ผู้จัดการรายวัน360-"อนุทิน"ตรวจเยี่ยมการวิจัยวัคซีนโควิด-19 แบบดีเอ็นเอ เผยทดสอบฉีดวัคซีนในหนูแล้ว คาดสัปดาห์หน้ารู้ผล หากดีเตรียมวิจัยในลิงต่อ ลั่นพร้อมอัดงบเต็มที่ หากผลวัคซีนใช้ได้ดี หมื่นล้านก็พร้อมทุ่ม ยันหากสำเร็จ คนไทยต้องได้ใช้ก่อน ด้านไบโอเนทเล็งหารือ อย. หากผลดี ข้ามไปวิจัยในคนได้หรือไม่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลังติดตามความก้าวหน้าวิจัยวัคซีนโควิด-19 ชนิดดีเอ็นเอ ที่บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทดลองฉีดในหนู คาดว่าสัปดาห์หน้าจะทราบผลทดลองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าเป็นอย่างไร หากได้ผลดี จะเดินหน้าทดลองในลิงต่อไป และวิจัยในคน โดยหวังว่านักวิทยาศาสตร์ไทยและโรงงานผลิตวัคซีนของไทยจะฟันฝ่าทุกอย่างได้สำเร็จ ทำให้ความฝันเป็นจริงในการค้นพบวัคซีนป้องกันโควิด-19 และอยากเห็นประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ค้นพบวัคซีนนี้ ซึ่งจะทำให้ระบบสาธารณสุขไทยมีความครอบคลุมรอบด้าน ทั้งการส่งเสริมป้องกันโรค การรักษา ความพร้อมยา เวชภัณฑ์ และการผลิตวัคซีน และ สธ.พร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่ให้ทุกอย่างสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าวิจัยวัคซีนสำเร็จ รัฐมีการเตรียมความพร้อมโรงงานผลิตอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ผลการศึกษาวิจัยทุกอย่างออกมาดี เมื่อมีดีเชื่อว่าจะมีคนวิ่งเข้ามาหา ต้องรับแขกแบบหัวกะไดไม่แห้ง ซึ่งหากวิจัยสำเร็จจะต้องดูแลคนไทยเต็มที่ก่อน
เมื่อถามถึงการจัดสรรงบประมาณการศึกษาวิจัยวัคซีน 5,000 ล้านบาท นายอนุทิน กล่าวว่า อยู่ระหว่างประชุมหารือจัดสรรงบประมาณในส่วนของ สธ.ที่ได้รับจัดสรรเพิ่มเติม เพื่อนำมาต่อสู่กับโรคโควิด ซึ่งไม่ต้องห่วงการใช้เงินในระบบสาธารณสุข เพราะตนเป็นคนขี้เหนียว ไม่ให้มีการนำเงินไปใช้สุรุ่ยสุร่าย แบบไม่ได้ประโยชน์ที่ชัดเจนอย่างแน่นอน และมีส่วนงบประมาณที่จัดสรรสำหรับการวิจัยวัคซีนแน่นอน รวมถึงการตอบแทนบุคลากรและ อสม. จะเป็นการใช้งบประมาณคุ้มค่าประโยชน์ถึงประชาชน และผู้ต่อสู้กับโควิดให้มากที่สุด
"ถ้าผลวิเคราะห์วัคซีนชนิดดีเอ็นเอที่ทดลองในหนู กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์บอกว่าผลวัคซีนใช้ได้ดี ไม่ต้องห่วงรัฐจะมีการทุ่มงบประมาณเต็มที่ อย่าว่าแต่ 5,000 ล้านบาท หากเป็นหมื่นล้านก็สนับสนุน หากทำให้คนไทยปลอดภัยก็ต้องทำ"นายอนุทินกล่าว
นายวิฑูรย์ วงศ์หาญกุล ประธานกรรมการบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ชนิดดีเอ็นเอ และฉีดทดลองในหนูแล้ว หากผลวิเคราะห์ในหนูพบว่าสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีมาก ก็จะมีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าจะสามารถทดลองในคนในระยะที่ 1 ได้เลยหรือไม่ และหากได้เริ่มวิจัยระยะที่ 1 แล้ว คาดว่าจะวิจัยในคนระยะที่ 2 และ 3 ในต้นปี 2564 หากผลการวิจัยเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ทุกขั้นตอน แต่หากผลทดลองไม่ดี ก็จะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความพร้อมในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ทั้งชนิดดีเอ็นเอและเอ็มอาร์เอ็นเอ หากเป็นชนิดดีเอ็นเอที่บริษัทศึกษาวิจัยเอง หากผลวิจัยสำเร็จ ก็จะสามารถเดินหน้าผลิตวัคซีนที่โรงงานแห่งนี้ได้เลย ส่วนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ หากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยวิจัยได้สำเร็จ ก็จะต้องมาใช้โรงงานนี้ในการผลิต ซึ่งบริษัทมีความรู้ในเทคโนโลยีการผลิตชนิดนี้ สามารถผลิตได้เช่นกัน แต่ในการซับซ้อนเรื่องตัวเชื้อการผลิตชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอนั้น