ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ของขวัญคนจน “บ้านถูกทั่วไทย” ให้เช่า 999 บาท/เดือน หมื่นยูนิต ซึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) จัดโปรไฟไหม้ถูกอกถูกใจประชาชนยิ่งนัก แต่โปรนี้นำพาชีวิตผู้ว่าฯ การเคหะ มีอันเป็นไป จนต้องชิงลาออกก่อนเกษียณในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลัง “นายกฯ ลุงตู่” สั่งสอบข้อร้องเรียนมีรายการเอื้อพวกพ้อง ส่อทุจริต
ต้องบอกว่าการเคหะแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบภารกิจจัดหาที่อยู่อาศัยให้ประชาชนนั้น ไม่เคยว่างเว้นเรื่องอื้อฉาวด้วยข้อหาทุจริตคอรัปชั่น ยุคก่อนก็ โครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่งเละเทะมโหฬารจนทำให้การเคหะฯ อยู่ในสภาพมีหนี้สินล้นพ้นหลายหมื่นล้าน และยังตามล้างตามเช็ดกันจนถึงทุกวันนี้ มาถึงตอนนี้ก็โครงการบ้านถูกทั่วไทย ซึ่งจะว่าไป ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะฯ ก็ไม่น่าจะพลาด ยังกับว่าบทเรียนบ้านเอื้ออาทรไม่ได้สอนอะไรอย่างนั้นแหละ
แต่อย่างไรก็ตาม หากดูผลงานที่ผ่านมาของผู้ว่าฯ คนนี้ กับการถูกร้องเรียน “บ้านถูกทั่วไทย” คล้ายกับเป็นเรื่องทำนองที่ว่า สี่ตีนยังรู้พลาด? หรือมีอะไรอยู่เบื้องหลังที่ทำให้พลั้งพลาด หรือไม่? หรือมีอะไรอยู่เบื้องหลังการร้องเรียนจนเรื่องถึงหูนายกฯ “ลุงตู่” หรือไม่? ความจริงที่แท้อาจจะช็อกเสียยิ่งกว่า Shock Price บ้านถูกทั่วไทยก็เป็นได้ ด้วยว่าการเคหะแห่งชาติ นั้นเป็นแหล่งที่มีผลประโยชน์มหาศาล ใครๆ ก็อยากจะเข้าไปนั่งเป็นผู้ว่าการฯ ทั้งนั้น
ที่ต้องไม่ลืมก็คือ การเคหะฯ ในปีพ.ศ.นี้ วางแนวทางการบริหารงานองค์กรที่โปร่งใสไม่ให้เกิดการทุจริต สร้างภาพจัดอบรมบ่มเพาะความสัตย์ซื่อ การจัดการความเสี่ยงทุจริต ตั้งแต่ระดับผู้บริหารยันเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน และผู้ว่าการฯ คนนี้ โชว์วิสัยทัศน์นำพาการเคหะฯ ก้าวสู่ยุคใหม่ สะสางปัญหาเน่าๆ ที่หมักหมมมานาน และพร้อมนำพาองค์กรก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน สวยหรูดูดีมีอนาคตมาก
และลืมกันไม่ได้อีกเช่นกันก็คือ ดร.ธัชพล ถือเป็นผู้ว่าการเคหะฯ ในระดับตำนาน เพราะนอกจากจะได้รับรางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจดีเด่นแห่งปี และสุดยอดนักบริหารแห่งปี 2562 โดยวางแนวทางการทำงานสอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เน้นการขับเคลื่อนองค์กรด้วยความโปร่งใสมีความทันสมัยแล้ว
ที่โดดเด่นเหนือใครของนักการเงินเสือข้ามห้วยจากแบงก์ออมสินมายังการเคหะฯ ของดร.ธัชพล ก็ตรงผลงานการพลิกฟื้นฐานะของการเคหะฯ รัฐวิสาหกิจ ใต้สังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้มีกำไรจากปีละประมาณ 400-500 ล้านบาท พุ่งทะยานขึ้นแตะ 1,700 ล้านบาท เมื่อปี 2561 และ 2,000 กว่าล้านบาท ในปี 2562 ซึ่งถือเป็นสถิติผลกำไรสูงสุดนับแต่ก่อตั้งการเคหะแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2516 เป็นต้นมา หรือสร้างสถิติในรอบ 47 ปี มีใครทำได้ ธรรมดาที่ไหนกัน!
