ผู้จัดการรายวัน 360 - รอง ผบช.ภ. 4 เผยรู้ตัวผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายฆาตกรรม “น้องชมพู”แล้ว คาดจับได้เร็ววันนี้ ส่วนผลตรวจนิติเวช รพ.2แห่งไม่ตรงกัน คาดน่าจะเกิดจากความผิดพลาดของเครื่องมือทางการแพทย์ ด้านแพทย์หัวหน้าแผนกนิติเวชรพ.สรรพสิทธิประสงค์ ยืนยันผลตรวจชันสูตรศพ “น้องชมพู่”ตามเดิมไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายและการล่วงละเมิดทางเพศตามที่ได้ผ่าพิสูจน์ไปเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมขึ้นโรงพักแจ้งความเอาผิดพวกชอบวิพากษ์วิจารณ์ทางโซเชียล
ภายหลังผลตรวจทางนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจสรุปออกมาว่า ร่างของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ “น้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบ มีรอยบาดแผลจากการถูกทำร้ายและบริเวณช่องคลอดพบของเหลวบางอย่าง โดยทางแพทย์ต้องนำเข้าสู่กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อตรวจพิสุจน์ว่าของเหลวดังกล่าวเป็นน้ำเชื้ออสุจิหรือไม่และบาดแผลที่พบเกิดจากวัดสุประเภทใด คาดใช้เวลาประมาณ 30 วันจะทราบผล
ในส่วนความคืบหน้าทางคดี ล่าสุด พล.ต.ต.ภาณุ บูรณศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ผู้รับผิดชอบคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่”เด็กหญิงอายุ 3 กว่าเศษ ชาวบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ภูหลวง จ.มุกดาหาร เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พร้อมทีมสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 4 ได้ลงพื้นติดตามความคืบหน้าคดีที่จังหวัดมุกดาหารอีกครั้ง เพื่อเก็บรวบรวมวัตถุพยานหลักฐานต่างๆเตรียมนำเข้าสู่กระบวนการตรวจทางวิทยาศาสตร์ หาเบาะแสตัวคนร้าย
โดยขณะนี้ ทางตำรวจชุดสืบสวนมีข้อมูลกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ที่ยังอยู่ในพื้นที่และได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ถือว่าตอนนี้คดีการหายตัวไปในป่าและเสียชีวิตของน้องชมพู่มีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าน่าจะจับตัวคนร้ายได้ในเร็ววันนี้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับครอบครัวน้องชมพู่
พล.ต.ต.ภาณุ ระบุอีกถึงกรณีที่ผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ของโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ไม่พบร่องรอยการถูกกระทำชำเรา ทางตำรวจจึงจำเป็นต้องส่งร่างน้องชมพู่ ไปตรวจซ้ำที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้คดีสามารถที่จะเดินหน้าไปได้ และ ผลตรวจยืนยันว่า น้องชมพู่ถูกกระทำชำเรา ช่วยให้พนักงานสอบสวนทำคดีได้อย่างถูกทางมากขึ้น
ส่วนผลตรวจทางนิติเวชของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งไม่ตรงกันนั้น คาดว่าเกิดจากความผิดพลาดของความทันสมัยของเครื่องมือทางการแพทย์
ด้านายแพทย์ศักดิ์สิทธิ์ บุญญลักษณ์ หัวหน้ากลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี เปิดเผยว่า แผนกนิติเวชโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ยังยืนยันผลการผ่าพิสูจน์ว่า ไม่พบร่องรอยของการทำร้ายร่างกาย หรือการถูกร่วมเพศจากศพน้องชมพู่ เพราะเยื่อพรหมจรรย์ยังอยู่
โดยหลังเป็นข่าว ได้หารือไปยังแพทย์สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เบื้องต้นก็ไม่มีการขัดแย้งกันแต่อย่างใด เพราะแพทย์ของสถาบันนิติเวช ระบุเพียง “ไม่ปรากฏสาเหตุการตาย แต่พบบาดแผลตามร่างกายและอวัยวะเพศ” ซึ่งไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า เกิดจากทำร้ายร่างกาย หรือการล่วงละเมิด
