ผู้จัดการรายวัน360-ผู้บังคับการปราบปรามเผยแช็ตหลุด “แม่ปุ๊ก” บอก “แม่เอม” น้องอิ่มบุญไม่ใช่ลูก แต่เป็นลูกน้องชาย เร่งตรวจสอบดีเอ็นเอ คาดรู้ผลสัปดาห์นี้ เผยยังได้ส่งหลักฐานในบ้านพัก ทั้งภาชนะ ของใช้เด็ก ส่งกองพิสูจน์หลักฐานตรวจหาสารพิษ พร้อมเร่งตรวจสอบเส้นทางเงินบริจาค 20 ล้าน และประสาน ปคม. เล่นงานค้ามนุษย์อีกคดี ด้านแพทย์สรุปไทม์ไลน์ "น้องอมยิ้ม-น้องอิ่มบุญ" เชื่อได้รับสารพิษบางชนิด คล้ายดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ
พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีจับกุม น.ส.นิษฐา วงวาล หรือแม่ปุ๊ก ที่ก่อเหตุหลอกลวงชาวเน็ตให้สั่งซื้อสินค้าต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊กโดยอ้างว่าต้องการนำเงินไปรักษาน้องอมยิ้ม อายุ 4 ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคประหลาดก่อนจะเสียชีวิตไปเมื่อปลายปี 2562 และต่อมาอ้างว่าน้องอิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ ลูกชายคนเล็กได้ป่วยแบบเดียวกัน แต่เมื่อแพทย์ตรวจสอบอาการเด็กแล้วพบพิรุธว่าเด็กอาจถูกสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทำลายร่างกาย ขณะที่ตัวแม่ปุ๊กกลับได้เงินช่วยเหลือไปร่วม 20 ล้านบาทว่า ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดพยานหลักฐานต่างๆ ที่พบในบ้านพัก ตั้งแต่ภาชนะ และเครื่องใช้เด็ก ไปจนถึงสารต้องสงสัยทั้งหมด ส่งไปยังกองพิสูจน์หลักฐานและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้ตรวจพิสูจน์เรื่องสารพิษแล้ว แต่ยังไม่ทราบผลตรวจ ซึ่งทางตำรวจก็จะมีการเร่งรัดผลตรวจอีกครั้ง
ส่วนหลักฐานบันทึกการสนทนาแช็ตไลน์ที่อ้างว่าเป็นสนทนนาระหว่าง น.ส.นิษฐา ผู้ต้องหา กับแม่เอม แม่ที่แท้จริงของ ด.ญ.อมยิ้ม โดยในบทสนทนาอ้างว่าน้องอิ่มบุญไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่เป็นลูกของน้องชาย ซึ่งตัวเองได้รับมาเลี้ยงเป็นลูกนั้น ทางตำรวจกองปราบปราม ได้เก็บข้อมูลดังกล่าวแล้ว และได้นำไปประกอบสำนวน ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะไม่ตรงกับคำให้การของน.ส.นิษฐา ที่ยืนยันว่า ด.ช.อิ่มบุญเป็นลูกของตนเอง แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหลักฐานสำคัญ เพื่อประกอบกับผลการตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในสัปดาห์นี้ จากนั้นอาจต้องสอบปากคำ น.ส.นิษฐา เพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีแช็ตสนทนาดังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการกองกำกับการ 4 กองปราบปราม (ผกก.4 บก.ป.) พร้อมด้วย พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม รอง ผกก.4 บก.ป. ได้มีการเรียกคณะเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี พร้อมกับประสาน พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม. เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อช่วยตรวจสอบสำนวนคดีในส่วนของความผิดที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์
โดยในส่วนของการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยังคงดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อหาว่ายอดเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาท ถูกยักย้ายโอนไปให้ใครบ้าง เพราะมีข้อสงสัยว่าเงินบริจาคจำนวนมากขนาดนั้น ทำไมการใช้ชีวิตและที่อยู่อาศัยของแม่ปุ๊กขัดแย้งกับเงิน หรือว่าเงินบริจาค ถูกแบ่งไปให้ใครหรือไม่
ทั้งนี้ จะต้องรอผลตรวจสอบดีเอ็นเอของน้องอิ่มบุญ เพราะจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการไขปมหลายอย่าง ถ้าไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ ของแม่ปุ๊ก คดีจะมีน้ำหนักและมูลเหตุจูงใจให้ก่อเหตุ รวมถึงการทำเป็นขบวนการค้ามนุษย์ ส่วนสารพิษที่อยู่ในตัวเด็ก ก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันว่าใครเป็นผู้เอาเข้าสู่ร่างกาย สำหรับการสอบปากคำแม่เอม ซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ของน้องอมยิ้มที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกือบครบแล้ว และแม่เอมไม่ได้หายไปจากบ้านพัก แต่ได้ย้ายที่พัก เพราะมีผู้สื่อข่าวบางสำนักไปที่หน้าบ้าน จึงเครียด
ด้าน รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ พร้อมด้วย ดร.ขนิษฐา บูรณพันศักดิ์ หัวหน้างานสังคมสงเคราะห์ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีของน้องอมยิ้ม และน้องอิ่มบุญ ที่เข้ามารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาล โดยสรุปว่า น้องอิ่มบุญ ได้ส่องกล้องหาสาเหตุอาเจียนเป็นเลือด พบมีการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร น่าจะได้รับสารกัดกร่อน ส่วนน้องอมยิ้ม ที่เข้ามารักษาและเสียชีวิตไปแล้ว มีอาการคล้ายกัน เหมือนกรณีผู้ป่วยพยายามฆ่าตัวตายด้วยการดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำที่มีสารกัดกร่อน จะมีลักษณะแผลใกล้เคียงกับน้องทั้ง 2 คน แต่สารเคมีที่น้องทั้ง 2 ได้รับ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ จึงอยากจะให้รอผลที่ชัดเจนจากพนักงานสอบสวน เนื่องจากหลายประเด็นมีผลกระทบต่อรูปคดี
พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีจับกุม น.ส.นิษฐา วงวาล หรือแม่ปุ๊ก ที่ก่อเหตุหลอกลวงชาวเน็ตให้สั่งซื้อสินค้าต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊กโดยอ้างว่าต้องการนำเงินไปรักษาน้องอมยิ้ม อายุ 4 ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคประหลาดก่อนจะเสียชีวิตไปเมื่อปลายปี 2562 และต่อมาอ้างว่าน้องอิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ ลูกชายคนเล็กได้ป่วยแบบเดียวกัน แต่เมื่อแพทย์ตรวจสอบอาการเด็กแล้วพบพิรุธว่าเด็กอาจถูกสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทำลายร่างกาย ขณะที่ตัวแม่ปุ๊กกลับได้เงินช่วยเหลือไปร่วม 20 ล้านบาทว่า ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดพยานหลักฐานต่างๆ ที่พบในบ้านพัก ตั้งแต่ภาชนะ และเครื่องใช้เด็ก ไปจนถึงสารต้องสงสัยทั้งหมด ส่งไปยังกองพิสูจน์หลักฐานและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้ตรวจพิสูจน์เรื่องสารพิษแล้ว แต่ยังไม่ทราบผลตรวจ ซึ่งทางตำรวจก็จะมีการเร่งรัดผลตรวจอีกครั้ง
ส่วนหลักฐานบันทึกการสนทนาแช็ตไลน์ที่อ้างว่าเป็นสนทนนาระหว่าง น.ส.นิษฐา ผู้ต้องหา กับแม่เอม แม่ที่แท้จริงของ ด.ญ.อมยิ้ม โดยในบทสนทนาอ้างว่าน้องอิ่มบุญไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่เป็นลูกของน้องชาย ซึ่งตัวเองได้รับมาเลี้ยงเป็นลูกนั้น ทางตำรวจกองปราบปราม ได้เก็บข้อมูลดังกล่าวแล้ว และได้นำไปประกอบสำนวน ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะไม่ตรงกับคำให้การของน.ส.นิษฐา ที่ยืนยันว่า ด.ช.อิ่มบุญเป็นลูกของตนเอง แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหลักฐานสำคัญ เพื่อประกอบกับผลการตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในสัปดาห์นี้ จากนั้นอาจต้องสอบปากคำ น.ส.นิษฐา เพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีแช็ตสนทนาดังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการกองกำกับการ 4 กองปราบปราม (ผกก.4 บก.ป.) พร้อมด้วย พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม รอง ผกก.4 บก.ป. ได้มีการเรียกคณะเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี พร้อมกับประสาน พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม. เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อช่วยตรวจสอบสำนวนคดีในส่วนของความผิดที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์
โดยในส่วนของการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยังคงดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อหาว่ายอดเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาท ถูกยักย้ายโอนไปให้ใครบ้าง เพราะมีข้อสงสัยว่าเงินบริจาคจำนวนมากขนาดนั้น ทำไมการใช้ชีวิตและที่อยู่อาศัยของแม่ปุ๊กขัดแย้งกับเงิน หรือว่าเงินบริจาค ถูกแบ่งไปให้ใครหรือไม่
ทั้งนี้ จะต้องรอผลตรวจสอบดีเอ็นเอของน้องอิ่มบุญ เพราะจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการไขปมหลายอย่าง ถ้าไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ ของแม่ปุ๊ก คดีจะมีน้ำหนักและมูลเหตุจูงใจให้ก่อเหตุ รวมถึงการทำเป็นขบวนการค้ามนุษย์ ส่วนสารพิษที่อยู่ในตัวเด็ก ก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันว่าใครเป็นผู้เอาเข้าสู่ร่างกาย สำหรับการสอบปากคำแม่เอม ซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ของน้องอมยิ้มที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกือบครบแล้ว และแม่เอมไม่ได้หายไปจากบ้านพัก แต่ได้ย้ายที่พัก เพราะมีผู้สื่อข่าวบางสำนักไปที่หน้าบ้าน จึงเครียด
ด้าน รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ พร้อมด้วย ดร.ขนิษฐา บูรณพันศักดิ์ หัวหน้างานสังคมสงเคราะห์ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีของน้องอมยิ้ม และน้องอิ่มบุญ ที่เข้ามารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาล โดยสรุปว่า น้องอิ่มบุญ ได้ส่องกล้องหาสาเหตุอาเจียนเป็นเลือด พบมีการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร น่าจะได้รับสารกัดกร่อน ส่วนน้องอมยิ้ม ที่เข้ามารักษาและเสียชีวิตไปแล้ว มีอาการคล้ายกัน เหมือนกรณีผู้ป่วยพยายามฆ่าตัวตายด้วยการดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำที่มีสารกัดกร่อน จะมีลักษณะแผลใกล้เคียงกับน้องทั้ง 2 คน แต่สารเคมีที่น้องทั้ง 2 ได้รับ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ จึงอยากจะให้รอผลที่ชัดเจนจากพนักงานสอบสวน เนื่องจากหลายประเด็นมีผลกระทบต่อรูปคดี