ดร.ธัชพล บอกเคล็ดลับทำกำไรของการเคหะฯ ว่า ยึดหลักบริหารงานแบบ Financial Architecture คือ การออกแบบวางแผนการเงินหรือสถาปัตยกรรมทางการเงินมาให้ใช้ในงานด้านก่อสร้างและการดำเนินงาน การบริหารจัดการการขาย จะใช้ทั้งกลยุทธ์การขายทางตรงทางอ้อม การขายยกล็อต การอาศัยเอกชนช่วยขาย ซึ่งประการหลังนี้มีส่วนช่วยได้มาก
หรือการ “อาศัยเอกชนช่วยขาย” กลายเป็น “ธัชพลคอนเนกชัน” บทเริ่มความผิดพลาดของโครงการบ้านทั่วไทย? ใช่เหล่านักเซ็งลี้ที่ฉวยโอกาสฟาดฟันกันช่วงชิงเข้าเป็นพาร์ทเนอร์การเคหะฯ จนส่งผลให้ผู้ว่าฯ เจอดีในข้อหา “เอื้อพวกพ้อง”? จนเจอ “คำสั่ง” ให้เขียน “ใบลาออกก่อนเกษียณอายุในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ปิดฉาก “ไอ้เสือข้ามห้วย” คนนอกที่เข้ามาเป็นผู้ว่าการเคหะ ตามมติครม.เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2559
ยืนยันตามรายงาน การเคหะแห่งชาติ ที่ประกาศว่า นายธัชพล ได้ยื่นหนังสือลาออกฉบับวันที่ 24 เมษายน 2563 จากตำแหน่งผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ก่อนหมดวาระในเดือนตุลาคม 2563 ซึ่งจะมีผล ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2563 และได้รับอนุมัติการลาออกตามผลการประชุมคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ครั้งที่ 9/2563 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 แล้ว โดยระหว่างนี้นายธัชพล ได้แจ้งขอลาพักจนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่การลาออกมีผล
ทั้งนี้ ตามคำสั่งการเคหะแห่งชาติที่ ง. 062/2563 ได้มอบหมายให้ นายวิญญา สิงห์อินทร์ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ทำหน้าที่รักษาการแทนผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ต่อไป มีผลตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2563
สาวกลับไปยังต้นตอของความอื้อฉาวโครงการบ้านถูกทั่วไทย ตามรายงานจากการเคหะฯ ที่ว่ นายณัฐพงศ์ พันธเกียรติไพศาล ประธานคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ได้นำข้อความที่นายกรัฐมนตรีพูดในที่ประชุม ครม.เมื่อปลายเดือนมีนาคม ว่าที่ผ่านมามีการร้องเรียนจากประชาชนที่ลงทะเบียนบ้านเช่าทั่วไทยเรื่องบ้านเช่า บ้านเช่าซื้อ และพื้นที่ว่างที่มีการนำไปจัดประโยชน์ว่ามีการไปหาประโยชน์กัน โดยเฉพาะบ้านเช่าเพื่อคนจน ได้มีการจัดสรรให้คนที่ไม่ใช่คนจนจริงๆ ได้เช่าก่อน
และส่วนใหญ่ที่ได้ก็เป็นข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งยังมีการนำพื้นที่บางส่วน เช่น ตลาด ไปปล่อยให้มีการเช่าช่วงเกิดขึ้นจนทำให้คนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าตัวจริงเกิดความเดือดร้อน รวมไปถึงมีการนำห้องชุดแต่ละยูนิตในหลายโครงการที่ว่างอยู่ไปปล่อยเช่าและหารายได้จากส่วนต่าง เช่น บางโครงการเช่าจาก กคช.ยูนิตละ 1,500 บาท ก็นำไปปล่อยเช่า 3,500-4,000 บาท จึงมีส่วนต่างเกิดขึ้นจำนวนมากที่มีการนำมาจัดสรรกันภายใน กคช.
