รอยเตอร์ – สหรัฐฯ ส่งยาต้านเชื้อมาลาเรีย ‘ไฮดร็อกซีคลอโรควิน’ จำนวน 2 ล้านโดสให้บราซิลใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 แม้องค์การอนามัยโลก (WHO) จะออกมาเตือนถึงผลข้างเคียงที่รุนแรงก็ตาม ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสสะสมในแดนแซมบ้าพุ่งเกินกว่า 500,000 รายแล้ว
กระทรวงสาธารณสุขบราซิลยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ 16,409 รายในวันอาทิตย์ (31 พ.ค.) ซึ่งทำให้ยอดติดเชื้อสะสมขยับขึ้นไปอยู่ 514,849 ราย กลายเป็นชาติที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดรุนแรงเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 480 รายในรอบ 24 ชั่วโมง รวมตัวเลขสะสม 29,314 ศพ มากเป็นอันดับที่ 4 ของโลกรองจากสหรัฐฯ, อังกฤษ และอิตาลี
ทำเนียบขาวและรัฐบาลบราซิลได้ออกคำแถลงร่วมเกี่ยวกับยาต้านเชื้อมาลาเรียซึ่งทั้งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ต่างคุยโวว่ามีประสิทธิภาพรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ผลดี เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ WHO ได้สั่งระงับการทดลองยาตัวนี้ในผู้ป่วยโควิด-19 เนื่องจากมีรายงานผลข้างเคียงต่อหัวใจ
ในคำแถลงเมื่อวันที่ 24 เม.ย. FDA ระบุว่า “ได้รับรายงานปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง” ในผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับยาไฮดร็อกซีคลอโรควิน หรือ ‘คลอโรควิน’ ซึ่งเป็นตัวยาเก่ากว่า
ทรัมป์ เคยประกาศเมื่อช่วงกลางเดือน พ.ค. ว่ารับประทานยาไฮดร็อกซีคลอโรควินวันละ 1 เม็ดเพื่อ “ป้องกัน” โควิด-19 ทั้งที่องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้ออกมาเตือนถึงอันตรายจากการใช้ยาชนิดนี้แบบผิดวัตถุประสงค์
โบลโซนาโร ซึ่งเป็นผู้นำหัวขวาจัดและมีความสัมพันธ์อันดีกับ ทรัมป์ ก็ระบุเมื่อไม่นานมานี้ว่า ตัวเขาเองซื้อยาไฮดร็อกซีคลอโรควินเก็บไว้ถึง 1 กล่อง เผื่อว่ามารดาวัย 93 ปีจำเป็นต้องใช้
“ชาวอเมริกันและชาวบราซิลยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียวในการต่อสู้ไวรัสโคโรนา” คำแถลงร่วมระบุ “เราขอประกาศว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบยาไฮดร็อกซีคลอโรควินจำนวน 2 ล้านโดสให้แก่ประชาชนชาวบราซิล... เพื่อใช้ปกป้องพยาบาล แพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของบราซิลให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัส และยังสามารถใช้รักษาผู้ติดเชื้อในบราซิลได้อีกด้วย”
สหรัฐฯ และบราซิลมีแผนทำงานวิจัยร่วม ซึ่งรวมถึงการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มในสภาวะควบคุม (randomized controlled clinical trials) อีกทั้งวอชิงตันจะจัดส่งเครื่องช่วยหายใจจำนวน 1,000 เครื่องให้แก่บราซิลเร็วๆ นี้
ไฮดร็อกซีคลอโรควินซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยมาลาเรียมานานหลายสิบปีกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก หลังผู้นำสหรัฐฯ ออกมาโปรโมตซ้ำๆ ซากๆ ว่ามันให้ผลดีในการรักษาโควิด-19 ทั้งที่ไม่มีผลวิจัยทางการแพทย์ยืนยัน