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ นายแพทย์ศักดิ์สิทธิ์ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบุคคล ที่เขียนข้อความหมิ่นประมาทแผนกนิติเวชโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี กับสภ.เมืองอุบลราชธานี ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาผ่านช่องทางโซเชียลในวันเดียวกันด้วย
ภายหลังผลตรวจทางนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจสรุปออกมาว่า ร่างของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ “น้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบ มีรอยบาดแผลจากการถูกทำร้ายและบริเวณช่องคลอดพบของเหลวบางอย่าง โดยทางแพทย์ต้องนำเข้าสู่กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อตรวจพิสุจน์ว่าของเหลวดังกล่าวเป็นน้ำเชื้ออสุจิหรือไม่และบาดแผลที่พบเกิดจากวัดสุประเภทใด คาดใช้เวลาประมาณ 30 วันจะทราบผล
ในส่วนความคืบหน้าทางคดี ล่าสุด พล.ต.ต.ภาณุ บูรณศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ผู้รับผิดชอบคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่”เด็กหญิงอายุ 3 กว่าเศษ ชาวบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ภูหลวง จ.มุกดาหาร เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พร้อมทีมสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 4 ได้ลงพื้นติดตามความคืบหน้าคดีที่จังหวัดมุกดาหารอีกครั้ง เพื่อเก็บรวบรวมวัตถุพยานหลักฐานต่างๆเตรียมนำเข้าสู่กระบวนการตรวจทางวิทยาศาสตร์ หาเบาะแสตัวคนร้าย
โดยขณะนี้ ทางตำรวจชุดสืบสวนมีข้อมูลกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ที่ยังอยู่ในพื้นที่และได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ถือว่าตอนนี้คดีการหายตัวไปในป่าและเสียชีวิตของน้องชมพู่มีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าน่าจะจับตัวคนร้ายได้ในเร็ววันนี้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับครอบครัวน้องชมพู่
พล.ต.ต.ภาณุ ระบุอีกถึงกรณีที่ผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ของโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ไม่พบร่องรอยการถูกกระทำชำเรา ทางตำรวจจึงจำเป็นต้องส่งร่างน้องชมพู่ ไปตรวจซ้ำที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้คดีสามารถที่จะเดินหน้าไปได้ และ ผลตรวจยืนยันว่า น้องชมพู่ถูกกระทำชำเรา ช่วยให้พนักงานสอบสวนทำคดีได้อย่างถูกทางมากขึ้น
ส่วนผลตรวจทางนิติเวชของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งไม่ตรงกันนั้น คาดว่าเกิดจากความผิดพลาดของความทันสมัยของเครื่องมือทางการแพทย์
ด้านายแพทย์ศักดิ์สิทธิ์ บุญญลักษณ์ หัวหน้ากลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี เปิดเผยว่า แผนกนิติเวชโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ยังยืนยันผลการผ่าพิสูจน์ว่า ไม่พบร่องรอยของการทำร้ายร่างกาย หรือการถูกร่วมเพศจากศพน้องชมพู่ เพราะเยื่อพรหมจรรย์ยังอยู่
โดยหลังเป็นข่าว ได้หารือไปยังแพทย์สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เบื้องต้นก็ไม่มีการขัดแย้งกันแต่อย่างใด เพราะแพทย์ของสถาบันนิติเวช ระบุเพียง “ไม่ปรากฏสาเหตุการตาย แต่พบบาดแผลตามร่างกายและอวัยวะเพศ” ซึ่งไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า เกิดจากทำร้ายร่างกาย หรือการล่วงละเมิด
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ นายแพทย์ศักดิ์สิทธิ์ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบุคคล ที่เขียนข้อความหมิ่นประมาทแผนกนิติเวชโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี กับสภ.เมืองอุบลราชธานี ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาผ่านช่องทางโซเชียลในวันเดียวกันด้วย