เรื่องนี้บอร์ดสั่งให้ผู้บริหาร กคช.ทำสรุปข้อมูลชี้แจงให้ชัดเจนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องของบ้านเช่า 999 และ 1,200 บาท ใครได้สิทธิไปแล้วบ้าง กลุ่มไหน คนจนจึงหรือไม่ วิธีการคัดเลือกเป็นอย่างไร และที่เหลืออีกเกือบ 7,000 ยูนิต ติดปัญหาอะไร รวมเรื่องอื่นๆ ที่นายกฯ ถามมาเพื่อรัฐมนตรีจะได้นำเรียนนายกฯ ต่อไป
ขณะที่บอร์ดตั้งกรรมการขึ้นมาสอบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ดร.ธัชพล ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา ว่าบอร์ด กคช. ไม่ได้ตั้งกรรมการสอบการทำงานของตนเอง แต่เป็นการข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการปล่อยเช่าบ้านที่มีปัญหาร้องเรียน หรือไม่ อย่างไร
ในส่วนของ ดร.ธัชพล เองก็ได้ตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า กระบวนการที่ผิดพลาดมี 2 กรณี คือ ปล่อยเช่าให้กับผู้มีรายได้เกินเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นผิดพลาดทางเทคนิค โดยมีเพียง 4 ราย โดยอธิบายเหตุผลว่าเพราะกคช.ไม่เคยบริหารโครงการขนาดใหญ่ถึงหนึ่งหมื่นยูนิตมาก่อน ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่าลัดคิว สอบถามเจ้าหน้าที่ได้รับการยืนยันว่าไม่มีการลัดคิด แต่เป็นเพราะคนที่ได้คิวก่อนไม่ได้ตอบรับจึงข้ามคิวไปโดยมีกรณีลักษณะนี้ 2-3 โครงการ จาก 100 โครงการที่ปล่อยเช่า
พร้อมกับยืนยันด้วยว่า การนำโครงการบ้านถูกมาปล่อยเช่า เป็นการทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และไม่มีการทุจริต แต่เกิดจากข้อผิดพลาดทางเทคนิค ส่วนผลสอบจะเป็นอย่างไร มีผลประโยชน์แอบแฝงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนของคณะกรรมการ ซึ่งทราบว่ามี 2 ชุด คือ ชุดที่แต่งตั้งโดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีรองปลัดฯ พม.เป็นประธาน และชุดที่บอร์ด กคช.ตั้งขึ้น ซึ่งไม่ว่าผลสอบจะออกมาอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตน
ชัดเจนมากว่า ไม่ว่าผลสอบจะออกมาอย่างไร ผู้ว่าการเคหะฯ บอกว่าไม่เกี่ยวกับตนเอง แต่ตอนนี้กลับยื่นใบลาออก ซึ่งดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนัก เพราะถ้าไม่มีอะไรในกอไผ่จริง ก็ไม่น่าที่จะต้องตัดสินใจลาออก