จะต้องขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้วิจัยที่ทำชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอได้สำเร็จ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลังติดตามความก้าวหน้าวิจัยวัคซีนโควิด-19 ชนิดดีเอ็นเอ ที่บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทดลองฉีดในหนู คาดว่าสัปดาห์หน้าจะทราบผลทดลองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าเป็นอย่างไร หากได้ผลดี จะเดินหน้าทดลองในลิงต่อไป และวิจัยในคน โดยหวังว่านักวิทยาศาสตร์ไทยและโรงงานผลิตวัคซีนของไทยจะฟันฝ่าทุกอย่างได้สำเร็จ ทำให้ความฝันเป็นจริงในการค้นพบวัคซีนป้องกันโควิด-19 และอยากเห็นประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ค้นพบวัคซีนนี้ ซึ่งจะทำให้ระบบสาธารณสุขไทยมีความครอบคลุมรอบด้าน ทั้งการส่งเสริมป้องกันโรค การรักษา ความพร้อมยา เวชภัณฑ์ และการผลิตวัคซีน และ สธ.พร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่ให้ทุกอย่างสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าวิจัยวัคซีนสำเร็จ รัฐมีการเตรียมความพร้อมโรงงานผลิตอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ผลการศึกษาวิจัยทุกอย่างออกมาดี เมื่อมีดีเชื่อว่าจะมีคนวิ่งเข้ามาหา ต้องรับแขกแบบหัวกะไดไม่แห้ง ซึ่งหากวิจัยสำเร็จจะต้องดูแลคนไทยเต็มที่ก่อน
เมื่อถามถึงการจัดสรรงบประมาณการศึกษาวิจัยวัคซีน 5,000 ล้านบาท นายอนุทิน กล่าวว่า อยู่ระหว่างประชุมหารือจัดสรรงบประมาณในส่วนของ สธ.ที่ได้รับจัดสรรเพิ่มเติม เพื่อนำมาต่อสู่กับโรคโควิด ซึ่งไม่ต้องห่วงการใช้เงินในระบบสาธารณสุข เพราะตนเป็นคนขี้เหนียว ไม่ให้มีการนำเงินไปใช้สุรุ่ยสุร่าย แบบไม่ได้ประโยชน์ที่ชัดเจนอย่างแน่นอน และมีส่วนงบประมาณที่จัดสรรสำหรับการวิจัยวัคซีนแน่นอน รวมถึงการตอบแทนบุคลากรและ อสม. จะเป็นการใช้งบประมาณคุ้มค่าประโยชน์ถึงประชาชน และผู้ต่อสู้กับโควิดให้มากที่สุด
"ถ้าผลวิเคราะห์วัคซีนชนิดดีเอ็นเอที่ทดลองในหนู กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์บอกว่าผลวัคซีนใช้ได้ดี ไม่ต้องห่วงรัฐจะมีการทุ่มงบประมาณเต็มที่ อย่าว่าแต่ 5,000 ล้านบาท หากเป็นหมื่นล้านก็สนับสนุน หากทำให้คนไทยปลอดภัยก็ต้องทำ"นายอนุทินกล่าว
นายวิฑูรย์ วงศ์หาญกุล ประธานกรรมการบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ชนิดดีเอ็นเอ และฉีดทดลองในหนูแล้ว หากผลวิเคราะห์ในหนูพบว่าสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีมาก ก็จะมีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าจะสามารถทดลองในคนในระยะที่ 1 ได้เลยหรือไม่ และหากได้เริ่มวิจัยระยะที่ 1 แล้ว คาดว่าจะวิจัยในคนระยะที่ 2 และ 3 ในต้นปี 2564 หากผลการวิจัยเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ทุกขั้นตอน แต่หากผลทดลองไม่ดี ก็จะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความพร้อมในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ทั้งชนิดดีเอ็นเอและเอ็มอาร์เอ็นเอ หากเป็นชนิดดีเอ็นเอที่บริษัทศึกษาวิจัยเอง หากผลวิจัยสำเร็จ ก็จะสามารถเดินหน้าผลิตวัคซีนที่โรงงานแห่งนี้ได้เลย ส่วนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ หากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยวิจัยได้สำเร็จ ก็จะต้องมาใช้โรงงานนี้ในการผลิต ซึ่งบริษัทมีความรู้ในเทคโนโลยีการผลิตชนิดนี้ สามารถผลิตได้เช่นกัน แต่ในการซับซ้อนเรื่องตัวเชื้อการผลิตชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอนั้น จะต้องขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้วิจัยที่ทำชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอได้สำเร็จ