ผู้จัดการรายวัน360-สศช.เผยกระทรวง ทบวง กรม และจังหวัด แห่ขอใช้เงินฟื้นฟูทะลุ 6 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่ตรงตามเป้าในการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากและบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 “อุตสาหกรรม” ขอเยอะสุด 5 หมื่นล้านใช้ฟื้นฟูเอสเอ็มอี ที่เหลือระดับพันล้าน ร้อยล้าน ลงมาจนถึงหลักสิบล้าน เตรียมชง ครม. เห็นชอบรอบแรก 7 ก.ค.นี้ ยันการคัดเลือกโครงการโปร่งใส ตรวจสอบได้
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการใช้เงินกู้ตามพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาโครงการเสนอขอใช้เงินกู้ ในส่วนงบฟื้นฟู 4 แสนล้านบาท ณ วันที่ 5 มิ.ย.2563 มีการเสนอขอใช้เงินมาแล้วกว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการในรอบแรกได้ภายในวันที่ 2 หรือ 7 ก.ค.2563 โดยเบื้องต้นโครงการที่เสนอมากว่า 6 แสนล้านบาท เป็นไปตามกรอบการใช้เงินเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19
สำหรับโครงการที่เสนอมา แยกเป็นโครงการที่เสนอโดยกระทรวง ทบวง กรม ในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้านเกษตร เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เสนอมา 91 โครงการ วงเงิน 2.2 แสนล้านบาท โดยโครงการที่เสนอวงเงินสูงสุด ขอไปฟื้นฟูเอสเอ็มอี ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท รองลงมาเป็นโครงการระดับพันล้านบาท ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเกษตรยังยืน ท่องเที่ยวสู่ชุมชน ขอปลูกปะการังเทียม เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีโครงการสำหรับเศรษฐกิจฐานราก เสนอมาจากระดับหน่วยงานและจังหวัด รวมทั้งสิ้น 28,331 โครงการ วงเงิน 3.72 แสนล้านบาท เมื่อจำแนกเป็นรายจังหวัด มี 55 จังหวัดที่เสนอโครงการมา 28,196 โครงการ วงเงิน 2.03 แสนล้านบาท โดยเฉลี่ยโครงการมีมูลค่าอยู่ที่ 10-20 ล้านบาท เฉลี่ยต่อจังหวัดอยู่ที่ 100-1,000 ล้านบาทต่อจังหวัด และเป็นโครงการของส่วนราชการ 13 กระทรวง 4 หน่วยงานที่ขึ้นตรงสำนักนายกรัฐมนตรี รวม 115 โครงการ 1.68 แสนล้านบาท
ส่วนโครงการเพื่อโครงสร้างพื้นฐาน พบว่า ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากอยู่แล้ว โดยมีส่วนราชการเสนอโครงการมาใหม่อีก 3 โครงการ วงเงินไม่มาก เป็นโครงการเกี่ยวกับช่องทางตลาดแบบดิจิทัล
นายทศพรกล่าวว่า การพิจารณาโครงการในรอบแรกวันที่ 5-15 มิ.ย.2563 คณะทำงานจะเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดโครงการเบื้องต้น พร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดโครงการ ผ่านเว็บไซต์ ThaiMe เมื่อผ่านการตรวจสอบรอบแรก ก็จะเข้าสู่ชั้นคณะอนุกรรมการและกรรมการกลั่นกรอง ในช่วงวันที่ 16-30 มิ.ย.2563 และเข้า ครม. รอบแรกในช่วงวันที่ 7 ก.ค.2563 ส่วนที่โครงการไม่ผ่าน มีบางโครงการที่คณะทำงานตีตก และบางโครงการที่ต้องส่งข้อมูลเพิ่ม ก็จะต้องส่งมาภายใน 9 ก.ค.2563 เพื่อรวมกับโครงการเสนอมาเพิ่ม และจะเสนอ ครม.พิจารณารอบ 2 ในวันที่ 11 ส.ค.2563
“ขณะนี้ มีโครงการที่เสนอมาเกินวงเงิน 4 แสนล้านบาทที่มีอยู่ ก็ต้องเลือกโครงการที่ใช่จริงๆ โดยโครงการทั้งหมดฐานข้อมูลอยู่ในระบบของ สศช. แล้ว ส่วนเงินกู้ 4 แสนล้านบาทจะเพียงพอหรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝ่ายนโยบาย แต่ยืนยันได้ว่าการใช้เงิน 4 แสนล้านบาท มีกระบวนการโปร่งใส ตั้งแต่คัดกรองโครงการ และเมื่อโครงการอนุมัติแล้ว ก็มีกระบวนการติดตาม ประมวลผล มีการให้ภาคประชาสังคมเข้ามาตรวจสอบได้ ซึ่งข้อมูลที่ผ่าน ครม. ทุกโครงการจะอยู่บนเว็บไซต์ให้ตรวจสอบความคืบหน้าได้หมด และยังให้หน่วยงานกลางเข้ามาช่วยตรวจสอบเพิ่มด้วย ซึ่งขณะนี้มี องค์การพัฒนาระหว่างประเทศ (UNDP) ขององค์การสหประชาชาติ ขอเข้ามาประเมินการใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาทว่ามีประสิทธิภาพ โปร่งใสหรือไม่ รวมทั้งจัดทำข้อเสนอแนะการฟื้นตัวเศรษฐกิจในระยะต่อไป”นายทศพรกล่าว