ชวนให้พิศวง ผู้ว่าฯ การเคหะฯ ที่มาพลิกฟื้นสถานะของแดนสนธยาแห่งนี้ให้ดูดีขึ้น จะกลายมาเป็น “ปลาตายน้ำตื้น” ด้วยข้อหากินสินบาทคาดสินบน บนตราประทับนับครั้งไม่ถ้วนที่เกิดขึ้นในอดีตที่ กคช. มีการทุจริตแสวงหาผลประโยชน์ จนทำให้ประชาชนคนจน คนชั้นกลางที่อยากมีบ้านได้รับความเดือดร้อน
การสืบสาวราวเรื่องและทำความจริงให้ปรากฏอีกไม่นานคงได้รู้กันว่าคนที่ได้สิทธิเข้าอยู่นั้น ใช่คนจนจริงหรือไม่ และมีการเอื้อให้คนบางกลุ่มได้สิทธิเช่าในทำเลที่ดีและมีขบวนการเซ็งลี้อาคารไปปล่อยเช่าได้ส่วนต่าง ใช่หรือไม่
สำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าว เอาคร่าวๆ โครงการบ้านถูกทั่วไทย แบ่งเป็นโครงการบ้านเช่าทั่วไทย มี 2 แบบ คือ ราคาเช่ายูนิตละ 999 บาท และยูนิตละ 1,200 บาท จำนวน 10,000 หน่วย สัญญาเช่า 1 ปี และหลังครบสัญญาจะมีการปรับขึ้นประมาณ 5% เช่น เช่ายูนิตละ 999 บาท ก็จะเป็น 1,050 บาท เปิดให้จองได้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม-30 มิถุนายนนี้
ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนจองแล้ว 2 หมื่นกว่ารายและสามารถจัดให้เข้าอยู่ได้กว่า 3 พันราย 3,500 หน่วย ประกอบด้วย เชียงใหม่ ลำปาง ภูเก็ต หาดใหญ่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา นครราชสีมา บุรีรัมย์ หนองคาย อยุธยา สระบุรี โดยบ้านที่นำมาจัดให้มีการปล่อยเช่าจะเป็นบ้านเดี่ยวเอื้ออาทรชั้นเดียว และอาคารสูง 5 ชั้น ซึ่งบ้านเดี่ยวเอื้ออาทรและชั้นที่หนึ่งของแต่ละอาคารที่เข้าโครงการจะให้เช่า 1,200 บาท ส่วนชั้น 3, 4, 5 จะให้เช่าราคา 999 บาท
โครงการเช่าราคาถูกส่วนใหญ่คนที่มาเช่าจะเลือกทำเลที่ใกล้สถานที่ทำงานใน กทม. เช่น โครงการร่มเกล้า และโครงการลาดกระบัง ถือว่ามีความต้องการสูงมากเพราะใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีจำนวนที่นำมาปล่อยเช่าไม่กี่ยูนิตทำให้มีผู้ต้องการลงทะเบียนรอคิวมาก บางโครงการจะเป็นการทั้งปล่อยเช่า เช่าซื้อ หรือกู้แบงก์เพื่อให้ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยตามรูปแบบที่ต้องการรวมทั้งหมด 35 โครงการ
อีกทั้งโครงการเหล่านี้ยังเปิดกว้างไว้ว่าหากผู้เช่ามีความประสงค์จะซื้อในภายหลังสามารถเปลี่ยนจากเช่ามาเป็นซื้อได้ตามเงื่อนไขที่ กคช. กำหนด ถ้ามีกำลังจะเปลี่ยนเป็นซื้อและผ่อนกับสถาบันการเงินก็ได้ หรือจะเลือกผ่อนกับการเคหะฯ ที่เรียกว่าการเช่าซื้อเพียงแต่ว่าถ้าผ่อนกับการเคหะฯ ดอกเบี้ยจะสูงกว่าแบงก์ต่างๆ อีก 1-3% ก็ขึ้นอยู่ว่าลูกค้าจะเลือกผ่อนกับใคร
