส่งมอบให้น้องสาว ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินพระกิตติ ไม่ใช่ของมูลนิธิฯ โดยตามกฎหมายแล้ว หากสงฆ์ได้ทรัพย์สินมาขณะมีชีวิต เมื่อมรณภาพทรัพย์เหล่านั้นก็จะตกเป็นของรัฐ หากวัดต้องการกลับคืนต้องไปฟ้องร้องเอง อย่างไรก็ตาม ภายหลังจับกุมผู้ต้องหาก็ได้มีบุคคลในครอบครัวผู้ต้องหาติดต่อเข้ามาเพื่อขอยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวคนละล้านบาท แต่พนักงานสอบสวนได้คัดค้านประกันตัว เนื่องจากความเสียหายในคดีนี้สูงถึง 3.5 พันล้านบาท และเกรงผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน โดยภายในวันที่ 11 มิ.ย. นี้จะส่งตัวผู้ต้องหาฝากขังต่อไป