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการใช้เงินกู้ตามพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาโครงการเสนอขอใช้เงินกู้ ในส่วนงบฟื้นฟู 4 แสนล้านบาท ณ วันที่ 5 มิ.ย.2563 มีการเสนอขอใช้เงินมาแล้วกว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการในรอบแรกได้ภายในวันที่ 2 หรือ 7 ก.ค.2563 โดยเบื้องต้นโครงการที่เสนอมากว่า 6 แสนล้านบาท เป็นไปตามกรอบการใช้เงินเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19
สำหรับโครงการที่เสนอมา แยกเป็นโครงการที่เสนอโดยกระทรวง ทบวง กรม ในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้านเกษตร เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เสนอมา 91 โครงการ วงเงิน 2.2 แสนล้านบาท โดยโครงการที่เสนอวงเงินสูงสุด ขอไปฟื้นฟูเอสเอ็มอี ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท รองลงมาเป็นโครงการระดับพันล้านบาท ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเกษตรยังยืน ท่องเที่ยวสู่ชุมชน ขอปลูกปะการังเทียม เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีโครงการสำหรับเศรษฐกิจฐานราก เสนอมาจากระดับหน่วยงานและจังหวัด รวมทั้งสิ้น 28,331 โครงการ วงเงิน 3.72 แสนล้านบาท เมื่อจำแนกเป็นรายจังหวัด มี 55 จังหวัดที่เสนอโครงการมา 28,196 โครงการ วงเงิน 2.03 แสนล้านบาท โดยเฉลี่ยโครงการมีมูลค่าอยู่ที่ 10-20 ล้านบาท เฉลี่ยต่อจังหวัดอยู่ที่ 100-1,000 ล้านบาทต่อจังหวัด และเป็นโครงการของส่วนราชการ 13 กระทรวง 4 หน่วยงานที่ขึ้นตรงสำนักนายกรัฐมนตรี รวม 115 โครงการ 1.68 แสนล้านบาท
ส่วนโครงการเพื่อโครงสร้างพื้นฐาน พบว่า ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากอยู่แล้ว โดยมีส่วนราชการเสนอโครงการมาใหม่อีก 3 โครงการ วงเงินไม่มาก เป็นโครงการเกี่ยวกับช่องทางตลาดแบบดิจิทัล
นายทศพรกล่าวว่า การพิจารณาโครงการในรอบแรกวันที่ 5-15 มิ.ย.2563 คณะทำงานจะเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดโครงการเบื้องต้น พร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดโครงการ ผ่านเว็บไซต์ ThaiMe เมื่อผ่านการตรวจสอบรอบแรก ก็จะเข้าสู่ชั้นคณะอนุกรรมการและกรรมการกลั่นกรอง ในช่วงวันที่ 16-30 มิ.ย.2563 และเข้า ครม. รอบแรกในช่วงวันที่ 7 ก.ค.2563 ส่วนที่โครงการไม่ผ่าน มีบางโครงการที่คณะทำงานตีตก และบางโครงการที่ต้องส่งข้อมูลเพิ่ม ก็จะต้องส่งมาภายใน 9 ก.ค.2563 เพื่อรวมกับโครงการเสนอมาเพิ่ม และจะเสนอ ครม.พิจารณารอบ 2 ในวันที่ 11 ส.ค.2563
“ขณะนี้ มีโครงการที่เสนอมาเกินวงเงิน 4 แสนล้านบาทที่มีอยู่ ก็ต้องเลือกโครงการที่ใช่จริงๆ โดยโครงการทั้งหมดฐานข้อมูลอยู่ในระบบของ สศช. แล้ว ส่วนเงินกู้ 4 แสนล้านบาทจะเพียงพอหรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝ่ายนโยบาย แต่ยืนยันได้ว่าการใช้เงิน 4 แสนล้านบาท มีกระบวนการโปร่งใส ตั้งแต่คัดกรองโครงการ และเมื่อโครงการอนุมัติแล้ว ก็มีกระบวนการติดตาม ประมวลผล มีการให้ภาคประชาสังคมเข้ามาตรวจสอบได้ ซึ่งข้อมูลที่ผ่าน ครม. ทุกโครงการจะอยู่บนเว็บไซต์ให้ตรวจสอบความคืบหน้าได้หมด และยังให้หน่วยงานกลางเข้ามาช่วยตรวจสอบเพิ่มด้วย ซึ่งขณะนี้มี องค์การพัฒนาระหว่างประเทศ (UNDP) ขององค์การสหประชาชาติ ขอเข้ามาประเมินการใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาทว่ามีประสิทธิภาพ โปร่งใสหรือไม่ รวมทั้งจัดทำข้อเสนอแนะการฟื้นตัวเศรษฐกิจในระยะต่อไป”นายทศพรกล่าว