อย่างไรก็ดี ปัญหาที่เกิดขึ้นและนำไปสู่การร้องเรียนว่าผู้ได้สิทธิในการเช่าไม่ใช่คนจนจริงและเป็นการเอื้อให้คนบางกลุ่มนั้นอาจเป็นเพราะ กคช.ยังไม่สามารถนำ “บ้านว่าง” ที่เป็นตัวเลขจริงมาจัดสรรให้แก่ผู้ที่ลงทะเบียนไว้ได้ เพราะหลายห้องในโครงการที่ปล่อยเช่ามีสภาพทรุดโทรม กระเบื้องที่ปูพื้นหลุด ก๊อกน้ำใช้ไม่ได้ กระจกแตก ไม่มีการซ่อมแซม และบางทำเลไม่เป็นที่ต้องการของผู้เช่า
นอกจากนี้ ผู้ที่มาลงทะเบียนเช่าบ้าน กคช.ไว้แล้วไม่ใช่ว่าจะได้บ้านเช่าหรือเข้าอยู่ได้ทันที เพราะจะต้องตรวจสอบคุณสมบัติที่กำหนดไว้คือเป็นผู้มีสัญชาติไทยและบรรลุนิติภาวะ มีรายได้ครัวเรือนไม่เกิน 40,000 ต่อเดือน ไม่เป็นคู่สัญญาเช่ากับ กคช.และไม่มีหนี้ค้างชำระ ในคุณสมบัติที่กำหนด กคช.จะเข้มในเรื่องรายได้ครัวเรือนไม่เกิน 40,000 บาท ซึ่งบางรายไม่ปรากฏรายได้ชัดเจน ขณะที่ กคช.ก็ต้องการลูกค้าที่มั่นใจว่ามีความสามารถในการจ่ายค่าเช่าได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับโครงการที่ถูกนำมาให้เช่าราคาถูกยูนิตละ 999-1,200 บาท ที่ กทม.เช่น โครงการเคหะชุมชนออเงินระยะ 1-2 ผู้สนใจ 491 ราย โครงการเอื้ออาทร มิตรไมตรี (หนองจอก) 172 ราย บ้านเอื้ออาทร ร่มเกล้า 2 ระยะที่ 1-3 ผู้สนใจ 692 ราย บ้านเอื้ออาทร ลาดกระบัง 2 เฟส 2 ผู้สนใจ 480 ราย บ้านเอื้ออาทร เพชรเกษม 81 ผู้สนใจ 466 ราย เคหะชุมชนธนบุรี 2 ระยะ 1 ผู้สนใจ 954 ราย บ้านเอื้ออาทร สายไหม ผู้สนใจ 251 บ้านเอื้ออาทร รามอินทรา (คู้บอน) ผู้สนใจ 290 ราย
ในต่างจังหวัด เช่น ที่นครราชสีมา ระยะที่ 4-5 ผู้สนใจ 337 ราย บ้านเอื้ออาทร นครราชสีมา (หนองจะบก) 168 ราย จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเอื้ออาทร เชียงใหม่ ผู้สนใจ 186 ราย บ้านเอื้ออาทร เชียงใหม่(ไนท์ซาฟารี) เฟส 1 ผู้สนใจ 428 รายที่จังหวัดนนทบุรี มีโครงการเคหะชุมชนนนทบุรีส่วน 4 ผู้สนใจ 1,156 ราย บ้านเอื้ออาทร บางบัวทอง ผู้สนใจ351 ราย บ้านเอื้ออาทร นนทบุรี (วัดกู้ 2) ผู้สนใจ 229 ราย บ้านเอื้ออาทร บางบัวทอง 2 (บางกรวย-ไทรน้อย) ผู้สนใจ 165 ราย บ้านเอื้ออาทร บางใหญ่(วัดพระเงิน) ผู้สนใจ 276 ราย บ้านเอื้ออาทร นนทบุรี (กันตนา) เฟส 1 ผู้สนใจ 257 ราย
จังหวัดปทุมธานี บ้านเอื้ออาทรรังสิต คลอง 1 ผู้สนใจ 379 ราย บ้านเอื้ออาทร ปทุมธานี (สี่แยกปทุมวิไล) ผู้สนใจ 226 ราย บ้านเอื้ออาทร ตลาดไทย ผู้สนใจ 407 ราย บ้านเอื้ออาทร เสมาฟ้าคราม ผู้สนใจ 182 ราย
ขณะที่โครงการบ้านพระราม 4 ปทุมวัน มีผู้สนใจ 610 ราย ราคาเช่าที่ระบุไว้ 2,750-3,000 บาท
ภายหลังจากข่าวคราวความอื้อฉาวของโครงการบ้านถูกทั่วไทยกระฉ่อนขึ้นมา การเคหะฯ ได้แจกแจงยืนยันการทำสัญญาเช่าตามลำดับการลงทะเบียนจองสิทธิ โดยลูกค้าจะเลือกโครงการและทำเลเองในวันทำสัญญา ส่วนการให้สิทธิข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ เพียงร้อยละ 7 เท่านั้น และไม่มีสิทธิพิเศษในการเลือกทำเลที่ตั้งแต่อย่างใด ส่วนกรณีมีการนำพื้นที่บางส่วน เช่น ตลาด ไปให้เช่าช่วงนั้น หากพบมีการกระทำจริง จะบอกเลิกสัญญาและดำเนินการตามกฎหมาย
ทั้งนี้ การให้สิทธิเช่าบริเวณพื้นที่ให้เช่าของการเคหะแห่งชาติมีหลักเกณฑ์ คือ ให้สิทธิตรงแก่ผู้ประกอบการรายย่อยที่อาศัยในชุมชนเป็นลำดับแรก ที่เหลือจะเปิดให้ผู้อยู่อาศัยในชุมชนข้างเคียง และให้สิทธิแก่องค์กรชุมชน เช่น คณะกรรมการชุมชนฯ นิติบุคคลอาคารชุด หน่วยงานบริหารส่วนท้องถิ่น บริหารตลาด และร้านค้าก่อน และให้สิทธิโดยวิธีการประกวดราคา ในการประกวดราคาได้กำหนดให้สิทธิผู้ประกอบการค้าในชุมชนเป็นอันดับแรก
กรณีห้องเช่าที่มีการนำไปเช่าช่วง และหารายได้จากส่วนต่างนั้น ซึ่งการทำสัญญาเช่าห้องชุดของการเคหะแห่งชาติ แบ่งเป็น การเคหะแห่งชาติทำสัญญาเช่ากับประชาชนโดยตรงเป็นรายห้อง และทำสัญญาเช่าเป็นรายปี ผู้เช่าต้องมาต่อสัญญาเช่าทุกปี หากพบว่ามีการนำห้องไปให้เช่าช่วง การเคหะแห่งชาติจะดำเนินการบอกเลิกสัญญาและขอห้องคืน
สำหรับการทำสัญญาเช่าเหมาบริหารอาคารกับผู้ประกอบการเอกชน โดยการเปิดประมูลเสนอราคา และมอบให้เอกชนเป็นผู้บริหารสัญญา ซึ่งผู้เช่าเหมาจะทำสัญญาเช่าห้องชุดกับผู้เช่ารายย่อย และจัดเก็บค่าเช่าไม่เกินอัตราที่การเคหะแห่งชาติกำหนด
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม กคช.ต้องตอบคำถาม “นายกฯ ลุงตู่” ที่อยากเป็น “ขวัญใจคนจน” เข็นโครงการนี้ออกมาเอาใจประชาชนคนรายได้น้อยว่ามีรายการเอื้อพวกพ้องจริงหรือไม่ เพราะตอนนี้โครงการบ้านถูกทั่วไทย โปรไฟไหม้ Shock Price เสียจนผู้ว่าการเคหะฯ เองก็แทบช็อก จนต้องชิ่งไขก๊อกก่อนเวลาอันควรไปเรียบร้อยแล้ว